28 ก.พ. 2022 เวลา 00:00 • หนังสือ
บทความ Blockdit ตอน
ประเวณีในวรรณคดี
1
Blockdit Originals ซีรีส์บทความพิเศษ
หนังโป๊หลายเรื่องจัดแสงสี องค์ประกอบภาพสวยงาม จนบางครั้งเราอยากเรียกหนังโป๊เหล่านี้ว่าศิลปะ แต่ด้วยสาระของมัน ทำให้ไม่อาจเรียกว่าศิลปะได้เต็มคำ
2
ในทางวรรณกรรมก็เช่นกัน งานเขียนจำนวนมากมีบทเซ็กซ์ ทั้งร้อยกรองและร้อยแก้ว เรื่องจำนวนหนึ่งผ่านรอบมาอยูในพื้นที่ของศิลปะ และอีกจำนวนหนึ่งถูกยกสูงขึ้นหิ้งเป็นวรรณคดี
1
หลายเรื่องบรรยายบทอัศจรรย์อย่างโจ๋งครึ่ม ตั้งแต่ foreplay ถึง lovemaking และ afterplay เช่น ลิลิตพระลอ ขุนช้างขุนแผน พระอภัยมณี ฯลฯ ล้วนใช้ภาษางดงาม
ฉากเซ็กซ์ในวรรณคดีเรียกว่า 'บทอัศจรรย์'
1
บทอัศจรรย์ในวรรณคดีไทยมีมาแต่เมื่อใด?
1
นักประวัติศาสตร์เชื่อกันว่าน่าจะเป็นสมัยอยุธยา เช่น ลิลิตพระลอ อาจจะแต่งขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชหรือก่อนหน้านั้นอีก เรื่องนี้มีบทอัศจรรย์หลายบท จนเคยถูกนักวิชาการบางส่วนวิจารณ์ว่ามอมเมาทางโลกีย์ เช่น มีฉากเซ็กซ์สามคน
3
บทอัศจรรย์เหล่านี้บรรยายอวัยวะเพศ การร่วมเพศ แต่กลับไม่โจ่งแจ้ง ใช้สัญลักษณ์ต่างๆ เช่น เรือสำเภา (บางครั้งใช้ว่า 'โล้สำเภา') ถ้ำ ร่องน้ำ ท่าน้ำ แม่น้ำ ทะเล อ่าว ว่าว แมลง ผึ้ง เกสรดอกไม้ ดอกไม้ ฝนตก พายุ ฯลฯ แต่เข้าใจไม่ยาก
มาดูตัวอย่างกัน
 
นี่คือฉากเลิฟซีนของพลายแก้วกับนางพิมครั้งแรกใน ขุนช้างขุนแผน
ใช้สัญลักษณ์เมฆดำ พายุ ฝนห่าใหญ่
3
เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน
สะอื้นอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า
กระเดือกเสือกดิ้นอยู่ไปมา
เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน
ฮือฮืออื้อเสียงพยุพัด
กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุ้มชะอุ่มฝน
เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน
ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร
ในการเจอรอบถัดมา สัญลักษณ์เปลี่ยนเป็นเรือไหหลำ ทะเล คลื่นแรง
1
ว่าพลางโลมเล้าเอามือลูบ
ประจงจูบแก้มซ้ายแล้วย้ายขวา
อกแอบอิงสวาดิไม่คลาศคลา
แนบหน้ามือประคองให้น้องนอน
กำเริบราคเสียวกระสันประหวั่นจิต
หวุดหวิดวุ่นวายกายกระฉ่อน
พระพายพัดซัดคลื่นในสาคร
กระท้อนกระทบกระทั่งฝั่งกระเทือน
เรือไหหลำแล่นล่องเข้าคลองน้อย
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเลื่อน
