23 ม.ค. 2022 เวลา 14:15
ยิ่งสูงยิ่งต่ำ ยิ่งใหญ่ยิ่งเล็ก
ผมว่าคุณก็คงเคยได้ยินคำเปรียบเปรยนี้ มันเป็นลักษณะของ”ผู้ยิ่งใหญ่”ที่แท้จริง
สังเกตดูคนที่เรารู้สึกชื่นชม ยกย่องอย่างจริงใจไหมครับ คนเหล่านี้แม้จะใหญ่คับฟ้า แต่ทำตัวเหมือนคนธรรมดาๆ อ่อนน้อม ให้เกียรติคนอื่น ไม่มี”กร่าง”หรือแสดงอำนาจข่มคนที่ด้อยกว่า
ผู้ยิ่งใหญ่ ทรงอำนาจเหล่านี้ แม้ชีวิตไม่ได้เป็นอมตะ แต่ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ จะเป็นอมตะ ให้ผู้คนได้ชื่นชมตลอดกาล
ผมคิดถึงขุนพลจีนโบราณท่านหนึ่งชื่อ ฉีจี้กวง ผู้ได้สมญาว่า พยัคฆ์แห่งกวางตุ้ง ผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลคนหนึ่ง ในประวัติศาสตร์ที่ยาวนานของแผ่นดินจีนครับ
ฉีจี้กวง เป็นลูกชายของทหารใหญ่คนหนึ่งในยุคที่ปกครองโดยราชวงศ์หมิง จะเป็นเพราะเขาถูกอบรมจากครอบครัวหรือนิสัยส่วนตัวก็ไม่รู้ แต่มันทำให้หนุ่มน้อยคนนี้เติบโตขึ้นพร้อมกับนิสัยน่าคบหาเป็นพวก 3 อย่างคือ กล้าหาญ ซื่อตรงและนับผู้อื่น แม้กระทั่งสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างตั๊กแตนตำข้าวตัวหนึ่ง
ตามมาจะเล่าให้ฟังครับ...
ขณะอายุได้แค่ 17 ปี ฉีกี้กวง เข้ารับราชการทหาร เวลานั้นตามชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีน มีโจรสลัดกลุ่มหนึ่งซึ่งว่ากันว่าโหดเหี้ยมอำมหิต ออกปล้น ฆ่า ทั้งในทะเลและบ้านเมืองที่อยู่ตามชายฝั่ง
โจรสลัดกลุ่มนี้ เป็นทหารและเหล่าซามูไร ซึ่งแตกทัพมาจากสงครามกลางเมืองในเกาะญี่ปุ่น แล้วตั้งเป็นกองโจรสลัดชื่อว่า โวโค่ว ออกปล้น ฆ่า เผาและฉุดคร่าผู้หญิงไปข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งโยนทะเลตามแนวชายฝั่ง สร้างความเดือดร้อนแสนสาหัสให้กับผู้คนอย่างมาก
ระยะหลัง โจรพวกนี้เหิมเกริมหนักขึ้น ถึงขั้นสมคบกับเจ้าพ่อและผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่น บุกเข้าไปก่อความเดือดร้อนถึงชั้นใน รุกเข้ามาโจมตีถึงตัวอำเภอ
โจรสลัดญี่ปุ่นจึงกลายเป็นภัยร้ายแรงต่อเขตชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนอย่างมาก
โจรสลัด โวโค่ว ไม่ใช่มีแค่เรือลำเดียวออกปล้นนะครับ แต่มันเป็นกองทัพโจร ไม่ต่างอะไรกับกองทัพทหาร ดังนั้นไม่ว่าจะส่งกำลังออกปราบปรามกี่ครั้ง แต่ก็ถูกตีโต้จนทหารที่ยกไปปราบพ่ายแพ้กลับมาทุกครั้ง
ฉีจี้กวง ทหารหนุ่มวัยฉกรรจ์อาสาเป็นแม่ทัพไปราบโจรครับ
