23 ม.ค. 2022 เวลา 03:32 • ธุรกิจ
5 เรื่องน่ารู้จาก Netflix สตรีมมิ่งมหาอำนาจ ผู้ครองพื้นที่สื่อบันเทิงออนไลน์กว่า 190 ประเทศ!
1
“เธอ ๆ ไปดู Netflix บ้านเรามั้ย?” หากมองข้ามความสองแง่สองง่ามของประโยคข้างต้น เราจะเห็นถึงอิทธิพลของ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่ทุกบ้านต้องมีอย่างน้อย 1 บัญชี!
3
ลองคิดดูเล่น ๆ ว่าถ้า 1 ครอบครัวมีขั้นต่ำอย่างน้อย 1 บัญชี แสดงว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีบัญชี Netflix มากถึง 5,000,000 บัญชีเลยทีเดียว!
2
นี่เป็นเพียงประเทศเดียวเท่านั้น เพราะ Netflix ขยายพื้นที่บริการครอบคลุมไปถึง 190 ประเทศ! ลองบวกลบคูณหารดูแล้ว เพื่อน ๆ จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของสตรีมมิ่งมหาอำนาจที่ครองพื้นที่สื่อบันเทิงออนไลน์ได้แบบชัดเจน
แต่กว่าจะทำรายได้มหาศาลได้ขนาดนี้นั้น คุณ Read Hastings CEO ผู้ก่อตั้ง Netflix เริ่มต้นจากการเปิด “ร้านเช่า DVD” โดยมีจุดเด่นคือสามารถเช่าผ่านอินเทอร์เน็ต และให้บริการส่งไปรรีย์ถึงที่ แต่ภายหลังลูกค้าประสบปัญหาคืน DVD ไม่ทัน ทำให้เสียค่าปรับเป็นจำนวนมาก คุณ Hastings จึงปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการทำระบบสมาชิกรายเดือน สามารถยืมกี่เรื่องก็ได้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นความรุ่งเรืองของ Netflix
2
หลังจากประสบความสำเร็จกับร้านเช่า DVD ในปี 2007 Netflix เปิดตัวบริการสตรีมมิ่งบนอินเทอร์เน็ต และขยับขยายมาเรื่อย ๆ จนปัจจุบันครอบคลุมการให้บริการถึง 190 ประเทศทั่วโลก
2
ทั้งหมดคือประวัติคร่าว ๆ ของ Netflix ที่เพื่อน ๆ สามารถไปหาอ่านได้ในอินเทอร์เน็ต แต่สำหรับ Ad Addict แล้ว แค่นี้มันไม่พอ! เราเลยไปหาเกร็ดน่ารู้เกี่ยวกับ Netflix นอกเหนือจากประวัติมาฝาก! ถ้าพร้อมแล้ว ก็ตามไปอ่านกันเลยคร้าบ~
2
1. เบื้องหลัง CI สีดำแดง ที่ได้แรงบันดาลใจจากโรงภาพยนตร์
เคยสงสัยกันมั้ย? ทำไม Netflix ต้องเป็นสีดำ-แดง /นี่เธอลอก Ad Addict มาหรือเปล่า?!!
ที่จริงแล้วเบื้องหลัง CI สีดำแดงนั้น ไม่ได้มาจากสีโปรดของคุณ Read Hastings หรือได้แรงบันดาลใจมาจากเพจเราแต่อย่างใด (กล้าจะพิมพ์!) แต่มาจาก ‘สีของโรงภาพยนตร์’ นั่นเอง
1
เมื่อเดินเข้ามาในโรงภาพยนตร์ เราจะถูกล้อมรอบด้วยสีดำของความมืด และถูกดึงสายตาด้วยเบาะที่นั่งสีแดงกำมะหยี่ ซึ่งสาเหตุที่โรงภาพยนตร์เลือกใช้สีแดง นั่นเป็นเพราะ “สีแดง” เป็นสีที่ถูกมองข้ามได้ง่าย เวลาอยู่ในที่แสงน้อย หรือถ้าอธิบายให้เห็นภาพก็คือ เวลาปิดไฟปุ๊ป เบาสีแดง ก็จะถูกซ่อนให้พ้นจากสายตาเรานั่นเองคร้าบ
2
ทาง Netflix ที่ต้องการเปรียบตัวเองเป็นเหมือนดังโรงภาพยนตร์ จึงเลือกใช้ CI สีดำแดง เพื่อให้คนดูรู้สึกคุ้นเคย และเพิ่มบรรยากาศ เหมือนกำลังดูหนังอยู่ในโรง
2
2. Original Content กลยุทธ์ความสำเร็จที่คนติดงอมแงม
โรงภาพยนตร์ แม้จะสร้างมาอย่างหรูหราน่านั่งแค่ไหน แต่ถ้าช่วงไหนไม่มีหนังดี ๆ เข้าโรง ก็ไม่มีลูกค้าเข้ามาชมเช่นเดียวกัน ดังนั้นเพื่อปิดช่องว่างดังกล่าว Netflix จึงตัดสินใจสร้าง ‘หนังดี ๆ’ เหล่านั้นขึ้นมาด้วยตัวเอง!
