23 ม.ค. 2022 เวลา 04:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
พวกรีวิวหุ้นตัวที่ 59 - Intuitive Surgical (ISRG) เจ้าแห่งหุ่นยนต์ผ่าตัดที่สร้างความแตกต่างด้วยเอไอ
#ในกลุ่มปิด Facebook สำหรับการลงทุนหุ้นอเมริกาและจีนโดยมีค่าสมาชิกรายปีอยู่ที่ 2,999 บาทต่อคน
สมัครเข้าร่วมกันได้ที่ www.billionairevi.com/registration
โดยค่าสมาชิกจะถูกนำไปซื้อบทวิเคราะห์จากต่างประเทศในเวปชื่อดัง เช่น SeekingAlpha, The Motley Fool, Morningstar รวมทั้งข่าวจาก CNBC, Bloomberg, Businessinsider, The Economist รวมทั้งหาคนมาช่วยเขียนบทความครอบคลุมตลาดจีนมากขึ้น
<เนื้อหาการรีวิว>
การผ่าตัดโดยทั่วไปอาจแบ่งเพื่อให้เข้าใจได้ง่ายเป็นสองแบบคือ การผ่าตัดแบบเปิด (Open surgery) เช่นการผ่าตัดเปิดหน้าท้อง และ การผ่าตัดแบบส่องกล้อง (Minimally Invasive Surgery) ไม่ว่าจะเป็นการส่องกล้องผ่านทางเดินอาหาร (Endoscopic) หรือการส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง (Laparoscopic)
การผ่าตัดทั้งหลายนั้นอาศัยความชำนาญของศัลยแพทย์เป็นหลัก ซึ่งมักมีข้อจำกัดที่เกิดจากมนุษย์ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงตำแหน่งที่ยากไม่ได้ การมองเห็นที่จำกัด การควบคุมมือให้นิ่งที่สุดไม่ได้ หรืออาจเกิด Human errors ได้ มนุษย์จึงได้พัฒนาอุปกรณ์เพื่อให้การทำงานเหล่านี้ง่ายและคงที่มากขึ้น โดยทำการพัฒนาหุ่นยนต์เพื่อช่วยในการผ่าตัดขึ้นมา
การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยนั้นมีมาตั้งแต่ปี 1985 โดยใช้หุ่นยนต์ที่ชื่อ PUMA 560 robotic surgical arm ใช้ในการผ่าตัดเก็บชิ้นเนื้อจากระบบประสาท โดยยังเป็นการผ่าตัดแบบไม่ส่องกล้อง (Non-laparoscopic surgery)
การผ่าตัดโดยใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยทำให้ศัลยแพทย์สามารถทำงานที่มีความซับซ้อนที่ต้องใช้ความละเอียดสูงได้ โดยการมาของ PUMA 560 เป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การผ่าตัดแบบส่องกล้องโดยใช้หุ่นยนต์เข้าช่วย ในปี 1987 ได้มีการผ่าตัดถุงน้ำดีโดยการส่องกล้องโดยใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วยเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นในปี 1988 FDA ได้อนุมัติ AESOP system ของ Computer Motion ให้สามารถนำมาใช้งานในการผ่าตัดส่องกล้องทางเดินอาหารได้
 
มาถึงในปี 1998 Intuitive ได้เปิดตัว da Vinci Surgical System หลังจากนั้นในปี 2020 เป็นครั้งแรกที่ FDA อนุมัติให้มีการใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัดส่องกล้องผ่านทางหน้าท้อง การมาของ da Vinci ในครั้งนั้น ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการผ่าตัดเหมือนที่ iPhone เข้ามาเปลี่ยนแปลงการใช้โทรศัพท์มือถือ
1
Gary Guthart CEOในปัจจุบัน หลังจากที่เขาจบการศึกษาจาก Standford University ได้เข้ามาทำงานกับ Intuitive Surgical ตั้งแต่บริษัทยังเป็น Startup ในปี 1996