อาจเป็นเพราะนิสัยการนับถือคนไม่เลือกชั้น เขารับสมัครทหารจากชาวนาและแรงงานในเหมืองถ่านหิน ตั้งเป็นกองทัพน้อย โดยทางการสนับสนุนเรื่องอาวุธ และเลือกยุทธวิธีที่เรียกกันต่อมาว่า “การรบแบบนกแมนดาริน”
การรบแบบนี้เป็นการรบแบบประชิดตัว ถ้าเป็นยุคนี้ก็ประมาณว่าแบบประจัญบาล สู้กันด้วยดาบปลายปืนประมาณนั้น
โจรสลัดญี่ปุ่นถนัดใช้ธนูและปืน แต่ทหารของฉีจี้กวง ฝึกใช้อาวุธสั้นเป็นหลัก และหลีกเลี่ยงการรบระยะไกล แต่หลอกล่อให้โจรสลัด โวโค่วบุกเข้ามาจนถึงระยะประชิดซึ่งทหารของฉีจี้กวงถนัด
นักรบของแม่ทัพฉี มีแค่ 4000 คนเท่านั้นนะครับ แต่ประจันหน้ากับกองทัพโจรสลัดทุกครั้งก็เอาชนะ ฆ่าฟันโจรร้ายไปแตกพ่ายยับเยิน ใช้เวลาไม่นาน ก็นำเอาความสงบสุขกลับมาให้”พี่น้อง ประชาชน”ได้สำเร็จ
กองทัพน้อยของแม่ทัพฉี มีชื่อเสียงเลื่องระบือ จนชาวบ้านตั้งชื่อทหารสังกัดนี้ว่า นักรบตระกูลฉี และตัวแม่ทัพฉีเอง ก็ได้รับการยกย่องจากประชาชน และเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่ทัพใหญ่คนหนึ่งของแผ่นดิน ว่ากันว่า ถ้าจัดอันดับ แม่ทัพชาวจีนโบราณ เขาจัดอยู่กลุ่ม “TOP TEN”ของแผ่นดินทีเดียว
ด้วยผลงานปราบโจรสลัด แม่ทัพฉี ถูกย้ายไปที่เมืองหลวงปักกิ่งในฐานะแม่ทัพใหญ่เพื่อสู้กับมองโกล และท่านฉีก็ไปวางแผนเดินตามรอยพระบาทจิ๋นซีฮ่องเต้ในอดีต ก่อสร้างกำแพงเมืองจีนให้ยาวต่อไปอีกหลายพันลี้
ชื่อเสียงนอกจากในการรบ แม่ทัพฉี ยังมีชื่อเรื่องการไม่หยิ่งทะนง อ่อนน้อมต่อประชาชนและ รักลูกน้อง ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ว่ากันว่า เป็นทหารใหญ่ระดับแม่ทัพไม่กี่คนที่ร่วมวงดื่มกับกำลังพลโดยไม่เลือกยศและดูแลเอาใจใส่ลูกน้อง จนทุกคนยอมรบแบบถวายหัวให้นาย
ยิ่งสูงยิ่งต่ำ ยิ่งใหญ่ยิ่งเล็ก เป็นคุณสมบัติอย่างหนึ่งของผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
เรื่องราวที่ผู้คนเล่าขานกันมา คือการเคารพผู้อื่น แม้กระทั่งตั๊กแตนตำข้าว คือเรื่องนี้ครับ
วันหนึ่ง แม่ทัพฉี กับขุนพลออกล่าสัตว์ สังเกตเห็นแมลงตัวหนึ่งเกาะบนกิ่งไม้ ยื่นขาหน้าขวางทางรถ โดยไม่มีท่าทีจะหนีเหมือนสัตว์อื่นๆ
ด้วยนิสัยชมชอบความกล้าหาญ จึงถามคนบังคับรถม้าว่า ตัวอะไรช่างกล้าเหลือเกิน พลขับบอก “ตั๊กแตนครับนาย ไอ้ตัวนี้ รู้แต่บุกไม่รู้ถอย ไม่ประมาณว่า ไม่เห็นศรัตรูอยู่ในสายตา "
ฉีจวงกงจึงบอกลูกน้องร่วมขบวนว่า " ถ้าคนทำได้เช่นนี้ ย่อมเป็นผู้กล้าหาญการศึกในใต้ฟ้านี้แน่นอน ..