ไต้ก๋งหลงบ่ายศีรษะเชือน
เบือนเข้าติดตื้นแตกกับตอ ฯ
5
หลังจากเลิฟซีนกับนางพิม พลายแก้วก็เข้าหานางสายทองในอีกห้องหนึ่งทันที ยังคงใช้สัญลักษณ์เดิม เพิ่มแม่น้ำเข้าไป
2
ค่อยขยับจับเขยื้อนแต่น้อยน้อย
ฝนปรอยฟ้าลั่นสนั่นเปรี้ยง
ลมพัดซัดคลื่นสำเภาเอียง
ค่อยหลีกเลี่ยงแล่นเลียบตลิ่งมา
พายุหนักชักใบได้ครึ่งรอก
แต่เกลือกกลอกกลับกลิ้งอยู่หนักหนา
ทอดสมอรอท้ายเป็นหลายครา
เภตราหยุดแล่นเป็นคราวคราว
สมพาสพิมดุจริมแม่น้ำตื้น
ไม่มีคลื่นแต่ละลอกกระฉอกฉาว
ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว
พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป ฯ
9
สังเกตว่ากวีเปรียบเทียบ 'แม่น้ำตื้น' กับ 'ทะเลใหญ่'
 
"ปะสายทองดุจต้องพายุว่าว พอออกอ่าวก็พอจมล่มลงไป" น่าจะเป็นที่มาของสำนวน 'ล่มปากอ่าว'
3
ต่อมาขุนแผนก็มีความสัมพันธ์กับนางบัวคลี่ พบกันครั้งเดินทางไปเสาะหาของวิเศษ สัญลักษณ์ที่นำมาใช้ได้แก่พายุ สำเภา ปากน้ำ ร่องน้ำแคบ
2
เกิดพยับพยุห์พัดอัศจรรย์
สลาตันเป็นละลอกกระฉอกฉาน
ทเลลึกดังจะล่มด้วยลมกาฬ
กระทบดานกระแทกดังกำลังแรง
สำเภาจีนเจียนจมด้วยลมซัด
สลุบลัดเลียบบังเข้าฝั่งแฝง
ไหหลำแล่นตัดแหลมแคมตะแคง
ตลบตะแลงเลาะเลียบมาตามเลา
ถึงปากน้ำแล่นส่งเข้าตรงร่อง
ให้ขัดข้องแข็งขืนไม่ใคร่เข้า
ด้วยร่องน้อยน้ำอับคับสำเภา
ขึ้นติดหลังเต่าอยู่โตงเตง
พอกำลังลมจัดพัดกระโชก
กระแทกโคกกระท้อนโขดเรือโดดเหยง
เข้าครึ่งลำหายแคลงไม่โคลงเคลง
จุ้นจู๊เกรงเรือหักค่อนยักย้าย
ด้วยคลองน้อยเรือถนัดจึงขัดขึง
เข้าติดตึงครึ่งลำระส่ำระสาย
พอชักใชขึ้นกบรอกลมตอกท้าย
ก็มิดหายเข้าไปทั้งลำพอน้ำมา
พอฝนลงลมถอยเรือลอยลำ
ก็ตามน้ำแล่นล่องออกจากท่า
ทั้งสองเสร็จสมชมชื่นดังจินดา
ก็แนบหน้าผาศุกมาทุกวัน
10
กวีบางคนก็หนีจากเรือสำเภาและทะเลไปเข้าสวน ใช้สัญลักษณ์แมลงภู่เฟ้นฟอนดอกไม้ เช่น ฉากรักระหว่างสังคามาระตากับนางกุสุมาในเรื่อง อิเหนา
1
ว่าพลางกอดเกี้ยวเกลียวกลม
แสนภิรมย์รับขวัญมารศรี
ชมแก้มแนมดวงสุมาลี
ฤดียียวนไปมา
ภุมเรศคลึงเคล้าเกสร
แซกซอนฟอนฟั้นบุปผา
เบิกบานทานแสงสุริยา
เมฆาชอุ่มอนธการ
เมขลาล่อแก้วแววไว
รามสูรเลี้ยวไล่ขว้างขวาน
เสียงสนั่นพสุธาบาดาล
ทั้งสองแสนสำราญบานใจ ฯ
4
บทอัศจรรย์บางบทใช้สัญลักษณ์แผ่นดินไหว ทะเลคลั่ง ปืนใหญ่กัมปนาท ฟ้าผ่า และน้ำพุ เช่น ในท่อนหนึ่งของ พระอภัยมณี
พลางอุ้มจุมพิตสนิทถนอม
งามละม่อมละมุนจิตพิสมัย
ร่วมภิรมย์สมสองทำนองใน
