25 ม.ค. 2022 เวลา 12:32 • กีฬา
ถ้าย้อนกลับไป 6 ปีก่อน ไม่มีใครคาดคิดว่า ชะตาชีวิตของอ็องโตนี่ มาร์กซียาล จะหล่นวูบแบบนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้เล่นเบอร์ 9 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคนนี้กันแน่ จึงต้องระหกระเหินย้ายทีม ทั้งๆที่มีพรสวรรค์เต็มเปี่ยมแท้ๆ
ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน ปี 2015 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยื่นข้อเสนอบ้าคลั่ง 36 ล้านปอนด์ และมีอ็อปชั่นเพิ่มสูงสุดเป็น 57.6 ล้านปอนด์ ให้มาร์กซียาล ที่ตอนนั้นอายุ 19 ปีเท่านั้น นี่เป็นค่าตัวสำหรับนักเตะอายุไม่เกิน 20 ปี ที่แพงที่สุดในโลก
1
แน่นอน ถ้าเราดูเผินๆ อาจจะมีคำถามว่า นักเตะอายุ 19 คนหนึ่ง มันต้องจ่ายแพงขนาดนี้เลยหรือ เพราะถ้าดูจากผลงานรวมๆ แล้ว มาร์กซียาลก็ไม่ได้หวือหวามาก ในฤดูกาล 2014-15 เขาลงเล่นให้โมนาโก 35 นัด ในลีกเอิง ยิงได้ 9 ประตู ถือว่าใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้สุดยอดอะไรขนาดนั้น
2
แต่กระแสทางฝรั่งเศส ค่อนข้างมั่นใจว่า มาร์กซียาลมีแววไปรุ่งแน่ โดยสื่อมีการตั้งฉายาให้เขาว่า "เธียร์รี่ อองรี คนต่อไป" เพราะนักเตะคนนี้มีความเร็วสูง เทคนิคดี และเก่งมากในการดวลตัวต่อตัวกับคู่แข่ง
เคราร์ด บงนุย หัวหน้าแมวมองของโอลิมปิก ลียง ที่เป็นคนค้นพบมาร์กซียาล เล่าว่า "อ็องโตนี่มีไม่ได้มีแค่ทักษะที่ดี แต่เขายังเชื่อมเกมในกรอบเขตโทษกับเพื่อนๆ ได้ดีด้วย ผมเคยบอกในตอนนั้นว่าไม่เกิน 21 ปี เขาจะติดทีมชาติชุดใหญ่ แต่เขาทำได้ตอนอายุ 19!"
แม้จะมีพรสวรรค์มหาศาล แต่จุดอ่อนที่เป็นมาตลอดของมาร์กซียาล ตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนคือ "ความขยัน" โดยเคราร์ด บงนุย อธิบายว่า "อ็องโตนี่ไม่ค่อยชอบเล่นเกมรับ แต่สักพักเขาก็เข้าใจว่าถ้าคุณอยากจะประสบความสำเร็จคุณจะบุกอย่างเดียวไม่ได้ ปัญหาคือโค้ชต้องคอยกระตุ้นเขา และบอกให้ตั้งใจอยู่ตลอด เขาเป็นเด็กเงียบๆ ลักษณะนิสัยก็ไม่ได้ต่างกับตอนนี้หรอก"
5
อย่างไรก็ตามฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด มีความมั่นใจว่าจะเจียระไนให้กลายเป็นเพชรได้ ตัวอย่างเช่นในอดีต คริสเตียโน่ โรนัลโด้ จากปีกจอมสับที่เอาแต่เลี้ยงสมัยอยู่สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก็มาแปลงร่างเป็นผู้เล่นที่สมบูรณ์ขึ้นที่โอลด์แทรฟฟอร์ด ดังนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะทำแบบนั้นกับมาร์กซียาลไม่ได้
ราคาซื้อตัวของมาร์กซียาล เริ่มต้นที่ 36 ล้านปอนด์ และมีอ็อปชั่นเพิ่ม ประกอบด้วย
1
- ยิงประตูให้แมนฯ ยูไนเต็ด ครบ 25 ลูกในลีก (7.2 ล้านปอนด์)