1
Original Content เรื่องแรกคือ House of Cards ที่ประสบความสำเร็จ จนมีชื่อเข้าชิงรางวัลโทรทัศน์ Emmy Awards เพราะความสำเร็จนี้เอง ทำให้ Netflix เดินเกมไม่มีหยุด สร้าง Original Content ชื่อดังมากมาย อาทิเช่น Money Heist, Sex Education, Stranger Things และเมื่อเร็ว ๆ มานี้อย่าง Squid Game ก็ประสบความสำเร็จโด่งดังไปทั่วโลก
การสร้าง Original Content นอกจากจะลบจุดอ่อนดังกล่าวแล้ว ยังเป็นการสร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์ ท่ามกลางสงครามของสตรีมมิ่งอีกด้วย โดย Netflix พยายามทำตัวเองให้เป็นแพลตฟอร์มรวม Exclusive Content โดยตั้งเป้าว่า 50% ของภาพยนตร์ในระบบเป็นภาพยนตร์ที่ Netflix ผลิตเอง
1
3. ต้นกำเนิดการดูซีรีส์มาราธอน ออนแอร์รวดเดียว 1 ซีซัน
ใครเป็นเหมือนแอดบ้าง? เรื่องงานเราไม่สู้ แต่เรื่องซีรีส์เราสู้ตาย! ต่อให้อดนอน 1 คืน ก็ไม่หวั่น จนเกิดเป็น ‘ลัทธิดูซีรีส์มาราธอน’ ที่มีผู้ร่วมอุดมการณ์มากมายทั่วโลก
1
แต่รู้หรือไม่ว่า ต้นกำเนิดลัทธิที่ว่านั้น เป็นกลยุทธ์ของ Netflix เค้านี่เอง! โดย Original Content ส่วนมากของ Netflix จะนิยมออนแอร์ที่เดียว 1 ซีซันไปเลยจบ ๆ เพื่อให้ผู้ชมติดงอมแงม และใช้เวลาอยู่ในแอปของเขาให้ได้มากที่สุด
3
ซึ่งกลยุทธ์นี้เรียกว่าได้ผลแบบสุด ๆ เพราะจำนวนผู้ร่วมลัทธิซีรีส์มาราธอนเพิ่มขึ้นในทุกปี ที่สำคัญเมื่อพวกเขาดูซีรีส์เรื่องนี้จบ ก็จะรู้สึกโหวงในชีวิต จนต้องหาเรื่องอื่น ๆ มาเติมเต็มต่อไป และเกิดเป็นชีวิตติดซีรีส์ วนลูปอยู่ใน Netflix แบบไม่มีทางสิ้นสุด
1
4. ขยายสู่โลกของเกม! ให้ผู้ใช้ได้ลองเล่นผ่านแอปมือถือ
แม้จะยึดครองพื้นที่สื่อบันเทิงออนไลน์ได้ จนกลายเป็น “มหาอำนาจสตรีมมิ่ง” แล้ว แต่ Netflix ก็ยังไม่หยุดพัฒนา โดยบริษัทได้วางแผนในการขยายธุรกิจไปสู่โลกของเกม ซึ่งเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก ๆ ในยุค Metaverse ที่กำลังมาถึง
โดยบริษัทได้มีการเปิดตัวเกมที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Original Content เรื่องดังของ Netflix อย่าง Stranger Things โดยตัวเกมเป็นลักษณะ 8 Bits เหมือนวิดีโอเกมในยุค 90s หลังจากนั้นก็ได้ขยายไปสู่เกมอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งสามารถลองเล่นได้แล้วภายในแอป
1
โดยรายชื่อทั้ง 5 เกมที่เปิดตัว ได้แก่
- Stranger Things: 1984
- Stranger Things 3
- Shooting Hoops
- Card Blast
- Teeter Up
1
5. ‘เจฟฟ์ เบซอส’ แห่ง Amazon เคยขอซื้อธุรกิจ แม้เปิดตัวได้เพียง 2 เดือน!
อีกหนึ่งเรื่องน่าช็อกก่อนจากกันไป ! ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า “เจฟฟ์ เบซอส” มหาเศรษฐีผู้ทรงอำนาจแห่ง Amazon เคยขอซื้อธุรกิจ Netflix ในสมัยที่ยังเป็นเพียงร้านเช่าวิดีโออยู่!
ย้อนกลับไปในปี 1998 หลังจากที่ Netflix ร้านเช่าวิดีโอผ่านไปรณีย์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 2 เดือน พวกเขากลับได้รับข้อเสนอจากบริษัท Amazon โดยเบซอสต้องการขอซื้อ Netflix เพื่อขยายบริษัท Amazon เข้าสู่ธุรกิจวิดีโอ โดยให้เงินราว 14-18 ล้านดอลลาร์
1
แต่ 2 ผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง ‘รีด แฮสติงส์’ และ ‘มาร์ค แรนดอล์ฟ’ กลับปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เพราะพวกเขาเชื่อว่าในอนาคต Netflix จะเติบโตก้าวกระโดดเหมือนอย่างที่พวกเขาได้วางแผนไว้แน่นอน
จบไปเป็นที่เรียบร้อยกับ 5 เรื่องน่ารู้ของ Netflix แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่มีทุกบ้าน เจ้าของวลีเด็ด “ไปดู Netflix ที่บ้านฉันมั้ย” ใครที่อ่านจนจบมาถึงตรงนี้ จะรู้แล้วว่า เหตุผลที่ทำให้ Netflix เติบโตแบบก้าวกระโดดในทุก ๆ ปีแบบนี้นั้น มาจากความตั้งใจในทุก ๆ กระบวนการของทีมงานเบื้องหลัง ทั้ง CI, Original Content ไปจนถึงเกม
แอดเชื่อว่าในปีถัด ๆ ไป Netflix จะเติบโตแบบพุ่งทยานแบบนี้อย่างแน่นอน~ ส่วนถ้าใครที่มีแบรนด์อื่น ๆ อยากรู้อีก ก็สามารถทักมาแอดได้นะ เดี๋ยวจะหาข้อมูลมาให้แบบครบถ้วนแน่นอน!
1
โฆษณา