17 ม.ค. 2022 เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
รวมเป้าหมายหุ้นโรงไฟฟ้าปี 65 ธุรกิจเติบโตแค่ไหน?
1
เป้าหมายหุ้นโรงไฟฟ้าปี 65
ประเดิมช่วงต้นปีแบบนี้เหล่าผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ส่วนใหญ่ต่างออกมาประกาศถึงเป้าหมายการดำเนินธุรกิจในปี 65 กันอย่างคึกคัก ขณะที่หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าก็ถือเป็นอีกกลุ่มที่นักลงทุนสนใจเป็นอันดับต้น เพราะเป็นกลุ่มที่มีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอและแต่ละบริษัทมีแผนขยายการเติบโตกันอย่างต่อเนื่อง
โดยผู้สื่อข่าว "สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย" จึงได้รวบรวมเป้าหมายหุ้นโรงไฟฟ้าปี 65 ว่าจะเติบโตแค่ไหนบ้าง?
1.EGCO
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ผลิตไฟฟ้า (EGCO) เปิดเผยว่าปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายจะมีกำไรเติบโตใกล้เคียงกับปี 64 ที่คาดว่าจะมีกำไรให้ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นระดับ 9% มาจากธุรกิจไฟฟ้าที่เติบโตขึ้น และอาจมีกำไรเติบโตก้าวกระโดดได้หากบริษัทมีโอกาสในการเข้าลงทุนธุรกิจใหม่เพิ่มเติม รวมทั้งมีรายได้จากการขายไฟเพิ่มขึ้นจากการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติผันแปร (Ft)
บริษัทยังโฟกัสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าโดยเฉพาะพลังงานหมุนเวียนและพลังงานสะอาดเพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทตั้งเป้าจะเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่กว่า 1,000 เมกะวัตต์ (MW) เนื่องจากปัจจุบันยังมีการเจรจาควบรวมหรือเข้าซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในหลายโครงการ รวมถึงมองโอกาสจะขยายการลงทุนไปสู่ธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องหรือธุรกิจใหม่ พร้อมตั้งงบลงทุนในปีนี้ประมาณ 30,000 ล้านบาท
2.RATCH
นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH เปิดเผยว่าคาดว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 10-20% สอดคล้องกับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นปีละ 700 MW พร้อมประกาศเดินหน้าแผนการเพิ่มทุนราว 3 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าถ่านหินในอินโดนีเซีย ขนาดกำลังการผลิต 2,045 MW และการลงทุนซื้อกิจการ (M&A) โรงไฟฟ้าที่อยู่ในแผนเข้ามาเพิ่มเติมอีกหลายโครงการในอนาคตโดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ
3.GULF
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่าสำหรับแผนธุรกิจในปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้จะเติบโตประมาณ 60% จากปี64 ซึ่งปัจจัยหนุนหลักมาจากการจ่ายไฟเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการใหม่ๆรวม1,415 MW ทั้งโครงการโครงการโรงไฟฟ้ากัลฟ์ เอสอาร์ซี (GSRC) หน่วยที่ 3-4 ขนาดกำลังการผลิตรวม 1,325 เมกะวัตต์ (MW),โครงการโซลาร์รูฟท็อปที่จะทยอย COD อีกจำนวน 90 MW,การรับรู้รายได้และกำไรเต็มปีจากโครงการโรงไฟฟ้า GSRC เฟส 1-2 และรับรู้กำไรเต็มปีจากโครงการที่โอมาน ขณะที่เงินลงทุนปีหน้าบริษัทคาดว่าจะใช้เงินทุนประมาณ 10,000 ล้านบาท สำหรับใช้ลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการตามแผนงาน ซึ่งไม่นับรวมกับงบการทำดีลซื้อกิจการ (M&A)
4.BGRIM
ดร.ฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่าบริษัทคาดรายได้ปี 65 จะเติบโต 8-10% จากปีนี้ ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่จากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) พร้อมคาดว่าจะมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 1,000 MW และวางงบลงทุนทั้งหมดประมาณ 100,000 ล้านบาท เพื่อใช้สำหรับการพัฒนาโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) ตามแผนในปัจจุบันและโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจาที่คาดว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ในปี 65 ทั้งที่เป็นโครงการสัมปทานใหม่ (กรีนฟิลด์) และแผนการซื้อกิจการ (M&A)
5.BPP
นายกิรณ ลิมปพยอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บ้านปู เพาเวอร์ (BPP) เปิดเผยว่าในปี 65 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตมากกว่า 100% จากปีก่อน เนื่องจากการรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple I ที่ประเทศสหรัฐฯ ขนาดกำลังการผลิตทั้งหมด 768 MW เข้ามาเต็มปี ขณะที่คาดว่าจะมีกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าใหม่เข้ามาอีกปีละ 400-500 MW ตามแผนงานที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 5,300 MW ภายในปี 68 พร้อมวางงบลงทุนปีนี้ไว้ประมาณ 200-300 ล้านดอลลาร์ สำหรับเดินหน้าขยายกำลังการผลิตและการทำดีลซื้อกิจการ (M&A)
6.SPCG
นายพิพัฒน์ วิริยธรานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่าบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ปี 65 เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายมากขึ้น ขณะเดียวกันก็เตรียมเดินหน้าก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กำลังการผลิตรวม 500 MW ในช่วงต้นปี มูลค่าการลงทุนรวมไม่เกิน 23,000 ล้านบาท และคาดจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้
7.SUPER
1
นายจอมทรัพย์ โลจายะ ประธานคณะกรรมการ บริษัท ซุปเปอร์ เอนเนอร์ยี คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ SUPER เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 20% หรือแตะระดับ 11,000-12,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงสิ้นปี 64 ที่คาดจะทำได้ราว 9,000-10,000 ล้านบาท เนื่องจากจะมีกำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าใหม่ที่ตรียมจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เพิ่มขึ้นเป็น 1,779 MW จากสิ้นปี 64 ที่คาดอยู่ระดับ 1,616 MW ส่วนสำหรับแผนการขยายการลงทุนโรงไฟฟ้าในประเทศเวียดนาม ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาพันธมิตรเพื่อขยายการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่เพิ่มเติม ซึ่งยังไม่สามารถบอกรายละเอียดที่ชัดเจนได้ เพราะมีการทำสัญญาข้อตกลงกันไว้
8.TPIPP
 
นายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP เปิดเผยในงาน Opportunity Day ว่า แนวโน้มรายได้ปี 65 คาดทรงตัวจากปีนี้ เนื่องจากต้นทุนราคาถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นและจากสัญญาการรับซื้อขายไฟฟ้าที่ทยอยหมดลง ขณะที่วางเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 464 MW จากสิ้นปี 64 ที่คาดว่าจะอยู่ที่กว่า 440 MW พร้อมวางงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนสร้างไลน์การผลิตเชื้อเพลิงขยะ (RDF) ใหม่อีก 5 ไลน์ รวมขนาดกำลังการผลิตมากกว่า 4,500 ตันต่อวัน ซึ่งจะเข้ามาช่วยทดแทนโรงไฟฟ้าถ่านหิน B6 และ B8 ที่ทยอยปรับลดการผลิตลงให้สอดคล้องกับนโยบายซีโร่ คาร์บอน รวมถึงช่วยในเรื่องการบริหารจัดการต้นทุนถ่านหินที่ปรับตัวสูงอย่างต่อเนื่อง
โฆษณา