- ติดทีมชาติฝรั่งเศส ครบ 25 นัด (7.2 ล้านปอนด์)
- ได้บัลลงดอร์ ก่อนปี 2019 (7.2 ล้านปอนด์)
ตามปกติแล้ว การใส่เงื่อนไขให้เงินโบนัสถ้าได้บัลลงดอร์นั้น ถ้าหากสโมสรผู้ขายมองว่า เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วก็จะปฏิเสธไป เหมือนตอนที่บาร์เซโลน่ายื่นข้อเสนอซื้อคูตินโญ่จากลิเวอร์พูล ตอนแรกก็ใส่อ็อปชั่นคว้าบัลลงดอร์ แต่ลิเวอร์พูลก็ปฏิเสธ เพราะรู้อยู่แล้วว่ามันยากเกินไป แต่ในกรณีของโมนาโก พวกเขาตอบตกลงกับเงื่อนไขนี้ คือมีความมั่นใจลึกๆ ว่ามาร์กซียาลมีโอกาสไปถึงบัลลงดอร์ได้จริงๆ
1
และอย่างที่ทุกคนทราบกันว่า มาร์กซียาลปลดล็อก 2 อ็อปชั่นแรกได้ ทำให้ค่าตัวของเขาคือ 36+7.2+7.2 = 50.4 ล้านปอนด์ คืออาจจะไม่ได้อ็อปชั่นครบทุกอย่างเพราะไปไม่ถึงบัลลงดอร์ แต่ตัวเลข 50.4 ล้านปอนด์ ก็เยอะมากแล้ว
ความไว้ใจของทีมปีศาจแดงที่มีต่อมาร์กซียาล มากมายขนาดที่ มอบเบอร์ 9 ในตำนานให้เขาใส่ ซึ่งในอดีตเบอร์นี้เป็นผู้เล่นคนสำคัญทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นไบรอัน แม็คแคลร์, แอนดี้ โคล, หลุยส์ ซาฮา และ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ คือถ้าไม่มั่นใจว่าเก่งจริง เด็กอายุ 19 คงไม่ได้ใส่เสื้อเบอร์ 9 ของสโมสรระดับนี้หรอก
เกมแรกสุดของมาร์กซียาล คือศึกแดงเดือด วันที่ 12 กันยายน 2015 เขาลงมาเป็นตัวสำรอง แทนฆวน มาต้าในนาทีที่ 65 และแค่เกมแรกเท่านั้น มาร์กซียาลก็ปล่อยทีเด็ดทันที ด้วยการสเต็ปหลอกมาร์ติน สเคอร์เทลจนหลังหัก แล้วปั่นบอลด้วยขวาผ่านซิมง มิโญเล่ต์เข้าไป คือมันเป็นสไตล์การยิงของอองรีชัดๆ จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 3-1 เป็น Dream Debut อย่างแท้จริง
เกมต่อมา มาร์กซียาล จึงได้อัพเกรดจากตัวสำรอง เป็นตัวจริง โดยแมนฯ ยูไนเต็ด ไปเยือนเซาธ์แฮมป์ตันที่เซนต์ แมรีส์ ปรากฏว่ามาร์กซียาลยิงคนเดียว 2 ลูก ให้แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 3-2 โดยเฉพาะลูกแรก เขาคลึงบอลหลอกเวอร์จิล ฟาน ไดค์ จนหน้าทิ่มแล้วซัดเข้าประตูอย่างเด็ดขาดสุดๆ
เมื่อคุณฟอร์มร้อนแรงตั้งแต่วันแรกที่ย้ายมา มันทำให้แฟนๆ แมนฯ ยูไนเต็ดมีความหวัง เพราะถ้ามาร์กซียาลวัย 19 ยังเล่นได้ขนาดนี้ ถ้าพัฒนาเต็มที่จะไปไกลขนาดไหน
สิ้นปี 2015 หนังสือพิมพ์ตุ๊ตโต้สปอร์ต แจกรางวัลโกลเด้นบอล ให้นักเตะดาวรุ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดประจำปี และมาร์กซียาลได้รางวัลไป ซึ่งคนที่ได้รางวัลนี้ก่อนหน้าเขา ก็เช่น เวย์น รูนี่ย์ (2004), ลีโอเนล เมสซี่ (2005), กุน อาเกวโร่ (2007) และ มาริโอ เกิตเซ่ (2011) คือมันแสดงให้เห็นเลยว่า ในสายตาของแฟนบอล ณ เวลานั้น ตั้งคุณค่าของมาร์กซียาลเอาไว้ขนาดไหน และอ็อปชั่นบัลลงดอร์ ก็ไม่ใช่เรื่องโจ๊ก แต่คนมองว่า "อาจจะ" ไปถึงได้จริงๆ
