18 ม.ค. 2022 เวลา 04:26 • ธุรกิจ
5G ยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory รับมือโลกใหม่
5G ยังคงเป็นคำตอบในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของบริบทการแข่งขันในปัจจุบัน เพราะเท่ากับเป็นทางลัดในการทำ Digital Transformation ในองค์กรได้ทันที จึงเป็นที่มาของการที่หลายๆองค์กรเริ่มทดลอง ทดสอบ และก้าวสู่การใช้งานจริงแล้ว ดังตัวอย่างของ เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์-ยาวาต้า และ เอไอเอส จากการทำงานร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย
ปลายปี 2564 แนวคิด Smart Factory เริ่มจับต้องเป็นรูปธรรมได้มากขึ้น หลังจากที่ AIS 5G Business จับมือกับ สมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) ร่วมกันส่งเสริมการเพิ่มศักยภาพของผู้ประกอบการไทยโดยการพัฒนาโซลูชั่นบนเครือข่ายแบบ Network Slicing และแพลตฟอร์ม 5G ปลดล็อกขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมไทยให้สามารถแข่งขันกับเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ตอบโจทย์การพัฒนา Industry 4.0 ของไทย
โดยมีความสำเร็จของ บริษัทผู้ประกอบการสัญชาติไทยชั้นนำในอุตสาหกรรมอย่าง บริษัท เลิศวิลัย แอนด์ ซันส์ ผู้ให้บริการโซลูชันหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติสำหรับงานอุตสาหกรรม ที่ได้พัฒนาโซลูชันมาใช้งานจริงบนแพลตฟอร์ม AIS 5G Private Network แล้ววันนี้ ในโรงงานผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้าของ บริษัท ยาวาต้า จำกัด ที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นการยกระดับการทำงานภายในโรงงานสู่ Smart Factory ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดยถือเป็นการขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์เชิงพาณิชย์ ฝีมือคนไทย ที่พร้อมขยายการให้บริการและสร้างการเปลี่ยนแปลงในโลกอุตสาหกรรม เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับประเทศรองรับโอกาสและการเติบโตในอนาคต
“เราเห็นโอกาสของการเติบโตในภาคอุตสาหกรรมด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเป็นตัวขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้วยการเป็น 5G Industrial Solutions อย่างมาก และวันนี้เรามีความพร้อมในการพาภาคอุตสาหกรรมไทยในทุกกลุ่มเข้าสู่โลกของ 5G Industrial Solutions”ธนพงษ์ อิทธิสกุลชัย ผู้บริหารเอไอเอส ย้ำ
ด้าน ดร.ประพิณ อภินรเศรษฐ์ นายกสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) จำกัด เล่าว่า ที่ผ่านมาสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทยได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรที่หลากหลายทั้งภาครัฐ และเอกชน โดยมีภารกิจสำคัญในการสนับสนุนผู้ประกอบการ ในการวิจัย พัฒนาจนถึงการต่อยอดความร่วมมือเชิงพาณิชย์ และส่งเสริมให้ภาคอุตสาหกรรมเห็นความสำคัญของระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ที่จะมาทำให้ขีดความสามารถในโรงงานภาคการผลิตมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
ในครั้งนี้การร่วมมือกับ AIS เท่ากับเป็นได้ร่วมกันยกระดับศักยภาพของกลุ่มผู้ประกอบการโรงงานการผลิตในภาคอุตสาหกรรมให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ก้าวทันโลกของเทคโนโลยีด้วยโซลูชั่นและระบบการทำงานอัตโนมัติรวมถึงหุ่นยนต์ ที่จะมาช่วยให้กระบวนการทำงานในขั้นตอนต่างๆ ภายในโรงงานเกิดประสิทธิภาพที่เพิ่มสูงขึ้น
บริษัท ยาวาต้า (ประเทศไทย) เป็นบริษัทผู้ผลิตลวดเชื่อมไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศไทย ซึ่งดำเนินธุรกิจมากว่า 50 ปี และมีการปรับตัวเองมาตลอด ด้วยเทคโนโลยี ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินการ ลดต้นทุน ลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่โรงงาน ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนเครื่องจักรโดยการใช้เทคโนโลยีและ 5G นี้ ยังเข้าเกณฑ์การได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคล 100% ของวงเงินการปรับปรุงเป็นเวลา 3 ปี ตามมาตรการสนับสนุนจาก BOI ด้วย
สำหรับ Autonomous Mobile Robots หรือ AMRs เป็นหุ่นยนต์ขนย้ายสินค้าอัตโนมัติซึ่งสามารถเคลื่อนที่อย่างอิสระในพื้นที่ทั้งหมดของโรงงานโดยไม่ต้องมีเส้นนำทางบนพื้นเหมือนระบบเก่า และต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่เสถียร มีความหน่วงต่ำ มีความปลอดภัยสำหรับการรับส่งข้อมูล พร้อมมีพื้นที่ครอบคลุมอย่างแท้จริงในโรงงาน
ดังนั้นเมื่อนำมาใช้กับ AIS 5G Private Network ก็สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดความแม่นยำในการสั่งการ สามารถเพิ่ม Productivity ได้ตามเป้าหมายการเป็น Smart Factory เต็มรูปแบบ อีกทั้งยังเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาโซลูชั่น Smart Factory ซึ่งทุกองค์ประกอบ เช่น Robotics, AMR และ PLC ของระบบ IoT ที่จะต้องเชื่อมต่อกันผ่าน OT, IT และ Cloud ในรูปแบบ Everything Connected เพื่อเปลี่ยนแปลงภาคอุตสาหกรรมไทยให้เห็นความสำคัญของเทคโนโลยีที่จะมาช่วยเพิ่มศักยภาพของการทำงานมากยิ่งขึ้นได้”
รับชมรายละเอียดเพิ่มเติมของ Smart Factory ได้ทาง https://www.youtube.com/watch?v=v31tltypBi4
โฆษณา