แผ่นดินไหวจนกระทั่งหลังอานนท์
ในนทีตีคลื่นเสียงครื้นครึก
ลั่นพิลึกโลกาโกลาหล
จิ๊บดนตรีปี่พาทย์ระนาดกล
ไม่มีคนไขดังเสียงวังเวง
อัศจรรย์ลั่นดังระฆังฆ้อง
เสียงกึกก้องเก่งก่างโหง่งหง่างเหง่ง
ปืนประจำกำปั่นก็ลั่นเอง
เสียงครื้นเครงครึกโครมโพยมบน
สุนีบาตฟาดเสียงเปรี้ยงเปรี้ยงเปรื่อง
กระดองเดื่องดินฟ้าเป็นห่าฝน
ทุกธารถ้ำน้ำพุทะลุล้น
ท่วมถนนแนวฝั่งเกาะลังกา
4
ในเรื่อง กากีกลอนสุภาพ ท้าวพรหมทัตกษัตริย์มีพระมเหสีรูปงามกลิ่นกายหอมชื่อนางกากี ด้วยความหึงหวง ทรงห้ามมิให้ใครเข้าใกล้ พญาครุฑเวนไตยในรูปมานพสง่างามมาเล่นสกากับท้าวพรหมทัต บังเอิญสบตากับนางกากี และเกิดจิตปฏิพัทธ์ เวนไตยทำอุบายลักพานางกากีไป โดยบินไปบดบังแสงอาทิตย์ที่ส่องเมือง ทำให้เมืองมืดมิด แล้วพาตัวนางกากีไปสมสู่ ณ วิมานฉิมพลี
2
กากีกลอนสุภาพ
บันดาลพลาหกเทวบุตร
ก็ผึ่งผุดตั้งทั่วทิศาศาล
โพยมพยับอับอึงอนธการ
สะท้านถึงเมรุราชสีขรินทร์
สัตภัณฑ์บรรพตก็ไหวหวั่น
คงคาลั่นเป็นระลอกกระฉอกสินธุ์
ฝูงมหามัจฉาในวาริน
ก็โดดดิ้นเล่นน้ำลำพองกาย
อันดอกดวงสิมพลีที่ตูมกลัด
ครั้นฝนซัดเชยแช่มแย้มขยาย
ที่ตูมบานก้านกลีบขจรจาย
รำพายกลิ่นรื่นรสเสาวคนธ์
2
เป็นฉากเซ็กซ์ที่สะเทือนเลื่อนลั่นจนภูเขาสั่น ทะเลไหว สึนามิถล่ม
 
จัดเป็น rough sex ฉากหนึ่ง!
2
rough sex อีกฉากมาจากเรื่อง พระอภัยมณี ระหว่างพระอภัยมณีกับนางเงือก ฉากนี้ทำให้ภูเขาหวั่นสะท้านเช่นกัน
1
อัศจรรย์ครั่นครื้นเป็นคลื่นคลั่ง
เพียงจะพังแผ่นผาสุธาไหว
กระฉอกฉาดหาดเหวเป็นเปลวไฟ
พายุใหญ่เขยื้อนโยกกระโชกพัด
เมขลาล่อแก้วแววสว่าง
อสูรขว้างเขวี้ยงขวานประหารหัต
พอฟ้าวาบปลาบแปลบแฉลบลัด
เฉวียนฉวัดวงรอบขอบพระเมรุ
พลาหกเทวบุตรก็ผุดพุ่ง
เป็นฝนฟุ้งฟ้าแดงดังแสงเสน
สีขรินทร์อิสินธรก็อ่อนเอน
ยอดระเนนแนบน้ำแทบทำลาย
2
การใช้สัญลักษณ์ที่แปลกออกไปก็คือฉากรักใน พระอภัยมณี ระหว่างพระอภัยมณีกับนางผีเสื้อสมุทร ที่จำแลงตนมาในรูปหญิงสาวงดงาม
เปรียบกับการเล่นว่าว
เกิดกุฬาคว้าว่าวปักเป้าติด
กระแซะชิดขากบกระทบเนียง
กุฬาส่ายย้ายหนีตีแก้เอียง
ปักเป้าเหวี่ยงยักแผละกระแซะชิด
กุฬาโคลงไม่สู่คล่องกระพร่องกระแพร่ง
ปักเป้าแทงตะละทีไม่มีผิด
จะแก้ไขให้หลุดสุดความคิด
ประกบติดตกผางลงกลางดิน
สัญลักษณ์คือการเล่นว่าว สู้กันระหว่างว่าวปักเป้า หมายถึงชาย กับว่าวจุฬา (กุฬา) หมายถึงหญิง
กวีโบราณช่างคิด สามารถหาสัญลักษณ์ใหม่ๆ มาเปรียบเทียบจนได้
2
แม้แต่ช้าง!