2
ซีซั่นแรกของมาร์กซียาล ยิงไป 17 ลูก เป็นดาวซัลโวของสโมสร บวกกับอีก 10 แอสซิสต์ เป็นรองดาวแอสซิสต์ของทีม น้อยกว่าฆวน มาต้า (11 แอสซิสต์) แค่คนเดียว ดังนั้นในภาพรวมถือว่ามาร์กซียาลเปิดตัวปีแรกได้เยี่ยมมากๆ
2
ขณะที่กับทีมชาติฝรั่งเศส มาร์กซียาลถูกเรียกตัวติดทีมชุดใหญ่ และได้ไปเล่นในยูโร 2016 ด้วย โดยได้ใส่เสื้อเบอร์ 11 เรียกได้ว่าทุกอย่างดูสวย และไปได้ดี ทั้งทีมชาติทั้งสโมสร
1
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2016-17 ชีวิตของมาร์กซียาลก็เปลี่ยนแปลงไป เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนโค้ชคนใหม่ จากหลุยส์ ฟาน กัล มาเป็นโชเซ่ มูรินโญ่ พร้อมทั้งเซ็นกองหน้าคนใหม่เข้ามาคือ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
เพื่อประโยชน์ทางการตลาด ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด "ริบ" เสื้อเบอร์ 9 ของมาร์กซียาลเอาไปให้อิบราฮิโมวิชใส่แทน และทำให้มาร์กซียาลต้องเปลี่ยนไปใส่เบอร์ 11
2
นักเตะหลายคนอาจจะรับได้ ถ้าโดนแย่งเบอร์เสื้อ แต่ไม่ใช่กับมาร์กซียาล เขาเสียใจและผิดหวังมากๆ เพราะเพิ่งเปิดตัวเสื้อผ้าแบรนด์ของตัวเองชื่อ AM9 แต่ยังไม่ทันได้ขาย เบอร์ 9 ก็ไม่อยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น มันแสดงให้เห็นเลยว่า สโมสรไม่ได้ให้ความเชื่อใจอะไรในตัวเขาเลย คือโอเค อิบราฮิโมวิชเป็นยอดนักเตะ แต่มันก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะมายึดเบอร์กันง่ายๆ
1
แม้จะเป็นจุดเล็กๆ แต่มันสำคัญ โดยพาทริซ เอวร่า อดีตนักเตะของสโมสรยืนยันว่า "ผมไม่ได้บอกหรอกนะ ว่าการที่เขาเล่นไม่ดี เป็นเพราะโดนเปลี่ยนเบอร์เสื้อ แต่ทุกอย่างมันเริ่มต้นจากจุดนั้นล่ะ"
1
การเข้ามาของซลาตัน อิบราฮิโมวิช สิ่งที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้มาร์กซียาลอีกอย่างคือ "การยืนตำแหน่ง" ตอนหลุยส์ ฟาน กัล ยังอยู่ มาร์กซียาลได้เล่นเป็นสไตรเกอร์ เป็นกองหน้าตัวเป้า แต่พอทีมมีอิบราฮิโมวิช ก็แน่นอนว่าอิบราต้องจองตำแหน่งหน้าเป้า ดังนั้นมาร์กซียาลก็เลยต้องโดนขยับไปเล่นปีกซ้ายแทน ซึ่งจริงๆ เขาก็เล่นได้ดี แต่ไม่ใช่ตำแหน่งที่เขาชอบที่สุด
ในฤดูกาล 2016-17 มาร์กซียาลได้ลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกไป 18 เกม ไม่ถึงครึ่งของฤดูกาลด้วยซ้ำ และยิงประตูทุกรายการได้ 8 ลูก คือหากเทียบกับ 17 ลูกเมื่อซีซั่นก่อน ก็เห็นชัดว่าตัวเลขของมาร์กซียาลดร็อปลงมาจริงๆ
