24 ม.ค. 2022 เวลา 12:31 • ไลฟ์สไตล์
อภัย พูดง่าย...แต่ทำยาก
“ให้อภัย”
คำนี้ถูกสอนและพูดถึงกันอย่างมาก
เป็นคำที่สะกดและเข้าใจง่ายมาก
แต่เชื่อว่าก็ให้กันยากมากเช่นกัน
ใครที่ให้อภัยก่อนคนนั้นชนะ
ไม่ได้ชนะใครหรอก...
แต่ชนะใจตัวเองนี่แหละครับ!
"การชนะใจตัวเองเป็นสิ่งที่ทำยากมากที่สุด"
เพราะเราต้องก้าวข้ามกำแพงหลายๆอย่าง
ที่คอยขัดขวางเราไม่ให้ทำในสิ่งที่เรียกว่า
"การให้อภัย"อย่างหมดหัวจิตหัวใจ
▪️•บางคนปากก็พูดไปว่า"ฉันให้อภัยนะ"
แต่ก็สักแต่ว่าพูดๆไปให้พ้นตัวเสียก่อน
เพียงเพื่อให้ตัวเองดูดีจากสายตาคนอื่นๆ
ว่าช่างเป็นคนดีเสียนี่กระไรที่ไม่โกรธผู้อื่น
แต่ในใจเรานี่สิกลับรู้อยู่เต็มอกเลยว่า
มันเรื่องอะไรที่จะไปให้อภัยมันง่ายๆ
มันสมควรแล้วที่จะได้รับโทษอย่างนั้น
เพราะฉันเป็นฝ่ายถูก อีกฝ่ายหนึ่งผิด
ถ้ามันมาขอโทษเราก่อนสิ
ไม่แน่ว่า เราอาจจะยกโทษให้มันก็ได้
แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาอันสมควร!!หึหึ
1
•บางคนไม่คิดที่จะให้อภัยเลย...
เพราะความโกรธความเคียดแค้นอาฆาต
มันฝังรากลึกเกินกว่าจะขุดออกทิ้งไปได้
ไม่ลองมาเป็นเราไม่รู้หรอก!
ว่าเราโดนกระทำย่ำยีอย่างไรมา!
มันเลวร้ายต่ำทรามชั่วช้าอย่างไร?
ใครเขาจะรู้สึกถึงเจ็บปวดมากไปกว่าเรา
ไม่ลองมาเจอเข้ากับตัวเองอย่างเราล่ะ
ไม่แน่ว่าอาจจะโกรธเสียยิ่งกว่าเราอีก
จะยกโทษให้มันน่ะหรือ ฝันไปเถอะ!!
•การให้อภัยต่อกัน
จึงถือว่าเป็นสิ่งที่ให้กันได้ยากมากที่สุด
ยากยิ่งกว่าการให้สิ่งของหรือเงินทองใดๆ
นั่นคือเหตุผลว่าทำไม?
พระพุทธองค์ท่านจึงตรัสสอนว่า
“อภัยทาน” คือการให้ทานที่สูงที่สุดของมนุษย์
ถ้าเราสามารถขจัดเสียซึ่งความโกรธได้
ชีวิตเราจะมีความสุขขึ้นอีกมากมาย
เพราะเราไม่ได้แบกความโกรธความแค้น
หรือความร้อนอกร้อนใจจนเผาไหม้ตัวเอง
เอาไว้อยู่ในใจคนเดียวเงียบๆอีกต่อไปแล้ว
•ตัวอย่างที่ผมเห็นได้ชัดมากที่สุด
คือกรณีที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวผมเอง
ปัญหาด้วยเรื่องที่ผมและญาติคือน้าสาว
ต่างฝ่ายต่างไม่เข้าใจกันหนักมาก
ถึงขนาดว่าทำให้เราต่างคนไม่พูดคุยกัน
มีแต่ทิฐิใส่กัน เพราะต่างถือว่าตัวเองทำถูก
เจอหน้ากันนี่แทบไม่มองหน้ากันเลย
ทุกครั้งได้แต่ภาวนาว่าอย่ามาปฏิสัมพันธ์กันเลย
เพราะต่างคนก็จะทำตัวและทำหน้าไม่ถูก
และรู้สึกว่าถ้าคุยกันต้องใส่อารมณ์เอาชนะกัน
เป็นอย่างนี้มาตลอดระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 8 ปี
แต่แล้วในวันหนึ่ง...
