“คริสต์มาสที่ สันหนอกวัว ยอดเขาที่สูงที่สุดในเมืองกาญจนบุรี”
สืบเนื่องมาจากเมื่อต้นปีที่แล้วนัดกับเพื่อนชายคนสนิทไว้ว่าจะไปเปรโต๊ะลอซูกัน แต่ด้วยสถานการณ์โควิด เลยทำทริปล่มแล้วล่มอีก เลยหาทริปอื่นไปแทน จนมีพี่ที่จัดทริปมาชวนไปสันหนอกวัว เรากับเพื่อนชายเลยใจง่ายตกลงปลงใจไปกับเขา 555 ทริปนี้จึงบังเกิด(ป่านี้ไม่ได้ดูรีวิวอะไรก่อนไปเลย แค่เคยได้ยินมาว่า เดินง่าย มือใหม่ก็เดินได้ ~.~
เหมือนเดิม…เพิ่มเติมรองเท้าใหม่ เราจะไม่มีแผลเหมือนป่าที่แล้วแน่นอน 🤣
ทริปนี้เริ่มเดินทางจากบิ๊กซีสะพานควาย ศูนย์รวมนักเดินป่าอีกเช่นเคย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติเขาแหลม จ.กาญจนบุรี แต่เราไปถึงช่วงประมาณตี3 เลยนอนบนรถรอให้ฟ้าสว่าง เพื่อไปเตรียมตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า ทานข้าว ก่อนจะขึ้นรถไปยังจุดเริ่มเดิน เวลาประมาณ 08.00น.
เมื่อมาถึงจุดเริ่มเดิน ทุกคนก็เริ่มสลับกันถ่ายรูปที่หน้าป้ายกันคนละ10 20 รูป 🤣 พวกเราเริ่มเดินประมาณ 8:40 น. ระหว่างทางเดินก็จะเป็นป่าทึบ (มั้ง) ไม่มีวิวระหว่างทางเลย มีต้นไผ่เยอะมาก ต้นใหญ่มาก… แต่สิ่งที่ตกใจกว่าไม่มีวิวระหว่างเดินคือ ทุกคนในกลุ่มเดินไวมากกกกกกกกกกกก ซึ่งเราผู้ไม่ได้ออกกำลังกายมานับแรมปี ก็เริ่มมีอาการหอบแรง แต่ต้องสู้ 555 (ปกติสายเดินชิวอะ) ทางเดินเอาเรื่องอยู่นะ ขึ้นและลง ลงและขึ้น จนล้า จำได้ว่าหยุดพักบ่อยมาก หยุดบ่อยจนต้องบอกเพื่อนชายว่าเดินไปก่อนเลยเดี๋ยวตามไป แต่เพื่อนคงสงสารเลยรอไม่ทิ้งเลย555 ระว่างทางก็จะมีจุดพักตลอด จุดพักที่1 จุดพักที่2 จุดพักที่3 กับเวลาที่ผ่านไป 1 ชม. เหนื่อยไม่ไหว ใครรีบแซงไปเลย 😂
ระหว่างทางเดินเราก็คุยกับพี่ๆ ในกลุ่ม ถึงเรื่องราวที่โหดร้ายและน่าประทับใจของป่าที่ผ่านมาของเราและพี่ๆ เพื่อให้ลืมความเหนื่อย แต่เปล่าเลย เหนื่อยกว่าเดิม เหนื่อยมากกกก 555 จากจุดพักที่ 3 เดินขึ้นและลง ลงและขึ้นมาเรื่อยๆ ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. เราก็จะมาเจอกับป้ายเนินหมาถอย ที่ระหว่างทางได้สอบถามผู้รู้มาแล้วว่าเป็นยังไงบ้าง โหดมากมั้ย และได้ความมาว่าไม่มากเท่าเนินส่งญาติที่ภูสอยดาว ซึ่งเราเคยผ่านมันมาแล้ว (ในใจคิดแล้วว่าสบ๊าย+กับได้ยินพี่คนนึงพูดขึ้นมาว่า เดินขึ้นนิดเดียวและหักอ้อม ไม่โหดหรอก ใจเรามันยิ่งชื้นขึ้นมาอีก2% 😂) หลังจากยืนพักเหนื่อยและถ่ายรูปอยู่ตรงป้ายได้สักพัก ก็เริ่มเลย… เดินขึ้นเนินหมาถอยกัน