ฤดูกาลที่ 3 กับแมนฯ ยูไนเต็ด (2017-18) รูนี่ย์ย้ายออกไป ทำให้เบอร์ 10 ว่างลง อิบราจึงย้ายไปใส่เบอร์ 10 แทน แต่แทนที่สโมสรจะคืนเบอร์ 9 ให้มาร์กซียาล ทีมปีศาจแดงไปซื้อโรเมลู ลูกากู มาจากเอฟเวอร์ตัน และมอบเสื้อเบอร์ 9 ให้ มาร์กซียาลก็ยังไม่ได้เบอร์ของเขาคืนเช่นเดิม
3
ในซีซั่นนี้ อิบราเจ็บยาว ทำให้ลูกากู ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า แปลว่ามาร์กซียาลก็ต้องจำใจขยับไปยืนริมเส้นเหมือนเดิม เขาได้ลงตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเท่าเดิมเป๊ะ คือ 18 เกม ในภาพรวม ไม่ถือว่าเป็นคีย์แมนขนาดนั้น มูรินโญ่ใช้บ้าง ไม่ใช้บ้าง
สิ่งที่มูรินโญ่ไม่ค่อยชอบในตัวมาร์กซียาลนัก และเป็นเรื่องที่แฟนบอลวิจารณ์มาตลอด คือเรื่อง work rate หรือความขยัน มาร์กซียาลโดนแขวะอยู่เรื่อยๆ ว่าเป็นนักเตะที่ Lazy ขี้เกียจ ซึ่งนั่นแหละเป็นปัญหาเลย เพราะในแผนของมูรินโญ่ ผู้เล่นที่เล่นตัวริมเส้น จำเป็นต้องถอยต่ำลงมาช่วยฟูลแบ็กป้องกันด้วย คุณจะยืนห้อยข้างหน้าเพื่อรอยิงอย่างเดียวไม่ได้
1
ดังนั้นเมื่อมาร์กซียาลมีปัญหาเรื่อง work rate มันก็กลายเป็นว่า สไตล์ของนักเตะไม่ค่อยจะเหมาะกับแผนของเขาเท่าไหร่นัก
โอกาสได้ลงสนามน้อยลง และทุกครั้งที่ลง ก็โดนกดดันจากแฟนบอลที่อังกฤษเสมอ เพราะมีค่าตัวมหาศาลค้ำอยู่ คือหากเทียบกับมาร์คัส แรชฟอร์ด ที่บางทีก็ฝืดบ้างไรบ้าง แฟนบอลจะยังอดทนได้มากกว่า เพราะอย่างน้อยแรชฟอร์ดก็เป็นเด็กปั้นของสโมสร ไม่ได้จ่ายเงินซื้อแพงๆ เข้ามา
กับสโมสรก็ยากลำบาก กับทีมชาติก็ไม่ต่างกัน เมื่อโลกนี้ มีนักเตะที่ชื่อ คีลียัน เอ็มบัปเป้ พุ่งพรวดขึ้นมาอย่างร้อนแรง เขาเล่นกองหน้ากึ่งปีกในตำแหน่งคล้ายๆ กับมาร์กซียาล แต่วิ่งเร็วกว่า ยิงคมกว่า และที่สำคัญมั่นใจกว่า เพราะได้ลงสนามต่อเนื่อง จึงไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ที่ทีมชาติฝรั่งเศส จะดึงตัวเอ็มบัปเป้ ไปฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียด้วย
คิดตามคอมม่อนเซนส์ ไม่มีเหตุผลที่ดิดิเยร์ เดสช็องส์ ต้องใส่ผู้เล่นสไตล์ใกล้เคียงกัน 2 คน ในทัวร์นาเมนต์เดียว หรือต่อให้ไม่ใช่เอ็มบัปเป้ ฟอร์มของมาร์กซียาลก็เทียบพวก อองตวน กรีซมันน์, นาบิล เฟกีร์ หรือ โตมาส์ เลมาร์ ไม่ได้ ดังนั้นมาร์กซียาล จึงหลุดโผทีมชาติฝรั่งเศสในปี 2018 และก็อย่างที่เห็นกันว่า ฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์โลกได้ โดยไม่จำเป็นต้องมีเขาอยู่ในทีมเลย
1
อะไรๆ ก็แย่ไปหมดสำหรับมาร์กซียาล อย่างไรก็ตาม ชีวิตของเขาเหมือนจะเห็นแสงสว่างได้ เมื่อมูรินโญ่โดนปลดออก แล้วโอเล่ กุนนาร์ โซลชาเข้ามาคุมแทน โดยโซลชาเป็นคนที่มีความละเอียดอ่อนมาก และเข้าใจความรู้สึกของผู้เล่นเป็นอย่างดี หลังจากลูกากูย้ายทีมออกไป เขาส่งแมสเซจหามาร์กซียาล โดยพิมพ์ว่า "นายอยากจะได้เสื้อเบอร์ 9 กลับไปไหม?"