บริษัทเป็นผู้นำในด้าน Robotic Surgery ซึ่งเน้นไปที่การพัฒนาคุณภาพการผ่าตัดแบบ Minimal Invasive โดยได้จำหน่ายหุ่นยนต์ผ่าตัดมากว่าสองทศวรรษในชื่อ da Vinci Surgical System ซึ่งอุปกรณ์นี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแก่ศัลยแพทย์อย่างมาก ลดความไม่แน่นอนจาก Human errors ให้ผลลัพธ์ในการผ่าตัดที่ดีขึ้น และ Prognosis ที่ดีขึ้น
 
บริษัทมีเป้าหมาย 4 ด้าน คือ
✅ สร้างเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มผลลัพธ์ที่ดีจากการผ่าตัด และลดความแปรปรวนจากมนุษย์
✅ สร้างประสบการณ์การผ่าตัดที่ดีขึ้นให้กับผู้ป่วย ลดผลกระทบที่จะเกิดกับชีวิตประจำวัน และทำให้ผลการรักษาสามารถคาดการณ์ได้ง่ายขึ้น
✅ เพิ่มความพึงพอใจในการใช้งานให้แก่ทีมดูแลรักษาผู้ป่วย ช่วยให้ทีมสามารถทำงานได้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
✅ ลดต้นทุนการรักษา ทำให้ผู้ป่วยสามารถเข้าถึงการรักษาได้ง่ายขึ้น และโรงพยาบาลที่ติดตั้งเครื่องมือได้รับความคุ้มค่ามากที่สุด
 
ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทคือ da Vinci Surgical System ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ผ่าตัดที่นับได้ว่าทันสมัยและก้าวหน้าที่สุดในอุตสาหกรรม โดยคุณสมบัติเด่นของหุ่นยนต์ตัวนี้คือ
 
✅ Immersive 3DHD Visualization : ซึ่งเป็นระบบการมองผ่านกล้องชนิดพิเศษ ทำให้สามารถแยกและระบุ Anatomy ได้ชัดเจน ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการผ่าตัด นอกจากนี้ยังมีระบบฉีดสี(Firefly Fluorescence Imaging) เพื่อดูหลอดเลือด, Tissue perfusion และ ท่อน้ำดี (Biliary Duct) ได้แบบ real time ซึ่งการมองผ่าน 3DHD endoscope ทำให้ได้ภาพที่ละเอียดกว่าคู่แข่งเจ้าอื่นที่มักจะเป็นการดูภาพผ่าน Monitor ธรรมดาเท่านั้น
✅ Precise and Tremor-Free Endoscope control : กล้องให้ภาพที่นิ่งมาก สามารถขยับได้อย่างละเอียดแม่นยำ ตามที่Surgeonต้องการ สามารถหมุนหรือขยับได้ทุกทิศทางและรวดเร็ว
✅ Advanced Instruments : มีอุปกรณ์เสริมอื่นที่ใช้ร่วมได้ เช่นเครื่องเย็บ เครื่องจี้ไฟฟ้า อุปกรณ์ส่วนใหญ่มีเทคโนโลยี EndoWrist ซึ่งทำให้อุปกรณ์สามารถขยับได้มากกว่า ละเอียดกว่าข้อมือมนุษย์ ช่วยให้การเย็บแผลมีความแม่นยำมากเหมือนทำ Open surgery
✅ Intuitive Instrument Movements : เครื่องมือที่เข้าไปในร่างกายของผู้ป่วย ถูกออกแบบมาให้ขยับในทิศทางเดียวกับมือของศัลยแพทย์ ซึ่งแตกต่างจาก Minimally invasive surgery แบบดั้งเดิมที่การขยับของเครื่องมือจะเป็นทิศทางตรงข้ามกับมือของศัลยแพทย์
✅ Tremor Filtered : มีระบบ Motion Scaling ซึ่งช่วยลดการสั่นของมือศัลแพทย์ได้ เหมาะสำหรับการผ่าตัดที่ต้องการความละเอียดและซับซ้อนมาก โดยจะมีการตั้งระบบ เช่น หากมือของศัลแพทย์ขยับ 3 มิลลิเมตร ให้เครื่องมือขยับเพียง 1 มิลลิเมตร
✅ Multi-Specialty Surgical program : เครื่องมือสามารถใช้กับการผ่าตัดหลากหลายระบบ ประกอบไปด้วยการผ่าตัดทางสูตินรีเวช, ระบบทางเดินปัสสาวะ, ผ่าตัดทั่วไป, ผ่าตัดระบบหัวใจและช่องอก และการผ่าตัดในระบบหัวและคอ
✅ Advancing Training Tools : มีระบบฝึกฝนผ่าน Virtual Reality (VR) และมีบริการให้คำปรึกษาระหว่างการผ่าตัดแบบ real time
 
บริษัทยังได้พัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมเพื่อขยายตลาดให้ใหญ่ขึ้น ได้แก่
