17 ม.ค. 2022 เวลา 12:59 • คริปโทเคอร์เรนซี
บิทคับ ไบแนนซ์ สงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น ในประเทศไทย
4
จากข่าวความร่วมมือของ GULF กับไบแนนซ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าสถานการณ์การแข่งขันในการแย่งส่วนแบ่งการซื้อขายคริปโทในประเทศไทย จะต้องดุเดือดขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต
4
“ฝั่งเขียว” บิทคับ เป็นศูนย์ซื้อขายคริปโท ที่มีมาร์เก็ตแชร์มากสุดในประเทศไทย
มีแบ็กอัปเป็น SCB ที่เมื่อไม่นานมานี้ประกาศว่าจะซื้อหุ้น 51% ในศูนย์ซื้อขายบิทคับ
โดยในตอนนี้ SCB มีผู้ใช้งาน SCB EASY แอปพลิเคชันของธนาคารกว่า 12.4 ล้านบัญชี
“ฝั่งเหลือง” ไบแนนซ์ เป็นศูนย์ซื้อขายคริปโท ที่มีมาร์เก็ตแชร์มากสุดในโลก
มีแบ็กอัปเป็น GULF เจ้าของธุรกิจโรงไฟฟ้า และในระยะหลังเริ่มเข้าไปลงทุนในหลายธุรกิจ
หนึ่งในนั้นก็คือ INTUCH ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ADVANC เจ้าของ AIS มีผู้ใช้บริการในมือ 43.7 ล้านบัญชี
3
ซึ่งแน่นอนว่าหากไบแนนซ์ เข้ามาเปิดศูนย์ซื้อขายคริปโทในประเทศไทย ก็จะต้องเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดจากบิทคับโดยตรง
1
แต่รู้หรือไม่ว่า ถึงตอนนี้ไบแนนซ์จะยังไม่ได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. แต่คนไทยหลายคนก็มีการใช้งานไบแนนซ์อยู่แล้ว
4
ซึ่งสอดคล้องกับเรื่องล่าสุดที่ไบแนนซ์ได้นำภาษาไทยออกไปจากแพลตฟอร์มเพื่อให้สื่อถึงว่าไบแนนซ์ในเวอร์ชันเดิมไม่ได้มีเจตนาจะทำธุรกิจในไทย เพื่อหลีกเลี่ยงกับการขัดแย้งกับ ก.ล.ต. ไทย และก็ได้มาเฉลยวันนี้ว่าไบแนนซ์จะทำแพลตฟอร์มอีกเวอร์ชันหนึ่งสำหรับคนไทยโดยเฉพาะ นั่นเอง..
10
แล้วไบแนนซ์จะต้องทำอย่างไร ? ถึงจะได้ใบอนุญาต เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยได้อย่างถูกต้อง
เพราะในโลกคริปโทเคอร์เรนซีเวลาไม่เคยรอใคร ถ้าก้าวช้าไปหนึ่งจังหวะ นั่นอาจหมายถึงการพลาดโอกาสที่จะครองตลาดนั้น
4
หนึ่งในหนทางที่เป็นทางลัดก็คือ ร่วมมือเป็นพาร์ตเนอร์กับผู้ประกอบการยักษ์ใหญ่ที่มีจุดเด่นด้านการได้รับสัมปทานหรือขอใบอนุญาตในประเทศไทย
5
รู้หรือไม่ว่า GULF เป็นเจ้าของโรงไฟฟ้ามากมายในประเทศไทย ซึ่งโรงไฟฟ้าเหล่านั้นต้องผ่านขั้นตอนทางกฎหมายที่ต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมากมาย
1
ซึ่ง ไบแนนซ์ รู้ดีว่าประสบการณ์การทำธุรกิจของ GULF นี่แหละ ที่จะเป็นทางลัดในการได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต.
3
แล้วทำไม ไบแนนซ์ ถึงสนใจตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทย ?
