23 ม.ค. 2022 เวลา 05:55 • การศึกษา
สวัสดีครับ ผมอาดัม ผู้ที่จะทำหน้าที่เป็นไกด์ พาพวกคุณทุกท่านไปท่องในโลกแห่งเหล่าวีรชน,เทพ และปีศาจ
เชื่อว่า เมื่อคนเราเกิดขึ้นมา ก็จะต้องเผชิญหน้ากับสิ่งเหล่านี้กันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
 
4 จตุรอาชาแห่งความวิบัติ
สิ่งเหล่านี้อยู่กับเผ่าพันธุ์ของเรามาทุกยุคทุกสมัย
วันนี้ เราจะไปเรียนรู้เกี่ยวกับมันกันครับ
4 𝕿𝖍𝖊 𝕾𝖖𝖚𝖆𝖗𝖊 𝖔𝖋 𝕯𝖎𝖘𝖆𝖘𝖙𝖊𝖗
ในเทววิทยาแห่งศาสนาคริสต์ 4จตุรอาชาแห่งความวิบัติ ถูกกล่าวถึงในหนังสือวิวรณ์ ที่เป็นเล่มสุดท้าย ของพันธสัญญาใหม่
ซึ่งปรากฏในวรรณกรรมสิ้นโลกของนักบุญยอห์นแห่งพัตมอส ตลอดจนปรากฏในหนังสือเศคาริยาห์ และหนังสือเอเสเคียล ของพันธสัญญาเดิม
จตุรอาชาถูกกล่าวถึงในถานะผู้ลงทัณฑ์ของพระเจ้า
หนังสือวิวรณ์ 6 ระบุว่า พระหัตถ์ขวาของพระเจ้า มีหนังสือม้วนหนึ่ง ซึ่งผนึกด้วยดวงตาทั้ง 7
ลูกแกะของพระเจ้า/สิงโตแห่งยูดา
เขาถือผู้แกะดวงตรา 4 ดวงแรก เมื่อแกะดวงตราก็จะปรากฏบุรุษบนหลังม้าทั้งสี่ขึ้นเรียงลำดับตามสีดังนี้
สีขาว,สีแดง,สีดำ,และสีกะเลียว
หนังสือเศคาริยาห์กล่าวว่า เขาคือผู้ที่พระองค์ส่งมาเพื่อตรวจตราแผ่นดินโลก
หนังสือ เอเสเคียลระบุว่า พระเจ้าทรง
ส่งภัยร้ายแรงแห่งการพิพากษาทั้งสี่ประการของเราคือ ดาบ การกันดารอาหาร สัตว์ร้าย และโรคระบาด มาเหนือเยรูซาเลม เพื่อกำจัดมนุษย์และสัตว์เสียจากนครนั้น
ทีนี้เรามาดูกัน ว่าเหล่า 4 จตุรอาชาแห่งความวิบัตินั้นมีหน้าที่อะไรกันบ้าง
เปิดมา พูดถึงจตุรอาชาตนแรก
ม้าสีขาว ของ จตุรอาชา วิบัติแห่งโรคระบาด
หนังสือวิวรณ์ 6 ได้กล่าวถึงม้าสีขาวว่า พระเมษโปรด ทรงแกะตราหนึ่งในเจ็ดดวงนั้น ปรากฏม้าสีขาวตัวหนึ่งออกมา บุรุษถือธนู และได้รับมงกุฎ และท่านก็ออกไปอย่างมีชัย เพื่อจะได้รับชัยชนะ
โดยนักเทววิทยามักตีความหมายว่าวิบัติของอาชาตนนี้คือโรคระบาดนั่นเอง แน่นอนว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เรานั้น จะต้องประสบพบเจอกับโรคระบาดมาแทบๆจะทุกยุคทุกสมัย อย่างเช่น โรคห่า หรือไม่ก็โรคระบาดในยุคกลางที่ทุกๆท่านอาจจะทราบกันดีว่าในยุคนั้น มีโรคระบาดที่ร้ายแรงแค่ไหน
โรคไข้หวัดใหญ่ปี 2009 หรือปัจจุบันอย่าง โควิด-19 ก็ล้วนแล้วเป็นผลมาจากจตุรอาชาตัวสีขาวนี้ทั้งสิ้น
𝕻𝕰𝕾𝕿𝕴𝕷𝕰𝕹𝕮𝕰
เมื่อสิ้นสุดภัยพิบัติแห่งโรคระบาดแล้ว ก็ต่อกันด้วยอีกภัยพิบัติหนึ่งที่ร้ายแรงพอๆกัน นั่นก็คือ
ม้าสีแดง ของ จตุรอาชา วิบัติแห่งสงคราม
𝖂𝕬𝕽
หนังสือวิวรณ์ 6 ได้กล่าวถึงม้าสีแดงว่า "เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สอง ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สองร้องว่า มาเถิด"