✅ Iris : ระบบการสร้างภาพจาก CT scanของไต ให้กลายเป็น Augmented reality โดยอาศัยการทำงานเฉพาะของ Machine-learning algorithms ทำให้สามารถสร้างโมเดลของไตที่มีความละเอียดซับซ้อนมากขึ้น และสามารถมองเห็นรายละเอียดในตำแหน่งที่เข้าถึงยากได้อย่างชัดเจน
✅ Ion Endoluminal System : เป็นระบบเก็บชิ้นเนื้อในปอด โดยใช้หุ่นยนต์เข้ามาช่วย ทำให้สามารถเก็บชิ้นเนื้อในโครงสร้างของปอดที่มีขนาดเล็กได้
อุปกรณ์เสริมอื่นได้แก่Da Vinci Instruments : เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดร่วมกับ da Vinci Systems เช่น ใบมีดสำหรับผ่า กรรไกรผ่าตัด หัวสำหรับจี้ไฟฟ้า ซึ่งแพทย์สามารถเลือกขนาดที่ต้องการได้ อุปกรณ์เหล่านี้สามารถนำมาฆ่าเชื้อเพื่อใช้ซ้ำได้ แต่จะมีการฝัง memory chip เอาไว้ เพื่อทำให้ไม่สามารถใช้เกินจำนวนครั้งที่บริษัทกำหนดมา เพราะอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของอุปกรณ์ได้
#Businessmodel
นอกจากขายเครื่องผ่าตัดแล้ว บริษัทยังสามารถสร้าง Recurring Revenue จากการให้บริการหลังการขายและขายอุปกรณ์ที่ใช้ร่วมกับหุ่นยนต์ในการผ่าตัด เช่นใบมีด ตัวเย็บ เป็นต้น อุปกรณ์เหล่านี้ใช้ได้จำกัดจำนวนครั้งเพราะเสื่อมสภาพตามการใช้งาน และอุปกรณ์หลายชิ้นถูกออกแบบมาให้ใช้แล้วทิ้ง
บริษัทใช้ตัววัดคุณภาพของกิจการดังนี้
👉🏻 Patient Value ซึ่งดูจากความสำเร็จของการผ่าตัดเทียบกับผลข้างเคียงหรือผลกระทบต่อชีวิตประจำวันที่เกิดจากการผ่าตัด โดยบริษัทเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ของตนสามารถสร้างคุณค่าให้แก่ผู้ป่วย ให้ผลลัพธ์ที่ดีในการผ่าตัด ผลกระทบต่อชีวิตประจำวันน้อยลง ใช้เวลาพักฟื้นน้อยลง จากข้อดีตรงนี้ บริษัทเชื่อว่าจะทำให้ผู้ป่วยตามหาโรงพยาบาลที่สามารถให้บริการโดยใช้เครื่องมือของตนเองได้ ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถเพิ่ม market share ไปได้เรื่อยๆ
👉🏻 Surgeon Value ให้ความสำคัญกับความง่ายและความน่าเชื่อถือของเครื่องมือ มีบริการวิเคราะห์ข้อมูล ติดตามข้อมูลย้อนหลัง เน้นให้ศัลแพทย์พึงพอใจกับการใช้งานมากที่สุด
👉🏻 Hospital Value จากผลข้างเคียงของการผ่าตัดที่ลดน้อยลง ระยะเวลาพักฟื้นหลังผ่าตัดที่น้อยลง ส่งผลให้ประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาของผู้ป่วย ซึ่งส่งผลดีต่อโรงพยาบาล นอกจากนี้ยังมีบริการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลการผ่าตัด เพื่อนำมาหาจุดบกพร่อง ใช้ในการพัฒนาคุณภาพของโรงพยาบาลต่อไป
 
#รายได้ที่ผ่านมา (GAAP Basis)
ปี 2018 มีรายได้ $3,724.2 ล้าน กำไร $1,125 ล้าน
GPM 69.92% NPM 30.21%
ปี 2019 มีรายได้ $4,478.5 ล้าน เติบโต 20.25% YoY
กำไร $1,381.8 ล้าน เติบโต 22.29% YoY
GPM 69.45% NPM 30.85%
ปี 2020 มีรายได้ $4,358.4 ล้าน ลดลง 2.68% YoY
กำไร $1,066.8 ล้าน ลดลง 23.11% YoY
GPM 65.65% NPM 24.48%
ไตรมาส 3 ปี 2021 มีรายได้ $1,403.3 ล้าน เติบโต 30.21% YoY
กำไร $387.2 ล้าน เติบโต 22.22% YoY
GPM 69.22% NPM 27.11%
รายได้ของบริษัทกว่า 70% มาจากการขายอุปกรณ์ที่ใช้ในการผ่าตัดและการให้บริการหลังการขาย เป็น Recurring revenue ที่ลูกค้าที่ติดตั้งเครื่องมือต้องซื้ออย่างสม่ำเสมอ
