25 ม.ค. 2022 เวลา 00:00 • กีฬา
[ #ดอนนี่กับวิถีตลกร้าย ]
ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะมกราคมจะสิ้นสุดลงในคืนวันที่ 31 มกราคมนี้ ดอนนี่ ฟาน เดอ เบ็ค คือหนึ่งในผู้เล่นที่ถูกจับตาว่ามีโอกาสย้ายทีม
ตามที่เราเห็นกันอยู่แล้วนั่นแหล่ะ แม้จะเปลี่ยนแปลงกุนซือ ปรับระบบการเล่นสารพัดมากมาย แต่สุดท้ายสถานะกองกลางดัตช์ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
จาก โอเล่ กุนาร์ โซลชา เป็นผู้จัดการทีม ผลัดเปลี่ยนมาเป็น ไมเคิ่ล คาร์ริค ช่วงสั้นๆ 3 เกม ตามด้วย ราล์ฟ รังนิก ซึ่งทำหน้าที่ครบ 10 นัดแล้ว
จาก 4-2-3-1 มาเป็น 4-2-2-2 กระทั่งล่าสุด 4-3-3 แมนฯยูไนเต็ดเปลี่ยนหมากมาตลอด ยิ่งสูตรหลังเชื่อกันว่าน่าตอบโจทย์ ดอนนี่ มากสุดแล้ว คุ้นเคยมาอย่างดีเมื่อสมัยเฟื่องฟูกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม
จนแล้วจนรอด ดอนนี่ ก็ไม่ได้รับการตอบสนอง ที่ประจำยังคงเป็นข้างสนาม นักเตะสำรองที่เฝ้ารอโอกาสด้วยความอดทน โดยที่ไม่รู้เหมือนกันว่าความอดทนจะสิ้นสุดลงเมื่อไรกัน
ในสายตาของสาวกแมนฯยูไนเต็ด ต่างแปลกใจ กังขา คลางแคลงว่าเกิดอะไรขึ้นกับ ดอนนี่ กันแน่? นักเตะคนนี้สร้างปัญหาให้สโมสรหรือ
เท่าที่ผ่านมา เราได้ยินแต่เรื่องด้านบวกของเขาเกือบตลอด ไม่ว่าจะเป็นความบากบั่น ขยันหมั่นเพียรฝึกซ้อม ไม่ลา ไม่สาย ไม่ขาด ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะใจบอสให้ได้
โซลชา เคยเอ่ยปากชมว่านี่คือแข้งที่มุ่งมั่นอย่างมาก ซัมเมอร์ที่ผ่านมาไม่ได้ไปช่วยทีมชาติฮอลแลนด์ในยูโร 2020 จนต้องถอนตัวไป ก็เลยบึ่งกลับมารายงานตัวช่วงปรีซีซั่นก่อนกำหนด
ไม่ใช่แค่มุ่งมั่นกับการซ้อม ยังใช้เวลาในยิมมากกว่าเดิม หวังเพิ่มเติมกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่ง ชดเชยสิ่งที่เป็นจุดอ่อนของตน นั้่นคือการปะทะที่ต้องหนักแน่นดุดัน ในลีกอังกฤษห้ามหงอหรือออกอาการกลัวให้เห็นเด็ดขาด
เรียกว่าความตั้งใจมาเต็ม 10 ชนิดไม่ต้องหักกันเลย อีกทั้งแจ้งกับบอสว่าพร้อมต่อสู้แย่งตำแหน่ง แผนการย้ายถูกระงับไว้ก่อน
ขณะเดียวกันเมื่อได้รับโอกาสอันน้อยนิด ถูกส่งลงไปในสนาม ก็แสดงออกว่าทุ่มเทแค่ไหน ไม่เกรงกลัวจังหวะบวกแบบ 50-50 เลยสักนิดเดียว ดุดันเกรี้ยวกราด ยอมเปลี่ยนแคแรคเตอร์ตัวเอง
แล้วไม่เกี่ยงด้วยว่าจะต้องยืนตรงพื้นที่ไหน สั่งมาคำเดียวประจำการได้หมดอย่างไร้เงื่อนไข จะเบอร์ 6 , 8 หรือ 10 พร้อมลุยทุกกรณี