มีเหตุการณ์ที่ผมได้รับแรงบันดาลใจ
ในเรื่องเล่าผ่านชีวิตของเพื่อนผมคนหนึ่ง...
ที่เค้าพูดถึงตัวเค้ากับน้าสาวที่มีปัญหากัน
แล้วเค้าก้าวข้ามปัญหาด้วยการทำในสิ่ง
ที่ยากมากๆสำหรับผมในตอนนั้นคือการให้อภัย
มันช่างเหมือนเหตุการณ์ของผมกับน้าสาวไม่มีผิด
ทำไมถึงเหมือนกันอย่างน่าประหลาดใจ!!
มันทำให้ผมได้กลับมาย้อนมองตัวเองด้วยว่า
เราอยากมีความสุขในใจจริงๆแบบนี้หรือเปล่า?
•เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา...
ผมยอมรับว่าทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องนี้
ผมจะรู้สึกไม่สบายทั้งทางกายและใจเสมอ
และทุกครั้งก็ได้แต่เปลี่ยนเรื่องคิดไปเรื่อย
เพราะไม่อยากคิดให้พาลไปขุ่นเคืองใจ
จนเกิดความหงุดหงิด อารมณ์เสียเปล่าๆ
มันจึงเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหญ่ในชีวิต
ที่ทำให้ผมคิดว่าได้เวลาแล้วที่ผมจะต้อง
ขอโทษและให้อภัยเค้าจริงๆจังๆจากใจเสียที
ไม่ว่าตัวผมเองนั้นจะเป็นคนผิดหรือไม่ก็ตาม
ด้วยความที่ผมถือว่าผมเป็นเด็กกว่า
ผมเลือกที่จะเป็นคนทำลายกำแพงก่อน
และมีความตั้งใจฝ่าทะลุกำแพงของตัวเอง
โดยเดินเข้าไปหาเค้าและกล่าวคำว่า “ขอโทษ”
ด้วยความเต็มใจจากภายในใจที่อยากทำจริงๆ
กับสิ่งที่เราอาจจะเคยล่วงเกินเค้า
ทั้งที่อาจจะตั้งใจก็ดี หรือไม่ได้ตั้งใจก็ดี
ขอให้เค้าอย่าโกรธเคืองผมเลย
และถ้าเป็นไปได้ขอให้เค้าให้อภัยเรา
ส่วนตัวเรานั้นก็ไม่คิดโกรธน้าแล้ว
•ต้องขอบอกเลยครับว่า...
มันเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่
และพลิกชีวิตตัวผมเองเป็นอย่างมากที่สุด
เพราะเมื่อตัดสินใจแล้วที่จะให้อภัย
และตั้งใจที่จะเดินเข้าไปกล่าวคำว่า
“ขอโทษ” กับน้าแค่เท่านี้เอง
แต่เชื่อไหมครับว่า มันยากเอามากๆ
กว่าที่จะสั่งขาให้ก้าวเดินไปหาเค้า
ทั้งๆที่บ้านน้าอยู่ไม่ไกลกันยังทำไม่ได้
ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ตั้งใจคิดที่จะทำ
ผมต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม
ในการทำลายกำแพงความกลัว
และกล้าที่จะเป็นผู้ชนะใจตัวเอง
แต่คำมั่นสัญญา
ของลูกผู้ชายที่ให้ไว้กับตัวเอง
และรู้ว่าสิ่งที่ตั้งใจทำก็ล้วนเป็นเจตนาที่ดี
ยังไงเสีย ถ้าหากน้าเป็นอะไรไป
เราจะได้ไม่มานั่งเสียใจในภายหลังว่า
วันนั้นทำไมถึงไม่ทำมันอย่างที่ตั้งใจ
เลยคิดว่าเป็นยังไงก็เป็นกัน
ต้องดับเครื่องชนแล้ว!