มาร์กซียาล กล่าวว่า "ผมรีบตอบทันทีว่า แน่นอน! แล้วโค้ชก็บอกว่า งั้นจากนี้นายแสดงให้ฉันเห็นหน่อยว่า นายคู่ควรกับเบอร์ 9 ทุกครั้งที่ได้โอกาสลงสนาม"
ไม่ใช่แค่หมายเลขเสื้อเท่านั้น แต่โซลชายังกลับมาใช้งานในตำแหน่งที่นักเตะชอบที่สุดคือ หัวหอกเบอร์ 9 เป็นสไตรเกอร์ของทีม ไม่ใช่ปีกที่มีหน้าที่ครอสบอลอีกแล้ว
มาร์กซียาลกล่าวอย่างดีใจว่า "ตั้งแต่ผมยังเป็นเด็ก ผมใส่เสื้อเบอร์ 9 ตลอด มันเป็นเลขโปรดของผม และคราวนี้ผมก็จะได้เล่นในตำแหน่งนั้นด้วย ผมอยากทำให้ทุกคนเห็นว่าผมเป็นกองหน้าที่ดีที่สุด"
เมื่อได้ความรู้สึกดีๆ และความเชื่อมั่นจากโค้ช มาร์กซียาล ปล่อยของเต็มที่ในซีซั่น 2019-20 จนกลายเป็นดาวซัลโว และดาวแอสซิสต์ ของสโมสร ซัดไป 23 ประตู และทำ 12 แอสซิสต์ ทุกรายการ นี่เป็นปีที่มาร์กซียาลเล่นดีที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้
เขายิงลูกสวยๆ มากมาย ตัวอย่างเช่น ลูกโหม่งที่เอี้ยวคอสุดๆ ในเกมบุกชนะเชลซีถึงสแตมฟอร์ด บริดจ์ คือโมเมนต์นั้นยิ่งเล่นยิ่งมั่นใจ
อย่างไรก็ตาม ฟอร์มดีๆ ของมาร์กซียาลอยู่ได้แค่ 1 ปี เพราะในซีซั่น 2020-21 แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าเอดินสัน คาวานี่ มาร่วมทีม โดยตอนแรกพอจะรู้ว่าสโมสรต้องการเอาคาวานี่ที่อายุเยอะแล้ว (34 ปี) มาเป็นอะไหล่เสริม เพื่อให้มาร์กซียาลได้พักในบางเกม และก็จะเป็นโอกาสดี ให้มาร์กซียาล (24 ปี) ได้เรียนรู้ทักษะจากหนึ่งในกองหน้าที่เก๋าที่สุดในโลก
ปัญหาคือพอมาเปรียบเทียบกันตรงๆ ใครๆ ก็ดูออกว่า คาวานี่มี Passion ในสนามมากกว่า เขาตั้งใจเล่น วิ่งขึ้นวิ่งลงเยอะกว่า ในขณะที่มาร์กซียาลไม่ค่อยเล่นเกมรับ ไม่คิดจะเสียบคู่แข่ง หรือบีบกดดันให้คู่แข่งเล่นยาก ตรงข้ามกับคาวานี่ทำทุกอย่าง
เมื่อไปดูสถิติในด้านเกมรับจะเห็นชัดเจน มาร์กซียาล มีค่าเฉลี่ยเสียบคู่แข่ง 0.19 ครั้งต่อเกม และตัดบอลได้ 0.31 ครั้งต่อเกม ส่วนคาวานี่ มีสถิติเสียบคู่แข่ง 1.17 ครั้งต่อเกม และตัดบอลได้ 0.78 ครั้งต่อเกม คืออย่าว่าแต่คาวานี่เลย มาร์กซียาลมีสถิติเป็นรอง โอลิวิเยร์ ชิรูด์ และ ปิแอร์ เอเมริก-โอบาเมย็อง ด้วยซ้ำ