และม้าอีกตัวหนึ่งจึงปรากฏ เป็นม้าสีแดงสด ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ ได้รับมอบหมายให้เอาสันติภาพไปจากแผ่นดินโลก เพื่อให้คนรบราฆ่าฟันกัน และได้รับมอบดาบใหญ่เล่มหนึ่งเป็นสัญลักษณ์
นักเทววิทยาตีความว่า หมายถึงวิบัติจากภัยสงครามนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่า การกดขี่ทางการเมือง การรุกราน การขยายอาณาจักร และการขัดแย้งโดยมีศาสนามาเกี่ยวข้องล้วนเป็นสาเหตุหลักทำให้เกิดสงคราม
ประวัติศาสตร์มนุษย์เรานั้นล้วนมีสงครามในทุกยุคทุกสมัย
ตั้งแต่ กองทัพมองโกที่ในตอนนั้นยิ่งใหญ่แทบจะครองทั้งเอเชีย
หรือชาวไวกิ้งที่บุกตีอังกฤษเพื่อหวังที่จะหาถิ่นตั้งรกราก หรือเพื่อปล้นก็ตาม
หรือสงครามครูเสด ที่เป็นสงครามแห่งศาสนา
และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้หากพูดถึงสงคราม นั่นคือ สงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2
และเมื่อมีสงคราม ก็จะมีอีกสิ่งหนึ่งที่พ่วงตามกันมา นั่นก็คือ ความอดอยาก หากผู้ที่อยู่ในสงครามยังคงรอดชีวิตจากจตุรอาชาแห่งความตายได้ ก็จะต้องเจอกับจตุรอาชาตนต่อไปนี้
ม้าสีดำ ของ จตุรอาชา แห่งความหิวโหย
𝕱𝕬𝕸𝕴𝕹𝕰
หนังสือวิวรณ์ 6 ได้กล่าวถึงม้าสีดำว่า "เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สาม ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สามร้องว่า มาเถอะ"
และข้าพเจ้าเห็น ม้าสีดำปรากฏขึ้น และผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ถือตราชู (ตราชั่ง)
นักเทววิทยาตีความหมายว่า มันหมายถึงความอดอยากหิวโหย ซึ่งถ้าสังเกตดีๆ หลังจากเจอกับจตุรอาชาสีแดง เมื่อรอดมาได้ ก็ต้องเจอกับความหิวโหยเพราะขาดแคลนอาหาร ซึ่งผลกระทบนี้ก็จะส่งผลต่อประชาชนทั้งหลายในเมือง
ต่อมา เมื่อผู้ใดที่โชคร้าย ก็จะต้องประสบพบเจอกับจตุรอาชาตนสุดท้าย
ม้าสีกะเลียว ของ จตุรอาชา แห่งความตาย
𝕯𝖊𝖆𝖙𝖍
หนังสือวิวรณ์ 6 ได้กล่าวถึงม้าสีกะเลียวตัวนี้ว่า "เมื่อพระองค์ทรงแกะตราดวงที่สี่ ข้าพเจ้าก็ได้ยินสิ่งมีชีวิตที่สี่ร้องว่า มาเถอะ" ปรากฏม้าสีกะเลียวตัวหนึ่ง ผู้ที่ขี่ม้าตัวนี้ชื่อว่ามัจจุราช และแดนคนตายก็ติดตามมาด้วย
นักเทววิทยาได้ตีความว่า หมายถึงวิบัติแห่งความตายนั่นเอง ซึ่งม้าตัวนี้จะกลายเป็นจุดสิ้นสุดของวิบัติทั้งหมดที่กล่าวๆมาข้างต้น
ถ้าลองมาย้อนมองกันดูดีๆ จะเห็นได้ว่าตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติของเรานั้น ได้มี 4 จตุรอาชาลงมาแล้วหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน
บัดนี้ สิ้นสุดหน้าที่ของผมแล้ว ไว้เจอกันใหม่ในเรื่องราวต่อไป สวัสดีครับ
โฆษณา