ไม่มีวันอื่นที่เหมาะสมกว่านี้อีกแล้ว
ผลออกมามันจะเป็นอย่างไร
ก็จะยอมรับการตัดสินใจของน้า
แต่ผมจะไม่มีวันเสียใจอย่างแน่นอน
เพราะได้ทำในสิ่งที่ให้สัญญา
กับตัวเองไว้แล้วอย่างไม่เปลี่ยนใจ
เล่าอย่างไม่อายครับว่าถึงขั้นเตรียม
พานดอกไม้พร้อมธูปเทียน
อย่างเป็นทางการมากและกลั้นใจเดินเข้า
ไปหาน้าด้วยอาการขาสั่นใจเต้นแรง
อย่างที่ตัวเองก็ระงับใจไว้ไม่ได้เลยครับ
ทันทีที่น้าเห็นผมเดินเข้าไปพร้อมธูปเทียน
และดอกไม้บนพาน น้าเค้ายิ้มให้แล้วถาม
ด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปแล้วครับว่า
ผมมาทำอะไรเนี่ย? แอบสังเกตุว่าน้ามีน้ำตาคลอ
ในระหว่างที่ผมบอกเจตนารมณ์กับน้าว่า
อยากมากราบขอโทษกับน้าที่เคยทำตัวไม่ดี
และอยากให้น้าให้อภัยกับผมในสิ่งที่เกิดขึ้น
พอผมพูดจบก็กราบขอขมาและน้าก็พูดกับผมว่า
น้าไม่เคยโกรธและยกโทษให้หลานทุกเรื่อง
•เชื่อไหมครับว่าเวลานั้น
ผมมีความสุขที่สุดจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
พร้อมๆกับภูเขาลูกใหญ่ที่เคยแบกอยู่ในใจ
ก็สลายลงพร้อมกับการได้รับการโอบกอดจากน้า
แต่กลับได้ความโปร่งโล่งและสบายใจแทนที่
ผมรู้ได้เลยว่าน้าก็สบายใจเช่นกันไม่ต่างจากผม
และเมื่อต่างฝ่ายต่างให้อภัยซึ่งกันและกันแล้ว
ในวันนี้เราไม่ต้องคอยหลบหน้ากันอีกต่อไป
และเราสามารถพูดคุยไปมาหาสู่กัน
ได้อย่างสนิทใจและสุขใจต่อกัน
มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีตเสียอีก
มีอีกหลายคนรอบๆตัวที่ผมรู้จัก
ที่เค้าไม่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้
ที่เค้าไม่สามารถเลือกที่จะให้อภัยได้
เพราะความโกรธแค้นมาบดบัง
ทุกวันนี้เค้าต่างต้องคอยหลบหน้ากัน
อยู่กันด้วยความหวาดระแวงแคลงใจ
ไม่สามารถมาพบมาเจอหน้ากันได้
แต่ยังคงพูดถึงกันอยู่ในทางเสียๆหายๆ
ดำเนินชีวิตอยู่ด้วยความไม่สบายและทุกข์ใจ
ผมได้แต่ภาวนาขอให้เค้าปล่อยวางได้
และให้อภัยกันได้ก่อนที่อะไรๆจะสายไป
•อยู่ที่ตัวของเราทุกคนเองแล้วนะครับ
ว่าเราเลือกที่จะเป็นผู้ชนะใจตัวเอง
หรือก้มหน้าเป็นผู้แพ้ต่อไปจนวาระสุดท้าย
😀ถ้าดื่มเล่า แล้วเพลินก็กดไลค์
ถ้าดื่มเล่า แล้วใช่ก็กดแชร์ได้นะครับ😀
นายหน้าเข้ม - Nainharkhem
แล้วผมจะมาแนะนำเทคนิค
การเอาชนะใจตัวเองในการให้อภัย
ในครั้งหน้านะครับ
โฆษณา