2
ในเรื่อง พระอภัยมณี ฉากอัศจรรย์ระหว่างสินสมุทรกับนางยุพาผกา มีช้างมาเกี่ยว
เป็นช้างคลั่ง ไล่แทงไปทั่ว
อัศจรรย์นั้นเหมือนอย่างช้างเป็นบ้า
สบัดงางวงแกว่งแทงเถลิง
คนถือพัดหัดให้ไล่ละเลิง
แล่นเตลิดเปิดเปิงเข้าเซิงซุ้ม
พอมือมนท์ฝนอู้ซู่ซู่สาด
คเชนทร์ฟาดฟูมหน้าถลาหลุม
ตะคุกคลานควาญหมอขี่คอคุม
ทั้งสาวหนุ่มชุ่มชื่นต่างตื่นนอน
ส่วนฉากสังวาสระหว่างอิเหนากับนางบุษบาในเรื่อง อิเหนา ก็ใช้สัญลักษณ์ทั้งฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ฝน ดอกไม้ แมลง
ว่าพลางโอบอุ้มอรไท
ขึ้นไว้เหนือตักสะพักชม
เอนองลงแอบแนบน้อง
เชยปรางพลางประคองสองสม
คลึงเคล้าเย้ายวนสำรวลรมย์
เกลียวกลมสมสวาทไม่คลาดคลาย
กรกอดประทับแล้วรับขวัญ
อย่าตระหนกอกสั่นนะโฉมฉาย
ฤดีดาลซ่านจับเนตรพราย
ดังสายสุนีวาบปลาบตา
ฟ้าลั่นครั่นครืนคำรนเสียง
ก้องสนั่นสำเนียงในเวหา
ชอุ่มคลุ้มดาวพระสุริยา
เมขลาล่อแก้วแววเวียน
รามสูรขว้างขวานทะยานไล่
ว่องไวเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน
หมายมิ่งชิงช่วงดวงวิเชียร
หันเหียนเวียนวิ่งเป็นสิงคลี
พระพิรุณร่วงโรยโปรยต้อง
มณฑาทองทิพรสสดศรี
ขยายแย้มผกาสุมาลี
ภุมรีภิรมย์ชมชิด
สององค์ปรีดิ์เปรมเกษมสันต์
ดังได้เสวยสวรรค์ชั้นดุสิต
ต่างแสนเสนหากว่าชีวิต
สมคิดเพลิดเพลินเจริญใจ
5
ตัวอย่างทั้งหมดที่ยกมานี้เป็นบทอัศจรรย์แบบหนึ่งต่อหนึ่ง แต่มีเรื่องหนึ่งที่ยกระดับขึ้นไปเป็นหนึ่งต่อสอง ซึ่งถือว่า 'แหวก' มากในยุคนั้น
ก็คือฉากอัศจรรย์ระหว่างพระลอ พระเพื่อน และพระแพง
หากเราคิดว่าบทอัศจรรย์ระหว่างขุนแผนกับนางพิมและนางสายทองแรงแล้ว เพราะเกิดขึ้นต่อเนื่องในคืนเดียวกัน แต่เกิดขึ้นทีละคน ทีละห้อง บทอัศจรรย์ใน ลิลิตพระลอ เหนือกว่าอีกชั้น นั่นคือเกิดขึ้นพร้อมกันในห้องเดียวกัน
ฉากนี้เขียนเป็นโคลงสองสุภาพ
ส่วนสามกษัตริย์แก่นท้าว กรโอบองค์โน้มน้าว
แนบเนื้อเรียงรมย์ ฯ
เชยชมชู้ปากป้อน แสนอมฤตรสข้อน
สวาทเคล้าคลึงสมร ฯ
กรเกี้ยวกรกอดเกื้อ เนื้อแนบเนื้อโอ่เนื้อ
อ่อนเนื้อเอาใจ ฯ
พักตราใสใหม่หม้า หน้าแนบหน้าโอ่หน้า
หนุ่มหน้าสรสม ฯ
นมแนบนมนิ่มน้อง ท้องแนบท้องโอ่ท้อง
อ่อนท้องทรวงสมร ฯ
สมเสน่หอรใหม่หมั้ว กลั้วรสกลั้วกลิ่นกลั้ว
เกลสกลั้วสงสาร ฯ
บุษบาบานคลี่คล้อย สร้อยแลสร้อยซ้อนสร้อย
เสียดสร้อยสระศรี ฯ
ภุมรีคลึงคู่เคล้า กลางกมลยรรเย้า
ยั่วร้องขานกัน ฯ
สรงสระสวรรค์ไป่เพี้ยง สระพระนุชเนื้อเกลี้ยง
อาบโอ้เอาใจ ฯ
แสนสนุกในสระน้อง ปลาชื่นชมเต้นต้อง
ดอกไม้บัวบาน ฯ
ตระการฝั่งสระแก้ว หมดเผ้าผงผ่องแผ้ว
โคกฟ้าฤๅปูน ฯ...