เมื่อความรู้สึกของแฟนบอลได้เห็นความทุ่มเทของคาวานี่ ยิ่งรู้สึกว่ามาร์กซียาลเป็นนักเตะที่ไม่ขยันเอาซะเลย สีหน้าท่าทาง ดูเบื่อหน่ายตลอดเวลา ไม่รู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ
มาร์กซียาลฟอร์มดิ่งลงเรื่อยๆ ยิ่งมาบวกกับอาการบาดเจ็บเข่าในช่วงเดือนมีนาคม 2021 (พัก 5 เดือน) ทำให้มาร์กซียาล ปิดซีซั่น 2020-21 อย่างน่าผิดหวัง ยิงไปแค่ 7 ลูกทุกรายการเท่านั้น
1
เข้าสู่ฤดูกาล 2021-22 คราวนี้เมื่อสโมสรคว้าตัวคริสเตียโน่ โรนัลโด้เข้าสู่ทีม ก็แน่นอนว่าต้องส่งโรนัลโด้ลงเป็นตัวจริง และตัวเลือกอันดับ 2 ก็เป็นคาวานี่ มาร์กซียาลจึงเป็นตัวเลือกเบอร์ 3 เท่านั้นในตำแหน่งหน้าเป้า
ครั้นจะไปยืนปีก ก็มีผู้เล่นขวางทางอยู่หลายคน ทั้งมาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสันกรีนวู้ด, เจดอน ซานโช่ หรือดาวรุ่งแบบ แอนโธนี่ อีลังก้า ยังดูเป็นชอยส์ที่ดีกว่า นั่นทำให้มาร์กซียาลไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหนของสนาม
พอนานๆ ได้ลงที มาร์กซียาลก็ดูไม่ค่อยตั้งใจเล่นเท่าไหร่ ช็อตที่แฟนบอลจำได้ดี คือนัดสุดท้ายของโซลชาที่แพ้วัตฟอร์ด 4-1 โดยตอนทีมตามอยู่ 2-1 ยังมีสิทธิ์ตีเสมอ มาร์กซียาลจับบอลยาวเกินจนโดนตัดได้ และแทนที่เสียบอลจะสปรินท์ไปวิ่งไล่เอาคืน เขากลับเดินเหยาะๆ แล้วให้เพื่อนต้องสู้กันเอง สุดท้ายวัตฟอร์ดโต้ขึ้นมา ยิงโป้ง 3-1 เกมก็จบเลยตรงนั้นไล่ไม่ทันแล้ว
ถึงตรงนี้ ใครๆ ก็เห็นว่ามาร์กซียาลมีความ Lazy อยู่ ไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ แต่มันปรากฏให้เห็นในสนามจริงๆ
โซลชาโดนเด้งออกไปเดือนพฤศจิกายน 2021 ราล์ฟ รังนิก มาคุมทัพชั่วคราว หลายคนมองว่ามาร์กซียาลจะได้โอกาส แต่ดูเหมือนเขาหมดใจไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เหมือนมองว่าตัวเองไม่เหมาะจะเล่นกับสโมสรแห่งนี้อีก ไม่บ่อยนักที่โค้ชอย่างรังนิก จะเปิดหน้าวิจารณ์ลูกทีมกันตรงๆ โดยในเกมที่แมนฯ ยูไนเต็ด เจอ แอสตัน วิลล่า เมื่อวีกก่อน นักข่าวถามรังนิกว่า ทำไมมาร์กซียาลไม่อยู่ใน Squad ด้วย
รังนิกก็ตอบตรงๆ เลยว่า "นั่นเพราะเขาไม่อยากอยู่กับทีมของเราอีก"
