เมื่อ “กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)” ต้องการหาขนาดของ “นรก”
ในต้นยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) เป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจช่วงหนึ่ง
ยุคนี้เป็นยุคที่วิทยาศาสตร์และศาสนามาบรรจบกัน ถึงแม้ว่าความเชื่อของคริสตจักรคาทอลิกจะมีอิทธิพลมาก และก็ยังไม่ยอมรับหลักการทางวิทยาศาสตร์ก็ตาม
นักประวัติศาสตร์ได้จัดให้ “Divine Comedy” เป็นผลงานศิลปะที่บอกเล่าถึงนรกได้อย่างตรงที่สุด หากอิงตามความเชื่อของชาวคริสต์และบันทึกโบราณ
ในงานชิ้นนี้ บรรจุวรรณกรรมและกลอนซึ่งเขียนขึ้นตั้งแต่ปีค.ศ.1307-1320 (พ.ศ.1850-1863) โดยในงานชิ้นนี้ มีการบรรยายถึงนรกได้อย่างละเอียด ราวกับผู้เขียนเคยไปเยือนนรกมาจริงๆ
และตั้งแต่ปีค.ศ.1320 (พ.ศ.1863) หลายคนก็ได้อ่าน Divine Comedy และพยายามจะหาคำตอบว่านรกมีลักษณะเป็นอย่างไรกันแน่
แต่ถึงอย่างนั้น ทฤษฎีแต่ละอย่างก็ยังไม่เข้าเค้าหรือได้รับการยอมรับ และไม่สามารถหาคำตอบที่แน่ชัดว่านรกเป็นอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ จึงมีการหันไปสู่โลกวิทยาศาสตร์ รวมทั้งการวิเคราะห์วรรณกรรมทางศาสนาและงานศิลปะจากคัมภีร์ไบเบิ้ล
ในปีค.ศ.1588 (พ.ศ.2131) คริสตจักรคาทอลิกได้ขอให้ “กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)” ใช้ความรู้ด้านคณิตศาสตร์เพื่อหาขนาดพื้นที่ของนรก โดยอิงจากข้อมูลของ Divine Comedy
กาลิเลโอ กาลิเลอี (Galileo Galilei)
สำหรับกาลิเลโอ หลายคนคงรู้ดีว่าเป็นนักดาราศาสตร์ผู้หลักแหลม แต่ในเวลานั้น กาลิเลโอมีอายุเพียง 24 ปี แต่ก็ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะทางด้านฟิสิกส์ แม้แต่นักประวัติศาสตร์บางคนก็ยกย่องว่าเขาเป็นคนที่ฉลาดที่สุดแห่งศตวรรษที่ 16
จากข้อความใน Divine Comedy ได้บรรยายว่านรกประกอบด้วยวงกลมเก้าชั้น และแต่ละชั้นก็เล็กลงเรื่อยๆ เมื่อเข้าใกล้แกนโลก
วงกลมชั้นที่ลึก บ่งบอกถึงความผิดบาปของคนผู้นั้น โดยวงกลมชั้นสุดท้ายมีสำหรับผู้ที่ทำบาปอย่างมหันต์
สำหรับแบบของนรกนั้น ในวรรณกรรมชาวคริสต์ได้บรรยายว่าเป็นลักษณะรูปกรวย และกำเนิดจากการสู้รบระหว่างพระเจ้ากับซาตาน
เมื่อพระเจ้าได้โจมตีซาตาน ซาตานก็ได้ตกลงมายังบริเวณเมืองคูมา (Cuma) ในอิตาลี ทำให้เกิดประตูนรก รวมทั้งเกิดรูปทรงกรวยของนรก
กาลิเลโอได้ศึกษา Divine Comedy อย่างลึกซึ้ง และเริ่มนำวิทยาศาสตร์เข้ามาใช้ในการศึกษา
กาลิเลโอไม่ใช่คนแรกที่ต้องการจะหาขนาดพื้นที่ของนรก แต่เขาเป็นคนแรกที่เข้าใจว่านรกมีหลักฟิสิกส์ของตนเอง และศึกษาเรื่องนรกอย่างจริงจัง
เมืองคูมา (Cuma)
Divine Comedy ได้บรรยายว่ากรวยของนรกนั้นกินพื้นที่ตั้งแต่แกนโลกตอนในจนมาถึงด้านนอก
เมื่อได้ข้อมูล กาลิเลโอก็ใช้เยรูซาเลมเป็นศูนย์กลางของโลก และคำนวนระยะทางระหว่างคูมากับเยรูซาเลม โดยมีระยะห่าง 2,700 กิโลเมตร
ด้วยข้อมูลนี้ กาลิเลโอจึงสรุปว่านรกมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5,500 กิโลเมตร แต่ภายหลัง กาลิเลโอก็ได้ข้อสรุปว่า หากคิดตามหลักฟิสิกส์ ข้อสรุปของตนเองนั้นผิด
จากนั้น กาลิเลโอก็ได้หาวิธีอื่นในการคำนวนหาพื้นที่ของนรก แต่ก็พบว่าคำตอบที่ได้นั้นผิดหมดเลย
กาลิเลโอยังกล่าวอีกว่าแม้แต่ผู้มีปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น รวมทั้งตนเอง ก็ยังไม่สามารถเข้าใจถึงโครงสร้างของโลกและนรกได้อย่างชัดเจน
และนี่ ก็คือประวัติศาสตร์ช่วงนึงของกาลิเลโอ ที่พยายามหาคำตอบของนรก แต่ก็ไม่สามารถหาคำตอบได้อย่างแท้จริง
- 15
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