5
คำตอบก็คือ ตอนนี้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีในประเทศไทยสุกงอมจนถึงขีดสุด
ไม่ว่าเราจะขับรถไปทางไหนก็จะเห็นแต่ป้ายโฆษณาเชิญชวนให้เข้าไป “เปลี่ยนอนาคต” ด้วยคริปโทเคอร์เรนซี
5
เรียกได้ว่าผู้เล่นก่อนหน้าได้ทำงาน “ปูทาง” สร้างการรับรู้ถึงคริปโทเคอร์เรนซี ให้กับคนไทยไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะเดียวกันในใจของทุกคนก็รู้ดีว่าไบแนนซ์คืออันดับ 1 ของโลกในวงการคริปโทเคอร์เรนซีที่ยังไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ
4
ดังนั้นการเข้ามาของไบแนนซ์ในช่วงนี้จึงถือว่าเป็นช่วงจังหวะเวลาที่เป็นจุดพีกในการแย่งส่วนแบ่งจากเจ้าตลาดเดิมในประเทศไทย
1
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ
GULF ยังเป็นเจ้าของทางอ้อมในผู้ให้บริการสัญญาณโทรศัพท์ในไทยอันดับ 1 อย่าง AIS
2
ถ้าถามว่า AIS ลูกค้ามีเท่าไร ? คำตอบก็คือ 43.7 ล้านบัญชี ซึ่งก็เรียกได้ว่าจำนวนนี้เกินกว่าครึ่งหนึ่งของประชากรประเทศไทย..
4
แต่ทางฝั่งบิทคับเอง ก็ยังได้เปรียบไบแนนซ์อยู่มาก เพราะว่าบิทคับเป็นเจ้าตลาดเดิม ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 90% และมีสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่าง SCB คอยสนับสนุนอยู่
5
ซึ่งแน่นอนว่าความเชี่ยวชาญในด้านธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเงินของ SCB ก็น่าจะทำให้สินค้าและบริการใหม่ ๆ เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในอนาคต สามารถขอใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ได้ไม่ยากเย็นนัก
4
จากเรื่องทั้งหมด
สรุปง่าย ๆ ก็คือ ผู้เล่นคริปโทเคอร์เรนซีเดิม อาจจะเห็นอุปสรรคใหญ่ก็คือการกำกับดูแลจากภาครัฐ
ดังนั้นวิธีแก้ก็คือ หาพาร์ตเนอร์เป็นบริษัทไทยรายใหญ่ที่เชี่ยวชาญเรื่องนี้เสียเลย..
4
สำหรับผู้บริโภค
ดีลของ GULF ที่ร่วมมือกับไบแนนซ์ ก็อาจจะกระทบกับผู้ซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีพอสมควร เพราะจากเดิมหลายคนเลือกช่องทางไบแนนซ์เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการกำกับดูแลจากภาครัฐ
3
แต่มาวันนี้ ไบแนนซ์ เลือกที่จะเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทยกับ GULF ก็แปลว่าอยากทำธุรกิจอย่างถูกต้องโดยได้รับใบอนุญาต เหตุผลก็อาจเป็นเพราะไบแนนซ์ครองตลาดที่ไม่ถูกกำกับดูแลอยู่แล้ว แต่ไบแนนซ์ก็ไม่อยากสูญเสียตลาดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลให้คนอื่นไป สุดท้ายก็เลยทำ 2 ตลาดเสียเลย
12
นั่นหมายความว่า ในอนาคต คนไทยอาจจะต้องเลือกว่าจะเทรดกับไบแนนซ์เวอร์ชันไหน
3
สิ่งที่อาจเกิดขึ้นก็คือ ไบแนนซ์จะแยกออกมาเป็น 2 เวอร์ชัน นั่นคือ
1. ไบแนนซ์เดิมที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของใคร
2. ไบแนนซ์ไทยแลนด์ที่อยู่ในการกำกับดูแลของ ก.ล.ต. (คล้ายกับ Binance.US ในสหรัฐอเมริกา)
5
ถึงตรงนี้ เราก็น่าจะสรุปได้ว่าสงครามระหว่าง บิทคับ และ ไบแนนซ์ กำลังจะเริ่มขึ้นเร็ว ๆ นี้ ในรูปแบบการต่อสู้ที่เปลี่ยนแปลงไป
3
และเรื่องดังกล่าว ไม่ว่าจะฝั่งเขียวหรือฝั่งเหลืองชนะ ก็น่าจะทำให้คนไทย เข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัล ได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก และถึงเราจะไม่อยากเข้าถึงมัน มันก็จะมาอยู่ตรงหน้า ให้เราลองใช้อยู่ดี..
6
โฆษณา