23 ม.ค. 2022 เวลา 14:41 • การตลาด
4 เหรียญสกุลเงินดิจิตอลสัญชาติไทยที่มีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและน่าลงทุน
ณ ช่วงเวลานี้ ยากที่จะปฏิเสธ์ความร้อนแรงของเงินสกุลดิจิตอล ที่เป็นที่จับตาของนักลงทุนทั้งรายเล็กรายกลางและรายใหญ่ ถึงแม้ว่ายังมีความผันผวนอยู่สูงและยังมีปัญหากับนโยบายการเรียกเก็บภาษีรายได้จากภาครัฐ ที่ทำให้นักลงทุนต่างกังวล หลายรายย้ายเอาเงินไปลงทุนในต่างประเทศแทนเลยก็มี
แต่เสน่ห์ของการลงทุนในสกุลเงินดิจิตอลที่เป็นระบบออนไลน์ ที่เรียกว่า Cryptocurrency ก็ยังดึงดูดนัดลงทุนไว้ได้อย่างเหนี่ยวแน่น เพราะนอกจากที่ลดโอกาสในการแทรกแซงจากหน่วยงานที่กำกับดูแล ก็ยังมีเทคโนโลยี Block chain ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้เป็นอย่างดี แต่ตอนนี้ก็ยังมีความผันผวนจากข่าวคราวที่อาจจะตั้งใจและไม่ตั้งใจที่มาทำให้ค่าเงินขึ้นลงแบบหวาดเสียวอยู่
เหรียญต่าง ๆ ที่นักลงทุนเลือกลงทุน ส่วนมากล้วนแล้วแต่เป็นของต่างชาติ ที่มีส่วนแบ่งมากที่สุดก็คือ บิทคอยน์ (Bitcoin) รองลงมา เช่น อีเธอเรียม (ETH) Litecoin (LTC) คาร์ดาโน่ (ADA) Polkadot (DOT) Dogecoin (DOGE) และ Binance Coin (BNB) เป็นต้น
แต่เหรียญดิจิตอลของไทยก็มีดีไม่แพ้ต่างชาติอยู่เหมือนกัน เพียงแต่ยังไม่เป็นที่รู้จักในระดับสากลมากนัก เรามาดูกันว่า เงินสกุลดิจิตอล 4 เหรียญของไทยที่น่าลงทุนมีอะไรกันบ้าง
ที่มา Finnomena
1. JFin Coin เป็นผู้บุกเบิกเหรียญคริบโทฯของไทย เป็นสกุลเงินดิจิตอลเหรียญแรกที่มีการทำ ICO (Initial Coin Offering) ที่เป็นการระดมทุนต่อสาธารณะชน ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก่อนที่ประเทศไทยจะมี พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิตอลออกมา
1
ผู้ดำเนินการก็คือ J Venture เป็นบริษัทย่อยในเครือ Jaymart ที่คนไทยรู้จักดีในนามตัวแทนผู้จัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อิเลคทรอนิครายใหญ่ ที่มีการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
เปิดเสนอขายครั้งแรกจำนวน 100 ล้านเหรียญ ที่ราคาประมาณ 6.60 บาท ด้วยความใหม่ผู้คนยังไม่รู้จัก ในการเปิดขายวันแรกจึงทำให้ราคาล่วงลงไปกว่า 57% แต่ทว่าราคาในปัจจุบันสูงกว่า 100 บาท นั่นแสดงว่าผู้ที่ถือเหรียญนี้ไว้ตั้งแต่วันแรกที่เปิดซื้อขาย จะมีกำไรถึง 97 บาท/เหรียญเลยทีเดียว ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปีกว่าๆ เท่านั้นเอง หรือทรัพย์สินเพิ่มขึ้นประมาณ 30 เท่าเป็นอย่างน้อย
นอกจากใช้เกร็งกำไรแล้วยังสามารถนำเหรียญนี้ไปชำระค่าสินค้าได้หลายรายการ เช่น ค่าเข้าชมภาพยนต์ในเครือ SF พร้อมทั้งพัฒนาระบบสินเชื่อในเครือ Jaymart ได้ด้วย และกำลังเจรจากับรถไฟฟ้า BTS เพื่อรับชำระด้วยเหรียญนี้ด้วย
 
2. ZIPMEX TOKEN หรือ ZMT จาก ZIPMEX ผู้ให้บริการซื้อขายสินค้าดิจิตอล ที่เป็นผู้ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจาก กลต. หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดขายที่ราคา 5 บาท ราคาที่ซื้อขายอยู่ระหว่า 90-100 บาท เคยทำราคาสูงสุดถึง 166 บาท
ที่มา AnanMoney
สามารถนำไปใช้ทำธุรกรรมทางเงินได้กับหลายธุรกิจ เช่น โรงภาพยนตร์ จ่ายค่ารถ Supercar พร้อมทั้งได้สิทธิพิเศษการใช้เหรียญ ในการเข้าฝากเงินแบบออมทรัพย์ ZIP UP และการฝากเงินประจำ ZIP LOCK กับ Platform ของ ZIPMEX ที่มีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าปกติ
3. Bitkub Coin (KUB) ของค่าย Bitkub ที่เป็นผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากการ กลต. เช่นกัน และยังมีสัดส่วนสูงสุดในการทำธุรกรรมเงินสกุลดิจิตอลของประเทศไทย มีพันธมิตรที่เป็นธุรกิจชั้นนำมากมาย สามารถนำเหรียญไปแลกเป็น Free Credit ในการใช้ลดค่าธรรมเนียมในการซื้อขายบนกระดานเทรดของ Bitkub ได้
1
ที่มา Bitkub
มีการร่วมมือกับธุรกิจชั้นนำของโลก อย่าง amazon Alibaba Lazada Shopee พร้อมบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ศูนย์การค้า ที่เปิดให้รับชำระเงินสกุล Bitkub ได้ ราคาเปิดตัวที่ 30 บาท เคยทำราคาได้สูงสุดถึง 580 บาท ปัจจุบันก็วิ่งอยู่ที่ช่วง 3-4 ร้อยบาท
4. SIX เป็นของ Six Network ที่ก่อตั้งใกล้เคียงกันกับเหรียญ JFIN ในปี พ.ศ. 2561 มีวัตถุประสงค์ในการสร้างเหรียญเพื่อการลงทุนและการแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ที่ไม่ต้องมีตัวกลาง เปิดขายครั้งแรกที่ราคา 3 บาท ทำราคาสูงสุดได้ถึง 16 บาท ปัจจุบันราคาก็อยู่ที่ประมาณ 7 บาท
ที่มา Brand Buffet
ทั้งหมดนี้ก็เป็นสกุลเงินดิจิตอลของไทยที่น่าลงทุน แต่หากจะจัดสินใจที่จะนำเงินไปลงทุนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ แนะนำว่าผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการลงทุนให้รอบครอบก่อน เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง แต่การไม่รู้ในสิ่งที่ลงทุนเสี่ยงกว่า (ที่มา: หนังสือพิมพ์ทันหุ้น)
ที่มา TNN WEALTH
สามารถติดตามข้อมูลแนวคิดทางการตลาดยุคใหม่ได้ที่
Instagram: Modernization Marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
Face Book Page: Thailand Modern Marketing
YouTube Channel: Modernization marketing (ยุคใหม่การตลาดของไทย)
โฆษณา