ในปี 2020 บริษัทได้รับผลกระทบอย่างมากจากการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ทำให้รายได้รวมลดลง แต่เมื่อไปดูรายได้ในส่วนการขายอุปกรณ์กลับพบว่าเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่ารายได้ในส่วนนี้มีความแข็งแกร่งและเป็นส่วนที่สำคัญมากสำหรับบริษัท
ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2021 สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดเริ่มดีขึ้น การผ่าตัดโดยใช้ระบบ da Vinci เพิ่มขึ้นถึง 20% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3 ของปี 2020 และหากนับตั้งแต่ปี 2019 จนถึงไตรมาสล่าสุด จะคิดเป็นการเติบโตถึง 13% CAGR
บริษัทสามารถจำหน่าย da Vinci System ได้ 336 เครื่อง ในไตรมาสนี้ เทียบกับ 195 เครื่องใน 2Q2020 คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 72% เครื่องที่ติดตั้งทั้งหมดทั่วโลกมีจำนวน 6,525 เครื่อง เทียบกับไตรมาสที่สองในปี 2020 ที่ 5,865 เครื่อง คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 11%
รายได้ส่วนใหญ่กว่า 70% ยังมาจาก US เป็นหลัก ส่วนที่เหลืออีก 30% มาจากต่างประเทศเช่น Europe China และ Asia บางประเทศ (ในประเทศไทยเองก็มี da Vinci Surgical system ในโรงพยาบาลขนาดใหญ่เช่น ศิริราช ราชวิถี บํารุงราษฎร์ เป็นต้น)
รายได้จากการขาย da Vinci Surgical System จะอยู่ที่เครื่องละ $0.5 ล้าน -$2.5 ล้าน ขึ้นกับรุ่น
#โอกาสและการแข่งขัน
จากรายงานของ BIS research ระบุว่าในปี 2020 Global Surgical Robotic market มีมูลค่าประมาณ $5.46 billion ซึ่งหากดูจากรายได้ของ Intuitive Surgical จะคิดเป็น Market Share กว่า 79.8% แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน (Winner take most) ตามมาด้วยคู่แข่งอย่าง Stryker Corporation ที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 9%
BIS research คาดการณ์ว่าตลาดจะเติบโตที่ CAGR 10.2% ระหว่างปี 2021 ถึง 2031
คู่แข่งโดยตรงของบริษัทไม่ใช่ Stryker เนื่องจาก Stryker เน้นไปที่การผ่าตัดกระดูกและข้อ กระดูกสันหลัง และระบบประสาท
คู่แข่งที่ผมเห็นว่าแข่งขันกันโดยตรง คือ ใช้หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด Soft Tissues เป็นหลักคือ Medtronic : Hugo RAS System ซึ่งพึ่งได้รับการอนุมัติจาก European CE Mark สำหรับการผ่าตัดในระบบทางเดินปัสสาวะและการผ่าตัดด้านสูตินรีเวช และ CMR Surgical : Versius โดยทั้งสองบริษัทเน้นไปที่การทำราคาให้ถูกกว่า เน้นตลาดที่ต่ำกว่า
นอกจากนี้ยังมีบริษัทอื่นที่กำลังพัฒนาระบบของตัวเองด้วย เช่น Medicaroid, Medrobotics, Olympus, Samsung, Johnson&Johnson ภายใต้บริษัทลูกชื่อ Auris Health และ Verb Surgical ซึ่งกำลังทำระบบชื่อ Ottava Surgical Robotic system แต่คาดกว่าจะช้ากว่ากำหนดไปสองปีเนื่องจากปัญหาทางด้านเทคนิคและSupply chain constraint
