17 ม.ค. 2022 เวลา 07:28 • ประวัติศาสตร์
“Blood Eagle” การทรมานและประหารสุดโหดของชาวไวกิ้ง
1
เรื่องราวของชาวไวกิ้ง (Viking) นั้นมีความน่าสนใจ
1
ชาวไวกิ้งเป็นกลุ่มชนโบราณที่มีความเป็นตัวของตัวเอง มีวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของตนเอง และเป็นที่สนใจของผู้ที่ชื่นชอบในประวัติศาสตร์
1
หนึ่งในเรื่องราวที่น่าสนใจของไวกิ้ง ก็คือวิธีการประหารชีวิต และหนึ่งในนั้นก็คือวิธีที่เรียกว่า “Blood Eagle”
1
ชาวไวกิ้ง (Viking)
กรรมวิธี Blood Eagle นั้น เหยื่อจะถูกผ่ากระดูกสันหลังจนเห็นกระดูก อีกทั้งปอดก็จะถูกแทง
1
ลำไส้และกระดูกของเหยื่อจะถูกคว้านออกมา และทำให้เครื่องในของเหยื่อออกมาอยู่ด้านนอก มีลักษณะเหมือนปีก
1
นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “Blood Eagle”
1
แต่จนถึงทุกวันนี้ ก็ไม่มีใครทราบว่า Blood Eagle นี้เป็นเรื่องจริงหรือเป็นเรื่องแต่ง โดยตามข้อมูลของนักประวัติศาสตร์บางราย กล่าวว่า Blood Eagle คือพิธีกรรมหนึ่งเพื่อบูชาเทพโอดิน (Odin) ซึ่งเป็นเทพสูงสุดของชาวนอร์ส และเป็นหนึ่งในวิธีการทรมานที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์
1
เทพโอดิน (Odin)
สำหรับเหยื่อของ Blood Eagle ที่เด่นๆ ก็คือรายของ “พระเจ้าเอลลาแห่งนอร์ทัมเบรีย (Aella of Northumbria)”
1
ในปีค.ศ.867 (พ.ศ.1410) กองทัพไวกิ้งได้เข้ารุกรานดินแดนของพระเจ้าเอลลา ซึ่งพระเจ้าเอลลาก็สามารถจับตัวผู้นำชาวไวกิ้งที่ชื่อ “แร็กนาร์ ลอดบร็อค (Ragnar Lodbrok)” ได้
1
แร็กนาร์ถูกประหาร สร้างความโกรธแค้นแก่ลูกๆ ของเขาเป็นอย่างมาก
1
หนึ่งในลูกชายของแร็กนาร์ที่ชื่อ “ไอวาร์เดอะโบนเลสส์ (Ivar the Boneless)” สามารถพิชิตพระเจ้าเอลลา และใช้วิธีการประหารสุดโหดนี้แก่พระเจ้าเอลลา
2
แร็กนาร์ถูกประหารด้วยการจับโยนลงในบ่องู ซึ่งสำหรับชาวไวกิ้ง นี่คือการเหยียดหยาม และเพื่อเป็นการแก้แค้น เมื่อสามารถจับพระเจ้าเอลลาได้ การทรมานสุดโหดจึงเริ่มต้นขึ้น
1
การประหารแร็กนาร์ ลอดบร็อค (Ragnar Lodbrok)
เหยื่อของ Blood Eagle จะถูกมัดติดกับหลักประหาร ก่อนที่จะใช้ขวานคว้านกระดูกและเครื่องในออกมาจนมีลักษณะเป็น “ปีก” ติดกับตัวเหยื่อ
1
ในบางครั้ง เหยื่อจะยังไม่ตายในทันที และผู้ประหารก็จะนำเกลือไปทาที่แผลเพื่อให้เหยื่อทรมาน ก่อนที่ปอดจะถูกดึงออกมาจากร่างกาย และเหยื่อก็ขาดใจตาย
1
การประหารด้วยวิธีการ Blood Eagle จึงนับเป็นการประหารที่โหดเหี้ยมที่สุด และใช้ในการล้างแค้นศัตรู
1
แต่วิธีการนี้ก็ยังเป็นที่ถกเถียงกันว่ามีจริงหรือไม่ และสำหรับพระเจ้าเอลลา ก็น่าจะสวรรคตในสนามรบมากกว่า
1
เรื่องราวในสมัยศตวรรษที่ 9-10 ที่สแกนดิเนเวียนั้น นักประวัติศาสตร์มักจะมองเป็นเรื่องแต่งมากกว่าที่จะเป็นเรื่องจริง เนื่องจากหลักฐานต่างๆ ที่อ่อน และเรื่องเล่าที่เกินจริงหลายๆ เรื่อง
1
ดังนั้น สำหรับ Blood Eagle หลายคนจึงคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องแต่งมากกว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องแต่ง แต่นี่ก็นับเป็นการประหารสุดโหดวิธีการหนึ่งในประวัติศาสตร์ และยังเป็นที่พูดถึงจนถึงทุกวันนี้
2
โฆษณา