และวันนี้ก็เลยต้องสานฝันสักครั้ง แม้ไม่ได้เป็นเจ้าของแต่ยืมมาลองก็ถือว่า บรรลุความอยากที่คาใจตั้งแต่วัยรุ่นไปอีกหนึ่งข้อ ซึ่งฝันนั้นก็คือ "รถใหญ่ไฟกลม" นามว่า Super Four
แน่นอนว่า ตอนเด็กเราไม่คิดถึงรุ่นไหนหรอก นอกจากน้องเล็ก CB 400 Super Four เพราะมีความหวังที่สุดแล้ววันนี้ได้ทำตามฝันวัยระเริงด้วย Super Four เหมือนกัน หากแต่เป็นรุ่น 1300 เลย
ตลาดรถส่วนใหญ่ที่นิยมของคนไทยก็เป็นตลาด รถ Naked ไฟกลมทรง Standard กับทรงสปอร์ต Replica โดยรุ่นที่มีความนิยมสูงสุดในสายพันธ์ุ Standard Naked ก็เห็นจะไม่พ้น Honda CB 400 Super Four เพราะเป็นรถที่ทนทานดูแลง่าย ขี่ง่าย ตามสไตล์ Honda และแน่นอน เมื่อ CB 400 Super Four ได้รับความนิยม รุ่นใหญ่ในสายพันธุ์เดียวกันที่เป็นที่นิยมอีก 2 รุ่นก็คือ CB 1000 Super Four และ CB 1300 Super Four และนี่คือรุ่นใหญ่สุดของ "รถใหญ่ไฟกลม" ซีรีย์ยอดฮิตที่สุดของประเทศไทยในอดีต
จะขอเล่าความเป็นมาของรถรุ่นนี้สักหน่อย ปีเกิดของเจ้านี่ ย้อนกลับไป 23 ปีในปี 1998 โดยเจ้านี่เป็นผู้สืบทอดของ CB 1000 Super Four ที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านั้นในนาม Project Big One ในปี 1992
ซึ่งแน่นอนก็ตามชื่อ Project , CB 1000 Super Four เป็นรถ Standard ที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารมากสำหรับยุคนั้น ผ่านไป 6 ปี มันจึงได้ผู้ถ่ายทอดคนต่อมา คือ CB 1300 Super Four นั่นเอง แม้เครื่องจะใหญ่ขึ้นแต่เทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป ทำให้ตัวรถมีขนาดไม่ได้ใหญ่ขึ้นมากนักตามเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 300 cc
นับตั้งแต่ถือกำเนิดในปี 1998 CB 1300 Super Four ถูกเปลี่ยนแปลงเพียงไม่กี่ครั้ง ครั้งแรกในปี 2003 ได้รับการเปลี่ยนแปลงหน้าตานิดๆหน่อยๆรวมถึง ข้อสังเกตที่ชัดเจนคือ ตัวเครื่องไม่มีครีบระบายความร้อนอีกแล้ว
ในปี 2005 ได้ให้กำเนิด อีกรุ่นหนึ่งขึ้นมาซึ่งเป็นรุ่นที่ผมชอบมากคือ CB1300 Super BOL D'OR ที่มีแฟริ่งแบบครึ่งนึงมีหน้ากากบังลม
สิ่งที่สังเกตได้คือการทำงานของโช๊คคู่นั้นแน่นอนว่ามัน อาจจะตอบสนองต่อการเข้าโค้งสู้โช๊คเดี่ยวไม่ได้เราจะรู้สึกถึงการทำงานของช่วงยุบที่ในบางครั้งมันอาจจะไม่เท่ากันในบางจังหวะของการยกและคืนตัวทำให้รถมันนิ่งสู้รถที่ใช้โช๊คเดี่ยวไม่ได้ แต่ส่วนหนึ่งก็อาจจะมาจากการ Set up โช๊คที่ออกไปทางฝั่งนุ่มนวลด้วย
ส่วนความรู้สึกจากโช๊คหน้า นั้นทำงานได้ค่อนข้างดี การยุบคืนตัวอยู่ในระดับที่ดี เมื่อประสานกับระบบเบรคที่เซ็ตมาอย่างดีถือว่าน่าพอใจมากสำหรับช่วงหน้าแม้ว่าจะ set มาแบบนุ่มนวลเช่นเดียวกับโช๊คหลัง
ในทัศนะของผม อาจจะเป็นเพราะดีไซน์ภายในเครื่องยนต์และท่อที่ยาวมากๆทำให้มีเสียงนุ่มทุ้มขนาดนี้ และนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้มีผู้คนหลงใหลเสียงของรถ Super Four ที่ส่งถ่ายมาจากยุค 90 จนถึงยุคปัจจุบัน