17 ม.ค. 2022 เวลา 13:20 • การตลาด
พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ห้ามพลาดสิ่งนี้ ​
วันนี้จะพามาส่องเทรนด์การค้าออนไลน์ของไทยในปี 2565 กัน
ซึ่งนับวันธุรกิจการค้าออนไลน์ผู้บริโภคและธุรกิจจะยังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องทั้งในปีนี้และต่อไปในอนาคต โดย สุริพงษ์ ตันติยานนท์ ผู้จัดการวีซ่า ประจำประเทศไทย ได้กล่าวว่าภายในปี 2568 การค้าออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีมูลค่าสูงถึงสองล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งวีซ่ามองเห็น 6 เทรนด์สำคัญที่จะพาเราไปถึงจุดนั้น​ ได้แก่
1. แหล่งซื้อขายเกิดขึ้นได้ทุกที่ในโลก
จากเมื่อก่อนที่ต้องรอให้ถึงวันหยุดเพื่อไปห้าง แต่ทุกวันนี้มีร้านค้าออนไลน์มากมายที่ฝังตัวอยู่บนโลกโซเชียล เช่น การไลฟ์สตรีมมิ่งบนเครือข่ายโซเชียลที่ผู้ซื้อสามารถโต้ตอบกับอินฟลูเอนเซอร์ และซื้อของได้แบบเรียลไทม์ ร้านค้าออนไลน์ในรูปแบบนี้ ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และจะอยู่ในทุกแพลตฟอร์ม เราจินตนาการว่าในอนาคตการซื้อของจะไม่จำกัดเฉพาะในร้านค้า โลกทั้งใบของเราจะเป็นตลาดที่เราสามารถค้นหาสินค้า ซื้อของได้ทุกที่ทุกเวลาจากทั่วทุกมุมโลก บนช่องทางโซเชียลที่หลากหลายและเข้าถึงได้​
2. สินค้าในรูปแบบดิจิทัล
ไม่เพียงแต่ร้านค้าผันตัวสู่โลกออนไลน์ แต่สินค้าบางอย่างก็อาจเริ่มวางขายบนช่องทางออนไลน์เท่านั้น เมื่อผู้ซื้อใช้เวลาบนโลกออนไลน์มากขึ้น จึงทำให้เกิดสินค้าที่มีเฉพาะในโลกออนไลน์เท่านั้น ซึ่งเราได้เห็นแล้วจากการใช้ชีวิตผ่าน Augmented Reality (AR) ที่ผู้คนสามารถลองสวมใส่เสื้อผ้าหรือรองเท้าในรูปแบบออนไลน์ได้ วีซ่าคาดว่าจะมีอีกหลายธุรกิจที่จะเริ่มลองตลาดสินค้าเฉพาะในรูปแบบออนไลน์นี้เพื่อเปิดตลาดใหม่ และเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคบนแพลตฟอร์มที่พวกเขาใช้เวลาต่อวันมากที่สุด​​
3. ก้าวสู่อาณาจักร เมตาเวิร์ส
บางท่านอาจถามว่าแล้วเราจะใส่รองรองเท้าที่ดาวน์โหลดมาที่ไหน คำตอบก็คือรองเท้าดิจิทัลและสินค้าในรูปแบบดิจิทัลอื่นๆ จะมีชีวิตอยู่ใน “เมตาเวิร์ส” โลกดิจิทัลเสมือนจริงเต็มรูปแบบ ในเมตาเวิร์สเมื่อคุณถือเงินสกุลดิจิทัลอย่าง NFTs หรือ Non-Fungible Tokens คุณก็สามารถเป็นเจ้าของสินทรัพย์อย่างงานศิลปะ ของสะสม หรือไอเทมในเกมต่าง ๆ และขายให้กับคนอื่นได้ด้วยบนช่องทางบล็อกเชน กล่าวได้ว่าเมตาเวิร์สน่าจะกลายเป็นพรมแดนใหม่ที่บรรดาธุรกิจอยากเข้าไปจับจองพื้นที่​
4. ธุรกิจจะเป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
ขณะที่ธุรกิจมากมายกำลังเดินหน้าปรับตัวให้เป็นดิจิทัลมากขึ้น หน่วยงานหน้าร้านและส่วนหลังบ้านอาจยังไม่เชื่อมต่อกันอย่างแท้จริง หน่วยงานหน้าร้านที่ต้องเจอกับลูกค้ามักจะเป็นส่วนแรกที่ได้รับการปรับเปลี่ยนให้เป็นดิจิทัล อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก็อาจหยุดชะงักหากระบบสำหรับหน่วยงานหลังบ้านยังไม่ได้รับการพัฒนาให้เท่าทัน หนึ่งตัวอย่างที่ช่วยให้เห็นภาพได้อย่างชัดเจน คือ ในช่วงการเกิดโรคระบาดมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ของพนักงานด้านการเงินในสิงคโปร์ยังคงต้องไปทำงานเอกสารที่ออฟฟิศ ตอนนี้จึงถึงเวลาแล้วที่ธุรกิจไม่ว่าเล็กใหญ่ควรปรับตัวให้เป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ
5. โกลคอลไลเซชัน (Glocalisation) ทางการค้า
เหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นทั่วโลกล้วนแล้วแต่กระทบต่อห่วงโซ่อุปทานหรือซัพพลายเชน ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ต้องมองหาลู่ทางใหม่ ๆ อย่างรวดเร็วในการจัดหาสินค้า ในอนาคตห่วงโซ่อุปทานจะต้องมีความหลากหลายขึ้น มีทั้งในต่างประเทศและในประเทศ และพร้อมรับมือกับวิกฤติการณ์ต่าง ๆ ที่อาจส่งผลต่อการขนส่งลำเลียงสินค้า
6. ช่องทางใหม่สู่แหล่งสินเชื่อและการลงทุน
ดาต้าทำให้การเข้าถึงแหล่งสินเชื่อสำหรับผู้บริโภคและผู้ประกอบการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด การพิจารณาสินเชื่อในรูปแบบเดิมที่ทำให้ธุรกิจในรูปแบบใหม่ ๆ ถูกมองข้าม ข่าวดีคือดาต้าที่มีอยู่อย่างมากมายในรูปแบบดิจิทัล ทั้งจากการทำธุรกิจหรือการใช้ชีวิตประจำวันสามารถนำมาใช้เพื่อพิจารณาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนใหม่ ๆ ได้แล้ว เช่น ข้อมูลจำพวกอัตราหมุนเวียนสินค้าคงเหลือ กระแสเงินสดสุทธิ หรือการสั่งซื้อ
และนี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าอยากรู้เพิ่มเติมสามารถตามไปอ่านได้ที่ ​https://www.smethailandclub.com/marketing/7734.html
​#sme #smethailand #พฤติกรรมผู้บริโภค #ธุรกิจขายออนไลน์ ​ ​ #เพื่อนคู่คิดธุรกิจเอสเอ็มอี #เรื่องธุรกิจต้องSMETHAILAND​
โฆษณา