19 ม.ค. 2022 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Semiconductor the Series 3 ทหารเสือแห่งวงการเครื่องจักร
EP.1 : ASML
ต้องเข้าใจก่อนว่ากระบวนการผลิตชิพ 1 อันมีขั้นตอนซับซ้อนมากในโรงงาน โดยเป็นการเปลี่ยนแผ่นซิลิคอน (วัตถุดิบตั้งต้น) ให้กลายเป็นชิพคุณภาพสูงนำไปประมวลผลในคอมพิวเตอร์หรือมือถือได้ จะใช้ระยะเวลาในการผลิตทั้งหมดประมาณ 3 - 4 เดือน
กระบวนการดังกล่าวต้องการเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น เครื่องทำความสะอาดแผ่นซิลิคอน, เครื่องตรวจสอบจุดบกพร่อง, และไฮไลท์อยู่ที่ “เครื่องฉายแสงลงบนแผ่นชิพ” ที่เป็นตัวช่วยให้โรงงานสามารถผลิตชิพขนาดเล็กลง (ประสิทธิภาพสูงขึ้น) สำเร็จ ซึ่งเทคโนโลยีที่จำเป็นสำหรับการผลิตในอนาคตมีเพียงบริษัทเดียวที่สร้างได้ บริษัทดังกล่าวก็คือ “ASML” ตัวแทนอุตสาหกรรมไฮเทคจากเนเธอร์แลนด์
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเครื่องฉายแสงลงบนแผ่นชิพมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เนื่องจากเครื่องจักรนี้เป็นตัวกำหนดว่าชิพรุ่นใหม่จะสามารถผลิตให้เล็กลงได้หรือไม่
3 บริษัทเจ้าใหญ่ที่ครองตลาดคือ ASML, Canon, Nikon (2 เจ้าหลังก็คือบริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตกล้องถ่ายรูปนั่นเอง)
แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ภาพยิ่งชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่าเทคโนโลยี EUV ที่จำเป็นต่อเครื่องฉายแสงของการผลิตชิพให้ขนาดเล็กลง มีเพียง ASML เท่านั้นที่สามารถคิดค้นสำเร็จ และพร้อมสร้างเครื่องจักรขายให้โรงงานชิพรายใหญ่อย่าง TSMC (Taiwan Semiconductor Manufacturing Company) นำไปทดสอบได้ก่อน
เมื่อสถานการณ์ชัดเจนว่าเครื่องจักรนี้ใช้งานได้จริง จำเป็นต่อกระบวนการผลิตชิพในอนาคต และมี ASML เท่านั้นที่สามารถสร้างได้ บริษัทจึงเริ่มแผนการดันราคาขายเครื่องจักรทันที !
ช่วงปี 2018 บริษัทตั้งราคาเครื่องจักร EUV เครื่องละ 3,700 ล้านบาท แต่กลับบอกว่าราคานี้บริษัทยังขายขาดทุนอยู่ ! ขอขึ้นราคาเป็น 4,800 ล้านบาทในปี 2020 และไม่พอบอกราคาปีนี้ขอขึ้นเป็นเครื่องละ 6,000 ล้านบาท ตามคุณภาพที่เพิ่มขึ้นของมัน (BottomLiner ลองประเมินดูแล้วอีกไม่นานเจ้าเครื่อง EUV ราคาจะพุ่งไปถึง 10,000 ล้านบาทเลย !!)
2
ราคาเครื่องจักรขึ้นเอาๆ แล้วอย่างนี้โรงงานชิพยังจะยอมซื้อใช่ไหม ?
เรื่องนี้ต้องมองไปที่ลูกค้าปลายทางของ Supply Chain ซึ่งก็คือ ผู้บริโภคอย่างเราที่ซื้อมือถือหรือกลุ่มผู้บริการ Data Center ที่ซื้อชิพคุณภาพสูงไปประมวลผลและเก็บข้อมูล
ตราบใดที่ผู้บริโภคต้องการมือถือคุณภาพสูงขึ้น เช่น ใช้งานเครือข่าย 5G ได้ หรือถ่ายรูปชัดสุดๆ (กล้องหลัง 5 ตัว) ย่อมต้องการชิพคุณภาพสูงขึ้นเพื่อรองรับรูปแบบการใช้งานดังกล่าว เช่นเดียวกันกับ Data Center ที่ต้องปรับตัวเข้ายุคธุรกิจ Big Data ต้องการชิพตัวโหดๆ มาประมวลผลและเก็บข้อมูลที่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นมหาศาลในอนาคตอันใกล้
เรื่องดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคปลายทางยังมีแนวโน้มจะจ่ายแพงขึ้นเพื่อได้ชิพคุณภาพสูง หรือมองไปถึงการเมืองระหว่างประเทศที่ทั้งสหรัฐ, ยุโรป, จีน ต่างเร่งแข่งขันกันทางเทคโนโลยี สถานการณ์ทั้งหมดเป็นตัวเร่งยอดขายให้ ASML อีกทาง
รายได้ของ ASML
ปี 2018 : 12,537 ล้านดอลลาร์
ปี 2019 : 13,258 ล้านดอลลาร์
ปี 2020 : 17,076 ล้านดอลลาร์
ยอดขายเครื่องจักรผลิตชิพไตรมาสที่แล้วร้อนแรงตามกระแสข่าวชิพผลิตไม่พอกับความต้องการ รายได้ ASML ไตรมาส 3 อยู่ที่ 5.2 billion euro (+32% YoY)
โดยเฉพาะเครื่องสุดไฮเทค EUV ซึ่งผูกขาดการผลิตชิพรุ่นล่าสุดไปแล้ว กลายมาเป็นรายได้หลักของบริษัทเต็มตัว ราว 50% ของรายได้รวม
ไตรมาส 3 ทำได้ดีทีเดียวมาดูไตรมาสนี้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง
BottomLiner
โฆษณา