23 ม.ค. 2022 เวลา 01:35 • ความคิดเห็น
อาชีพนักวิทยาศาสตร์ส่งผลดีต่อสังคม ขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจได้จริงหรือ ?
ตอบ:คำถามนี้น่าสนใจมากเพราะเป็นคำถามที่ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายการใช้เงินของประเทศ ว่ารัฐบาลควรทุ่มเทงบประมาณและจริงจังกับเรื่องนี้แค่ไหน
ผมไม่ถนัดเรื่องแบบนี้มากแต่จะลองตอบให้ฟังเท่าที่คิดได้ดังนี้
1
วิทยาศาสตร์นั้มีสองประเภทคือ
1.วิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ ที่เน้นตอบคำถามเกี่ยวกับความจริงของธรรมชาติ
2.วิทยาศาสตร์ประยุกต์ ซึ่งนำความรู้ในหมวดแรกมาใช้ซึ่งออกมาในรูปแบบหลากหลาย เช่น แพทย์ วิศวกร ฯลฯ ซึ่งประวัติศาสตร์ที่บอกเราว่าทั้งสองประเภทนี้เกื้อหนุนค้ำจุนกันมาตลอด
2
- นักฟิสิกส์ชื่อ แมกซ์เวลล์ ศึกษาธรรมชาติคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
- นักฟิสิกส์ชื่อ เฮิรตซ์ สร้างเครื่องรับส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในย่านคลื่นวิทยุ(ความถี่คลื่นวิทยุที่เราเรียกเมกะเฮิร์ตซ์ตั้งตามชื่อนักฟิสิกส์คนนี้แหละ)
- นักประดิษฐ์และนักธุรกิจ มาร์โคนี เอาความรู้ของเฮิร์ตซ์นี้มาทำสิ่งที่เรียกว่า โทรเลขไร้สาย ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณไร้สายครั้งแรกของโลก
ดังนั้นการลงทุนกับวิทยาศาสตร์สายประยุกต์นั้นจึงค่อนข้างชัดเจนในประโยชน์ที่เกิดขึ้น
ที่มา : Wikipedia
คำถามต่อไปคือ แล้วนักวิทยาศาสตร์ที่ไม่เก่งพอจะประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆให้กับโลกเช่นนี้ล่ะ สร้างประโยชน์อะไรได้บ้าง?
ผมตอบกว้างๆสองทางคือ
-พวกเขาอาจทำงานอื่น แต่พวกเขาจะมีแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหลายอย่างในการทำงานได้ตรงจุด
ไม่ต้องไปบนบานหรือกราบต้นกล้วยเวลาเกิดปัญหา
หรือ ยิ่งถ้าพวกเขาเป็นอาจารย์แล้วเผยแพร่ความรู้วิทยาศาสตร์ย่อมช่วยขจัดความงมงาย ส่งผลให้คนที่กินน้ำโสโครกหวังการรักษาโรคแล้วตายมีจำนวนน้อยลง ทำให้ประเทศไม่เสียกำลังบุคลากรของประทศไปอย่างน่าเสียดาย
5
-อีกทางขอให้นึกถึงการส่งจรวด
ถ้าตอนนี้เมืองไทยอยากส่งดาวเทียมเพิ่มขึ้น เพื่อขยายช่องสัญญาณสื่อสารเราจะทำอย่างไร?
คำตอบคือ จ้าง
จรวดเราทำไม่เป็นก็ต้องไปจ้างเขาทำ
ฐานส่งจรวดเราก็ไม่มีทั้งที่ประเทศเราอยู่ใกล้เล้นศูนย์สูตร ปัจจัยนี้จะทำให้ลดเชื้อเพลิงการส่งจรวดลงได้มากเพราะที่เส้นศูนย์สูตรโลกหมุนรอบตัวเองด้วยความเร็วสูงกว่าที่อื่นๆ(ลองนึกถึงลูกข่างดู)
ที่มา : Wikipedia
ต่อให้เรามีจรวด มีฐานส่งและ มีวิธีส่ง เราก็ต้องไปจ้างคนที่ "ส่งเป็น" มาส่งให้ ดังนั้นบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์นี่แหละครับ ที่เราต้องสร้างขึ้นมารองรับงานใหญ่ๆ กลางๆและเล็กๆให้มากเข้าไว้ ซึ่งแม้จะไม่เก่งระดับโลก แต่พอรวมตัวกันก็ส่งช่วยกันจรวดไปรอบโลกได้ (แน่นอน ไม่ใช่แค่จรวดนะครับ มือถือ โน้ตบุ๊ก ทีวี ฯลฯ น่าจะมียี่ห้อไทยๆส่งขายทั่วโลกได้สบาย ถ้าคนไทย"ทำเป็น")
1
แล้ววิทยาศาสตร์บริสุทธิ์ล่ะ ควรทุ่มทุนแค่ไหน?
อันนี้ตอบยากเพราะวิทยาศาสตร์สายนี้บางทีเหมือนปรัชญา,เหมือนการออกแบบ ฯลฯ เราอาจมองว่าวิทยาศาสตร์สายนี้มันเป็นความสุนทรีย์อย่างหนึ่งได้เหมือนกัน
ลองนึกดีๆว่าถ้าเราจะเลือกสร้างแค่สิ่งที่ใช้งานได้ เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ที่ใช้งานได้แบบทันที โลกจะเป็นอย่างไร
แน่นอนว่า บ้านไม่ต้องสวย เราก็อาศัยอยู่ได้ ไม่ต้องปูกระเบื้อง ไม่ต้องทาสีก็ได้ ไม่ต้องติดแอร์ก็อยู่ได้
วงดนตรีไม่ต้องอลังการมากก็พอฟังได้ มีแค่กีต้าร์ตัว กลองตัว ก็เล่นเพลงได้ แต่สิ่งที่เพิ่มเติมเข้ามามันคืออารยะธรรมที่ทำให้บ้านน่าอยู่และเพลงน่าฟังมากขึ้น อีกทั้งบ้านหรือตึกจากนักออกแบบเก่งๆและวิศวกรระดับโลกนั้นดึงดูดนักท่องเที่ยวได้นะครับ
1
ถ้ามนุษย์เรารู้จักคณิตศาสตร์ แค่บวก ลบ คูณ หาร
เราคงสร้างระบบธนาคารและเศรษฐกิจยากมาก
ที่มา : Wikipedia
วิทยาศาสตร์คืออารยธรรมอีกอย่างหนึ่งด้านความคิด
ถ้าบ้านเรามีนักวิทยาศาสตร์และนักคิดมากขึ้น
ต่อไปใครๆก็คงอยากมาเรียนที่ไทย อยากมาชมสถานที่สร้างประวัติศาสตร์โลก(เหมือนไปเที่ยวดูบ้านไอน์สไตน์)
อยากมีความร่วมมือกับประเทศไทยด้านวิทยาศาสตร์
ฯลฯ
1
โอ๊ย แล้วเงินมันจะไหลเข้าประเทศเราแค่ไหนลองคิดดู
ผมล่ะนึกไม่ออกเลยว่า การลงทุนสร้างคนที่คิดเป็น,คิดเก่ง ไว้เยอะๆแล้วประเทศเราจะขาดทุนได้อย่างไร
7
คำถามจาก
ผมเขียนคำตอบนี้ไว้เมื่อปี 2017
อาจวรงค์
โฆษณา