3 นาทีผ่านไป อยากจะร้องกรี๊ดดดดด มันชันมากกกและทางค่อนข้างยาว ต้องใช้มือดึงเชือกตลอด ทางจะเป็นดินไม่ค่อยแน่น ฝุ่นตลบอบอวล เดิน10 ก้าวหยุดพัก ทำอย่างนี้วนไป30 ครั้ง เราก็จะผ่านเนินหมาถอยนี้ไปได้ ไหนใครบอกว่าเดินง่าย จะไปตีปาก5555 วินาทีนั้นอยากจะขอรูจมูกเพิ่มอีกสัก 2 รู ยาลม ยาดม ยาหมอง มาครบแล้วตอนนั้น 🤣 หลังจากผ่านพ้นเนินหมาถอยมาได้ เราก็เริ่มเห็นวิวข้างทางบ้างแล้ว พอให้หายเหนื่อย เดินต่อไปสักพักก็แวะกินข้าวเที่ยง (ตอนนั้นน่าจะได้ครึ่งทาง)
หลังจากทานข้าวเสร็จนั่งพักจนหายเหนื่อยก็เดินต่อ ทางหลังจากนี้ไม่ค่อยโหดร้ายเหมือนช่วงแรก มีราบสลับชันบ้าง มีป่ารกบางช่วง แดดร้อน เดินชิวไม่เหนื่อยมาก แต่ก็เหนื่อย5555 ใช้เวลาเดิน+นั่งพักถ่ายรูป ประมาณ 2 ชม. เราก็จะมองเห็นจุดตั้งแคมป์ และวิวที่สวยม๊ากกกกกก หายเหนื่อยโดยอัตโนมัติ หยุดถ่ายรูปอยู่สักพักก่อนเดินลงไปที่แคมป์ของกลุ่มเรา ที่นี่มีจุดกางเต็นท์หลายจุด ส่วนของกลุ่มเราอยู่ด้านล่าง ใกล้ๆ ห้องน้ำ
มาถึงแคมป์เวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง พี่ๆ ก็กางเต็นท์ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เลยนั่งพัก กินน้ำโค้กที่อร่อยที่สุดในโลก(ตอนนั้น) และก็แยกย้ายเข้าเต็นท์ จัดการปูแผ่นรองนอน เราซื้อเป็นแผ่นรองนอนแบบพองลมอัตโนมัติมา ส่วนเพื่อนชายของเราซื้อแบบเป่าลม ใหม่แกะถุง ไม่ผ่านการดูรีวิวใดๆ มา อะไรเกิดขึ้นหนะหรอ555 ก็เป่าลมไม่เข้าหนะสิ🤣 เพื่อนชายเป่าจนหน้าแดง เส้นเลือดปูด ทั้งขำทั้งเอ็นดู ไม่ใช่จะตายเพราะเดินไกลแต่จะตายเพราะเป่าแผ่นรองนอนนี่แหละ555555555 เปิดดูรีวิวก็ไม่ได้ เพราะสัญญาณไม่มีเลยที่แคมป์ ใช้เวลาอยู่กับการเป่าสักพัก เราก็เข้าเต็นท์ไปนอนพัก และจะตื่นอีกทีเพื่อเดินขึ้นยอดไปดูพระอาทิตย์ตก
เวลาประมาณ 4 โมงครึ่ง พวกเราและพี่ๆ ก็พากันเดินขึ้นกันไปถ่ายรูปรอดูพระอาทิตย์ตกที่หนอกเล็ก เราใช้เวลาถ่ายรูปอยู่ที่นั้นพักใหญ่จนพระอาทิตย์ใกล้ตก แต่เราอยากขึ้นไปหนอกใหญ่ (ซึ่งพรุ่งนี้เช้าก็จะได้ขึ้นไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่นั้น) เลยชวนเพื่อนชายและบอกพี่สตาร์ฟให้พาขึ้นไป บนนั้นสวยมากนะ ระหว่างทางเดินขึ้นต้นไม้หญ้าน่ารักมาก มองลงมาพระอาทิตย์กำลังตก เห็นหนอกเล็กกับผู้คนที่ต่างพากันถ่ายรูปบ้าง นั่งนิ่งๆ ดูวิวบ้าง มันสวยมาก ชอบมาก ใช้เวลาอยู่ที่นั้นไม่นานเราก็เดินกลับแคมป์เพราะเริ่มมืด ระหว่างเดินกลับก็ถ่ายไปเรื่อยไปเปื่อย ท้องฟ้าก็สวยอีก ถ่ายกันเหนื่อย555
ถึงเต็นท์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำการซักแห้งตามวิถีนักเดินป่าอย่างเราๆ 555 ก่อนจะไปตั้งวงกินชาบูกับพี่ๆ อิ่มอร่อย หลังจากนั้นก็ชวนเพื่อนชายพาเดินกันหาสัญญาณเพื่ออัพสตอรี่🤣 และนั่งดูดาวจน 3 ทุ่ม (ดาวเยอะสวยมาก) ก่อนกลับมาแปรงฟัน