ไม่รู้จะจริงเท็จอย่างไร แต่มาร์กซียาลออกมาตอบโต้ทางอินสตาแกรม โดยกล่าวว่า "ผมไม่เคยปฏิเสธที่จะเล่นให้แมนฯ ยูไนเต็ด ผมอยู่ที่นี่มา 7 ปี และเคารพสโมสรกับแฟนๆ เสมอ"
ถึงตรงนี้ความสัมพันธ์ของสองฝ่ายก็สิ้นสุดลง มาร์กซียาลไม่รู้จะอยู่ไปทำไมกับทีมนี้ ลงก็ไม่ได้ลง ไม่เห็นถึงอนาคต
ถามว่าสถิติมาร์กซียาลแย่ขนาดนั้นไหม จริงๆ ก็ไม่ได้แย่ เขายิงไปแล้ว 79 ประตูให้สโมสร เป็นรองตำนานอย่างเอริค คันโตน่าแค่ 2 ประตูเท่านั้น แต่มันไม่มีอารมณ์จะมาสานต่อสถิติอะไรแล้ว เมื่อไม่ได้เล่น ก็ต้องขอย้าย จะปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานการณ์นี้ไม่ได้หรอก
สุดท้ายมาร์กซียาลประกาศจุดยืนว่าขอย้ายทีม แม้ไม่มีทีมไหนจ่ายเงินซื้อถาวร แต่มีข้อเสนอยืมตัวมาจากเซบีญ่า ที่พร้อมจ่ายค่ายืมตัวให้ส่วนหนึ่ง และจะคัฟเวอร์ค่าเหนื่อยของมาร์กซียาลให้
1
ถ้ามองในมุมของมาร์กซียาล การไปเซบีญ่าถือเป็นชอยส์ที่ดี นี่เป็นทีมอันดับ 2 ของลาลีกา มีลุ้นแชมป์เต็มๆ ซึ่งถ้าเขาเรียกฟอร์มได้ในรอบปีนี้ อาจจะมีลุ้นได้ไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่กาตาร์ก็ได้ แต่ขั้นแรกคือเรียกความมั่นใจ และขอโอกาสลงสนามต่อเนื่อง ไม่ใช่โดนดองแบบนี้
1
ส่วนในมุมของแมนฯ ยูไนเต็ด การปล่อยตัวก็นับว่าสมเหตุสมผล เพราะการเก็บนักเตะหมดใจไว้กับทีม จะเป็นการทำลายสปิริตเปล่าๆ ยิ่งไปกว่านั้น การปล่อยออกไปยังเซฟค่าใช้จ่ายได้บางส่วนอีกด้วย
นอกจากนี้อย่าลืมว่าสโมสรยังมีสัญญามาร์กซียาลถึงปี 2024 แปลว่าปล่อยตัวไปก่อน 6 เดือน ให้นักเตะไปหาบรรยากาศใหม่ๆ แล้วพอซีซั่นหน้า โรนัลโด้ กับคาวานี่ไม่อยู่แล้ว รวมถึงทีมได้โค้ชใหม่ ถ้านักเตะกลับมาเล่นดี ก็จะได้ดึงมาอยู่กับทีมอีกครั้ง ยังไม่ได้ตัดขาดเสียทีเดียว
3
ถือเป็นการแยกทางชั่วคราวที่สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย อึดอัดใจก็ต้องทำอะไรสักอย่าง ไม่ใช่ปล่อยปัญหาคาราคาซังแบบนั้น
หากเปรียบเทียบแล้ว ก็เหมือนคนรักที่แยกกันอยู่ จำเป็นต้องแยกกันไปเพื่อจะได้เรียนรู้ว่า จริงๆ ทั้งคู่ยังต้องการกันอยู่หรือไม่
2
อาจจะตัดขาดกันไปเลย หรือบางทีอาจจะรีเทิร์นกลับมาอยู่ด้วยกันอีกก็ได้ ไม่มีใครรู้อนาคตหรอกนะ
1
#TIMETOSEPERATE
โฆษณา