4
บุญมีมาจึ่งได้ ชมเต้าทองน้องไท้
พี่เอ้ยวานชม หนึ่งรา ฯ
พระเพื่อนสมสมรแล้ว ลอราชเชยชมแก้ว
แก่นไท้แพงทอง เล่านา ฯ
ละบองบรรพหลากเหล้น บเหนื่อยบได้เว้น
เหิ่มชู้สมสมร ฯ
ดุจอัสดรหื่นห้า แรงเร่งเริงฤทธิ์กล้า
เร่งเร้งฤๅเยาว์ ฯ
ดุจสารเมามันบ้า งาไล่แทงงวงคว้า
อยู่เคล้าคลุกเอา ฯ
ประเล้าโลมอ่อนไท้ แก้วพี่เอยเรียมได้
ยากด้วยเยาวมาลย์ ฯ
เอนดูวานอย่าพร้อง เชิญพระนุชนิ่มน้อง
อดพี่ไว้เอาบุญ ก่อนเทิญ ฯ
บทอัศจรรย์นี้ถือว่าเป็นการประพันธ์ชั้นสูง ทั้งภาษา ทั้งเนื้อหาที่แหวกในยุคนั้น
ตัวอย่างข้างต้นที่ยกมาทั้งหมดใช้ภาษาร้อยกรองเล่าเรื่องเซ็กซ์ด้วยสัญลักษณ์
แต่ยังมีวรรณกรรมอีกเรื่องหนึ่งที่ไม่ต้องพึ่งพาสัญลักษณ์ ว่ากันตรงไปตรงมา เพียงแต่ใช้เทคนิคคำผวน
คือเรื่อง สรรพลี้หวน
สรรพลี้หวน เป็นวรรณกรรมคำผวน สันนิษฐานว่าแต่งในราว พ.ศ. 2425-2439 ความยาว 197 บท แต่งไม่จบ การตีพิมพ์ สรรพลี้หวน เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2516 ใช้นามผู้แต่งเป็นนามแฝงว่า ขุนพรหมโลก คาดว่าเป็นชาวนครศรีธรรมราช หลังจากนั้นก็มีงานเลียนแบบอีกหลายสำนวน
1
เปิดเรื่องว่า
นครรังยังมีเท่าผีแหน
กว้างยาวแสนหนึ่งคืบสืบยศถา
เมืองห้างกวีรีหับระยับตา
พันหญ้าคาปูรากเป็นฉากบัง
1
เรื่องนี้ใช้คำผวนทั้งเรื่อง ล้วนผวนเป็นคำทางเพศ เข้าข่ายทะลึ่ง โดยเปลือกนอกมันเหมือนนิยายจักรๆ วงศ์ๆ และแม้จะวนเวียนอยู่กับอวัยวะเพศอย่างชัดเจน แต่ก็ให้โทนเรื่องแบบล้อเลียนมากกว่าลามก เพราะจุดหมายของงานชิ้นนี้มิใช่เพื่ออ่านแล้วคึกแต่อย่างไร อ่านเพื่อขำมากกว่า
ปกติคำเหล่านี้ถือว่าหยาบคาย หรือลามก แต่เมื่อนำมาใช้แบบนี้ กลายเป็นเรื่องขบขัน ผู้เขียนเลือกใช้คำอย่างฉลาดและมีคลังคำสูง ใช้คำในภาษาถิ่นภาคใต้
1
เราไม่รู้ว่าผู้แต่งเป็นใคร เชื่อว่างานเขียนชิ้นนี้เป็นของนักเขียนภาคใต้ ผู้เขียนมีความสามารถในการใช้ภาษาสูง และมีอารมณ์ขันแบบ 'สัปดนวันละไม่นิด จิตแจ่มใส'
นี่มิใช่วรรณกรรมเฉาะแฉะ หรือปกขาว แต่เป็นงานเชิงหัสคดี
สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคใต้ บันทึกถึงเรื่องนี้ว่า "สรรพลี้หวนมิใช่หนังสือลามก แต่เป็นหนังสือสัปดนอย่างมีศิลปะ และผู้แต่งเป็นนายของภาษาอย่างแท้จริง"
เพราะนี่คือการใช้เรื่องเซ็กซ์เป็นอารมณ์ขัน อ่านแล้วขำมากกว่าคึก ไม่มีเจตนาเหมือนหนังสือปกขาวแต่อย่างไร
อาจบอกว่า ทุกอย่างอยู่ที่เจตนา
เซ็กซ์อยู่คู่มนุษย์ การเล่าเรื่องเซ็กซ์เป็นส่วนหนึ่งของสังคมมนุษย์ เส้นแบ่งระหว่างงานลามกกับศิลปะนั้นบางนิดเดียว ต้องอาศัยฝีมือที่ทำให้มันกลายเป็นงานศิลปะ
2
โฆษณา