da Vinci Surgical System มีให้บริการในกว่า 67 ประเทศทั่วโลก (กำลังทำตลาดอย่างหนักในฝั่ง Asia และ Europe) สำหรับในสหรัฐอเมริกา da Vinci Surgical system ได้ FDA approval ตั้งแต่ปี 2000 สำหรับการผ่าตัดส่องกล้องทั่วไป (General Laparoscopic surgery) และได้รับการอนุมัติให้ทำหัตถการอื่นเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
 
ความต้องการและการแข่งขันในตลาด Robotic Surgery กำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นี่จึงเป็นทั้งโอกาสและความท้าทายสำหรับบริษัท ด้วยการที่ Intuitive มี First-mover advantage พัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง และรูปแบบผลิตภัณฑ์ที่มี Switching cost สูงมาก(ความคุ้นเคยของศัลแพทย์ ความคุ้นเคยของโรงพยาบาล ราคา การติดตั้ง การบริการหลังการขาย) เชื่อว่าจะทำให้บริษัทสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดได้ต่อไป
#ความเสี่ยง
✅ การแพร่ระบาดของ COVID-19 รอบใหม่ ซึ่งจะส่งผลให้การผ่าตัดที่ไม่เร่งด่วนถูกเลื่อนออกไป จำนวนการผ่าตัดลงลง รวมไปถึงการขาดแคลนเจ้าหน้าที่ในการทำงาน ศักยภาพของโรงพยาบาลที่ลดลงเนื่องจากต้องปรับไปรับมือกับการระบาดของไวรัส
✅ ปัญหาการขาดแคลนใน Supply Chain ที่สืบเนื่องมาจากการระบาดของโควิด โดยเฉพาะใน Semiconductors ที่เป็นส่วนประกอบสำคัญของผลิตภัณฑ์หลายอย่างของบริษัทและกำลังขาดแคลนอย่างหนัก ซึ่งจะส่งผลให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าช้าออกไป และต้นทุนในการผลิตสูงขึ้นส่งผลให้กำไรของบริษัทลดลง
✅ คู่แข่งรายใหม่สามารถเข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาดได้ดังที่ยกตัวอย่างไปข้างต้นแล้ว และนอกจากนี้ลูกค้าอาจหันไปใช้บริการหลังการขายจาก 3rd party เจ้าอื่นที่สามารถเสนอราคาที่ถูกกว่าได้
✅ Regulatory risks ซึ่งมีความยุ่งยากและละเอียดซับซ้อน มีความเป็นไปได้ว่าหากขั้นตอนใดในการผลิตมีปัญหาไม่เป็นไปตามกฎ อาจทำให้ผลิตภัณฑ์ไม่สามารถนำออกมาจำหน่ายได้
#Valuation
 
หากดูจากประมาณการ Adjusted EPS ในปี 2021 หุ้นจะซื้อขายกันที่ P/E 40 เท่า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มที่ 22.16เท่า แต่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังห้าปีที่ 51เท่า
Wall Street analyst ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ $175-$398 และค่าเฉลี่ยอยู่ที่ $348.50 ซึ่งหากดูราคาปัจจุบันที่ $269 น่าลองศึกษาดีๆเพื่อลงทุน
โดยสรุปเป็นหุ้นที่มีธุรกิจที่แข็งแกร่งจากการเป็นเจ้าแรกในตลาดและสามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ๆมาพัฒนาสินค้าเพื่อสร้างคุณค่าให้ลูกค้ามากขึ้น นอกจากนี้ยังมี Switching Cost สูง โรงพยาบาลกับหมอใช้แล้วคงไม่อยากเปลี่ยนไปใช้เจ้าอื่น ตราบใดที่สินค้าตอบโจทย์และมีคุณภาพดีกว่าคู่แข่งมาก นอกจากนี้ยังอยู่ในเทรนด์สุขภาพ คนแก่มากขึ้นก็ต้องใช้สินค้าของบริษัทมากขึ้น อย่างไรก็ตามคงต้องวิเคราะห์ราคาให้ดีๆก่อนตัดสินใจลงทุนในช่วงดอกเบี้ยขาขึ้นครับ
Disclaimer: บทความนี้เพื่อให้ไอเดียการลงทุนกับนักลงทุน ไม่ได้เป็นการเชียร์ให้ซื้อหรือขาย นักลงทุนควรจะต้องศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเองอีกครั้ง
Sources
Company IR
Seeking Alpha
Morningstar
โฆษณา