นักเตะทัศนคติอย่างนี้หาไม่ง่ายเลยในฟุตบอลยุคปัจจุบัน แต่ทำไมจึงตกอยู่ในชะตากรรมอย่างที่เห็น
วิเคราะห์กันว่าสาเหตุมาจากหลายข้อด้วยกัน จนทำให้กุนซือแต่ละคนมองว่าไม่เหมาะกับระบบของตน ฉะนั้นจึงเป็นได้แค่อะไหล่ไปก่อน
อย่างยุค โซลชา ในระบบที่เล่นเบอร์ 6 สองคนและมี บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นเบอร์ 10 เพลย์เมคเกอร์คอยปั้นเกม ดอนนี่ ก็ดูเหมือนเป็นรองทั้งสองตำแหน่ง
1
ตรงกลางเขาถูกวิเคราะห์ว่าไม่เร็วและแข็งแกร่งเท่า เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ซึ่งมักทำงานหนักและเล่นเชิงรับได้มีประสิทธิภาพมากกว่า
ส่วนตัวปั้นเกมต้องยอมรับว่ายังไงก็เบียด บรูโน่ ลำบากอยู่แล้ว เพราะนี่คือทุกอย่างในเกมรุกของทีมยุคหลัง มีส่วนร่วมแบบไดเร็คต์ทั้งยิงและแอสซิสต์เองอยู่เสมอ
จุดเด่นของ ดอนนี่ คือการทะลุไปในกรอบเขตโทษ เคลื่อนไหวได้ยอดเยี่ยมยามไม่มีบอล ทำทางสร้างโอกาสเก่งมากๆ
แต่ต้องยอมรับว่าเพื่อนร่วมทีมหลายคนไม่ทันหรือเซนส์มักไม่ถึง เมื่อต้องเล่นในลักษณะที่ไม่คุ้นเคย
ดอนนี่ ถูกเคี่ยวกรำเพาะบ่มมาจากฟุตบอลของอาแจ็กซ์ ซึ่งใช้การผสมผสานที่ลงตัวทั้งพละกำลังและการอ่านเกม ซึ่งต้องการเพื่อนที่เข้าใจวิธีการเคลื่อนของคุณด้วย ไม่อย่างนั้นก็จะถูกปล่อยโดดเดี่ยว
ขณะเดียวกันเมื่อ ดอนนี่ ไม่ค่อยได้ลงอย่างต่อเนื่อง ความเชื่อมั่นก็พลอยลดลงไปด้วย บางครั้งกดดันเกิดอาการเกร็ง ไม่เป็นไปตามที่คิดไว้ ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับนักเตะที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
แล้วเมื่อเปลี่ยนมาเป็นยุคของ รังนิก รวมทั้งยกเลิกระบบ 4-2-2-2 ที่ยึดมิดฟิลด์แบบดับเบิ้ลซิกซ์ มาเล่น 4-3-3 ดอนนี่ ก็ยังถูกมองข้าม จากเหตุผลที่เชื่อว่า เฟร็ด ทำได้ดีเมื่อเล่นเกมรุก
จำนวนประตูและแอสซิสต์ที่กองกลางบราซิเลี่ยนทำได้ สร้างความพึงพอใจให้ รังนิก อย่างเห็นได้ชัด เลยผลักดันไปเล่นเบอร์ 8 ยืนใกล้กับ บรูโน่ แม้จะมีเสียงวิจารณ์ไม่น้อยในแง่ความผิดพลาดง่ายๆก็ตาม
พื้นที่ตรงนี้น่าจะเหมาะกับ ดอนนี่ ซึ่งเล่นด้วยมันสมอง ฉลาดในการเคลื่อนที่ แต่กลับไม่ถูกนำมาทดลอง
ปาทริช เอวร่า เคยแสดงความงุนงงสงสัย ใครกันแน่เป็นคนอยากได้ ดอนนี่ ซื้อมาแล้วเพื่อจับนั่งข้างสนาม โดยลงทุนไปถึง 40 ล้านปอนด์
1
คำถามคือนักเตะไม่ได้แย่ ทัศนคติก็ดีด้วย แล้วปล่อยให้มันเลยเถิดขนาดนี้ได้อย่างไรกัน