เฮ้ยหลีกทางให้มัน กล้าหาญอย่างนี้ ไม่ควรตายเพราะล้อรถ”
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับเหยียบแผ่นดินจีน พิชิตศึกมามากมาย แต่ยอมหลีกทางให้ตั๊กแตนตัวหนึ่ง เพียงเพราะเคารพความกล้าหาญ ไม่ใช่เรื่องจะเกิดขึ้นง่ายๆนะครับ
จะเป็นเพราะการแต่งเติม เพิ่มความยิ่งใหญ่ให้ใหญ่มากขึ้น ก็ไม่รู้ครับ ตำนานบอกว่า ขุนพลคู่ใจคนหนึ่ง ถึงกับพูดกับลูกน้องระดับรองๆซึ่งตามขบวนนายมาว่า “ยิ่งสูงยิ่งต่ำ ยิ่งใหญ่ยิ่งเล็ก จึงเป็นผู้ยิ่งใหญ่อย่างแท้จริง”
บั้นปลายชีวิต ด้วยความสกปรกของวังวนอำนาจ ซึ่งก็มีทุกยุคสมัย แม่ทัพฉี ถูกทหารตอแหลใกล้ศูนย์รวมอำนาจ เพ็ดทูลฮ่องเต้หูเบา จึงถูกปลดจากตำแหน่ง และกลับไปอยู่ซานตงบ้านเกิด ใช้ชีวิตอย่างอย่างสงบ ทิ้งอำนาจและชื่อเสียงและจบชีวิตลงอย่างสงบสุข แต่คนรุ่นหลังยังคง นับถือว่า”เป็นหนึ่ง” ถึงปัจจุบัน
ฉีจี้กวง คือหนึ่งในตัวอย่างของผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล แม้จะถูกย่ำยี หมิ่นเกียรติยศ ถูกปลดจากตำแหน่ง ขณะมีชีวิตและแม้จะลาโลกไปหลายร้อยปี คนรุ่นหลังก็ยังนับถือยกย่องให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาล
ผมเล่าเรื่องนี้ ก็เพียงแค่จะบอกเล่าสู่มิตรสหายให้ทราบเรื่องราวของคนผู้หนึ่ง ที่ยิ่งใหญ่สมคำยกย่อง แม้จะอยู่ในสถานะใดและกาลเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ผู้คนก็ไม่อาจลืมเลือนได้เลย
ผู้ยิ่งใหญ่ที่ “ยิ่งสูงยิ่งต่ำ ยิ่งใหญ่ยิ่งเล็ก” แบบนี้ ในยุคที่บ้านเมืองเรา ลำบากแสนเข็ญ ร้อนรุ่มไปทั้งแผ่นดิน เรามาช่วยกันหาให้ได้สักคนเถอะครับ
แม้จะไม่”ยิ่งใหญ่”เท่า แม่ทัพฉี “ แต่ขอให้ได้สักข้อแค่ ” เคารพผู้อื่น” ไม่ต้องถึงขั้นเคารพ ตั๊กแตนตำข้าว
ผมว่า ก็น่าจะเป็นคุณูปการต่อบ้านเมือง มากกว่าหลายคนที่กำลังพยายามจะยิ่งใหญ่ อย่างที่เห็นๆกันอยู่ทุกวันนี้นะครับ
เอ๊า...มาช่วยกันหาหน่อย อย่ามัวแต่กลัวคำขู่เรื่องโควิด จน”หำหด”กันไปหมดเลยครับ..
โฆษณา