อยากบอกว่าทางไปห้องน้ำมืดมาก และอิชั้นไปคนเดียวรีบแปรงรีบกลับ เดินผสมวิ่ง555 👻
กลับมาเข้าเต็นท์พร้อมใส่เสื้อเพิ่มอีก 1 ชั้น อากาศตอนนั้นประมาณ 17 องศา รู้สึกหนาวมากนะ
และทำการสวดมนต์ก่อนจะหลับไป…
เวลาประมาณตี4 เราก็รู้สึกตัวตื่นมาก่อนนาฬิกาปลุก เลยเปิดเต็นท์ออกมานั่งดูดาว ถ่ายดาวดูมือถือ ก่อนเดินไปหาที่แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ เตรียมตัวขึ้นยอดหนอกใหญ่ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น อากาศประมาณ 14 องศา หนาวมาก
แต่ระหว่างเดินขึ้นยอดมีเหงื่อออกทำให้รู้สึกอุ่นขึ้นนิดนึง
เช้าวันนั้นฟ้าปิด เลยเห็นพระอาทิตย์แค่นิดเดียวหมอกไม่เยอะเท่าไหร่ แต่ก่อนจะเดินลงแสงดีมากเลยได้รูปสวยๆ กลับมานิดหน่อย 🤣 อ๋อ…ลืมบอกไปเลยวันนั้นเป็นวันคริสต์มาสพอดี พี่สตาร์ฟเลยแจกหมวกไปใส่ถ่ายรูปเก๋ๆ กันบนยอดด้วย น่ารักมาก หลังจากใช้เวลาอยู่บนยอดหลายชม. พวกเราก็เดินกลับแคมป์กันเป็นกลุ่มท้ายๆ หลังกินอาหารเช้าเสร็จ ก็แยกย้ายเก็บของ เก็บเต็นท์ เตรียมตัวเดินลง…
ภาพแรกก่อนเดินลง และภาพที่เหลือสภาพหลังจากนั้น😂
อยากจะบอกว่าขึ้นกับลงแถบจะไม่ต่างกันเลย หลังจากวิ่งลงมาจนถึงจุดที่แวะทานข้าวตอนขาขึ้น เหตุการณ์เดจาวูก็ได้กลับมา ลงและขึ้น ขึ้นและลง พักแล้วพักอีก ก็ไม่ถึงทางออกสักที พักจนสงสารเพื่อนชายที่ต้องรอ555
เราใช้เวลาเดินลงทั้งหมด 3 ชม. ก็ถึงทางออก ตรงจุดเริ่มเดินมีน้ำและขนมมาขาย สวรรค์ชัดๆ เพราะเหนื่อยและล้ามาก แต่ก็ยังมีใจถ่ายรูปนะ 55555 นั่งรอสักพักก็มีพี่ในกลุ่มออกมาจนครบและขึ้นรถกลับอุทยาน ไปอาบน้ำ สระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า เกรียมกลับ 🤣 ใช้เวลาเดินทางจากอุทยาน-กทม. ประมาณ 5 ชม. เหมือนเดิม
ทริปนี้เป็นทริปที่จะจำไม่ลืมอีกทริป เพราะเหนื่อยมาก บ่นเยอะมาก แต่สนุกมากเหมือนกัน พี่ๆ ทุกคนน่ารักถ่ายรูปกันเก่งมาก 🤣
และที่สำคัญตอนนี้ที่เขียน Block อยู่ เวลาผ่านไป 1 เดือนแล้ว เล็บเท้ายังไม่หายม่วง จะลืมได้ไงก้มลงไปยังเห็นทุกที55555555555 (แงงงง ไม่ได้แผล แต่ได้เปลี่ยนสีเล็บ)
…หลังจากนี้คงต้องหายจากวังการเดินป่าไปสักพัก เพราะต้องรีบไปเรียนให้จบๆ แต่ถ้าว่างหรือมีโอกาสก็คงไปอีก ห่างนานไม่ได้จริงๆ คิดถึงทางชันๆ 🤣🤣
ฝากความเท่อีกตามเคย555
สุดท้ายนี้อยากบอกว่า “เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่ลำบาก” 55555
พี่คนนึงได้กล่าวไว้จากดอยหว่าวาโจ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านและติดตามนะคะ 🥰
- 8
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