1
เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีการแชร์คลิปก่อนแมนฯยูไนเต็ดดวลสเปอร์ส ระหว่างที่กำลังอบอุ่นร่างกายในสนาม ดอนนี่ มีหน้าที่เพียงแค่แปะบอลให้พวกตัวจริงซ้อมสับไกยิงประตู
2
ปรากฏว่าแฟนบอลเห็นแล้วต่างวิจารณ์และแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างมาก ไม่น่าต้องมาตกระกำลำบากอย่างนี้เลย เหมือนโดนด้อยค่าอย่างไม่สมควร
1
แต่ ดอนนี่ เองก็ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ยึดความเป็นมืออาชีพเป็นหลัก การออกมาโวยวายตีโพยตีพาย ย่อมไม่เป็นผลดีกับตัวเองสักเท่าไร
ช่วยไม่ได้ที่คะแนนความสงสารและเห็นใจจะเพิ่มขึ้นอีก
แม้จะรักและชื่นชอบมากแค่ไหน แต่แฟนบอลส่วนใหญ่เชื่อว่าทางออกดีสุดสำหรับดาวเตะดัตช์คือย้ายทีมในตลาดเที่ยวนี้เลย
ไม่ใช่แค่ว่าโอกาสลงเล่นมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการได้พัฒนาฝีเท้า ไม่ใช่มานั่งข้างสนามจนเหมือนโดนตอน
รวมถึงเปิดประตูแห่งความหวังสำหรับติดทีมชาติฮอลแลนด์เพื่อไปลุยศึกฟุตบอลโลกปลายปีนี้ให้กว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิมด้วย
ไม่นานมานี้เว็บไซต์และเพจออฟฟิเชี่ยลของแมนฯยูไนเต็ด ได้โพสต์แสดงความยินดีที่ ดอนนี่ ลงรับใช้สโมสรครบ 50 นัด ก่อนจะโดนกองเชียร์แห่กันเข้ามาถล่มยับ
1
แท้จริงแล้ว ดอนนี่ ลงเฉลี่ยเกมละ 36 นาทีเท่านั้นเอง สโมสรควรอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรอย่างนี้ เหมือนมองข้ามความจริงที่เกิดขึ้น อีกทั้งตอกย้ำให้เจ็บช้ำกันมากกว่าเดิมหรอก
เข้าใจว่าในมุมของ รังนิก คงไม่ต้องการปล่อยผู้เล่นคนไหนออกจากทีมหรอก มีให้เลือกไว้เยอะไว้ก่อนย่อมเป็นเรื่องดี
แต่ถ้า ดอนนี่ อยู่ต่อล่ะ เป็นคำถามที่ซ้ำซากว่าจะให้โอกาสมากน้อยแค่ไหน แล้วหาก ปอล ป็อกบา ฟื้นจากอาการบาดเจ็บอีก นั่นหมายถึงจะลำบากในการแย่งตำแหน่งมากกว่าเดิมด้วย
ด้วยเหตุนี้แฟนแมนฯยูไนเต็ดไม่น้อย เชียร์สุดพลังให้ย้ายก่อนเถอะ จะแบบยืมตัวหรือถาวรก็แล้วแต่เลย
เคสอย่างนี้มีไม่บ่อยหรอก ยุให้สโมสรขายนักเตะที่ตัวเองชื่นชอบ มีแต่จะร้องรอให้เก็บเอาไว้
ขณะเดียวกัน ดอนนี่ ยังแปลกใจกว่าใครตรงที่ เป็นขวัญใจแฟนบอลโดยแทบไม่ได้ลงเล่นเลย อีกทั้งไม่ใช่เพราะอายุมากเกินหรือเผชิญอาการบาดเจ็บ
1
บางทีชีวิตมันก็ขันขื่นจนกว่าจะคาดคิดเลยทีเดียว
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา