27 ม.ค. 2022 เวลา 10:58 • ปรัชญา
คุณเข้าใจคําว่าวิญญาณผิดไปและวิญญาณไม่ได้เกิดจากการทํางานของสมอง ไม่ใช่ภูติผีทีออกจากร่างคนตายแล้วเที่ยวหลอกหลอนผู้คน
คุณเคยมองสิ่งของต่างๆ ฟังเพลงเพราะๆ กินอาหารอร่อยๆ สัมผัส โอบกอด คิดอะไรไปเรื่อย คุณคิดว่านั่นคือกลไกลของสมองทํางาน แต่ในความจริงแล้ว จิตของมนุษย์ต่างหากที่ทํางานเหล่านั้นร่วมกับสมอง จิตมนุษย์ ไม่ใช่ความคิดไม่ใช่สมอง เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่อยู่ในตัวมนุษย์ (จะคล้ายๆกับคําว่าใจ แต่เป็นจิตใจ ไม่ใช่หัวใจ)เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่รับรู้สิ่งต่างๆ สิ่งที่ถูกจิตรับรู้เราเรียกว่าอารมณ์ เมื่อจิตอยากจะรับรู้อะไร ช่องทางหรือทวารที่เชื่อมกับจิตกับร่างกายของเราจะถูกเปิดออก การที่จิตออกมารับรู้อารมณ์ สภาวะนั้นเราเรียกว่าวิญญาณ ตัวอย่างเช่น เรามองผู้หญิงคนหนึ่ง จิตจะออกมารับรู้อารมณ์ทางตา ทวารทางตาจะเปิดออกเพื่อให้จิต จากเดิมที่อยู่เฉยๆ ( อยู่ในภวังค์) มารับรู้การมองเห็น จึงเกิดวิญญาณ( จักขุวิญญาณ ) ขึ้นมา
หลังจากนั้นจิตจะตัดสินอารมณ์นั้นว่าเป็นอย่างไร โดยเปรียบเทียบ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เก็บไว้ในหน่วยความจำของจิตที่ไม่ใช่สมอง ( สัญญา) เป็นสวย ขี้เหล่ ชอบ ไม่ชอบ และปรุงแต่งอารมณ์ต่อเป็น อยากจีบ อยากได้เป็นแฟน ซึ่งกระบวนการนี้สืบต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว อย่างสายฟ้าแลป
นอกจากตามองเห็นแล้ว หูได้ยิน จมูกได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้สัมผัส จิตจึงทําการรับรู้อารมณ์ผ่านทวารทั้ง5 ( ตา หู จมูก ลิ้น กาย ) เกิดเป็นวิญญาณทั้ง5 ขึ้น ( ผ่านปัญจทวาร) และจิตยังทํางานผ่านการรับรู้อารมณ์ทางความนึกคิด( ผ่านมโนทวาร) เกิดเป็น มโนวิญญาณ นั่นคือจิตจะรับรู้อารมณ์สลับไปมาระหว่าง ปัญจทวารและมโนทวาร เกิดเป็นวิญญาณในสองรูปแบบ นั่นคือความหมายที่แท้จริงของคําว่าวิญญาณ ( ตอนเรานอนหลับ มโนทวารจะทํางานอย่างเดียว โดยปัญจทวารจะไม่ทํางาน จิตจะรับรู้อารมณ์จากสัญญาเกิดเป็นความฝันขึ้นมา )
อีกความหมายหนึ่งของคําว่าวิญญาณ ก็คือวิญญาณในขันธ์5 ในตัวมนุษย์ วิทยาศาสตร์แยกส่วนประกอบของสสารในหน่วยเล็กที่สุดเป็น อิเล็กตรอน โปรตรอน นิวตรอน แต่ในเชิงศาสนาจะแยกสสารออกเป็นรูปธรรม+นามธรรม หรือร่างกาย+ จิตใจ โดยมีหน่วยย่อยที่สุดเป็นรูป, เวทนา, สัญญา, สังขาร, วิญญาณ หรือขันธ์5
ขันธ์5 ประกอบด้วย รูปธรรม 1 ส่วน, นามธรรมอีก 4 ส่วน ( นามธรรม 4 ส่วนเป็นองค์ประกอบของจิต )
รูป= ร่างกายของเราที่จับต้อง มองเห็น เป็นรูปธรรม
เวทนา = ความรู้สึกต่างๆ เช่น ชอบ ไม่ชอบ สุข ทุกข์
สัญญา= หน่ายความจําของจิต ที่ไม่ใช่สมอง
สังขาร= กระบวนการปรุงแต่งของจิต ( หรือความคิดต่างๆ)
วิญญาณ= การรับรู้ เพื่อให้ขันธ์5 ทํางานสมบูรณ์แบบจิตจึงจะทําการรับรู้อารมณ์ต่างๆ ผ่าน ปัญจทวารและมโนทวารตามที่อธิบายดังกล่าว
มนุษย์เกิดมามีทั้ง ร่างกายและจิตใจ เราเรียกว่าสังขารที่มีใจครอง( มีจิตและร่างกาย ) ก้อนหิน ดินทราย เป็นสังขารที่ไม่มีใจครอง ( มีรูปแต่ไม่มีจิต) เทวดา พรหม เป็นสังขารที่มีจิตอย่างเดียว โดยรูปเป็นรูปแบบละเอียดที่สุดหรือกายละเอียด
จะเห็นว่าวิญญาณมีจริง คืออาการของจิตที่ กําลังทํางานอยู่ จากเดิมที่อยู่ในภวังค์ จิต มโน วิญญาณ คือสิ่งเดียวกัน เพียงแต่เรียกในบริบทที่ใช้งานต่างกัน วิญญาณไม่ใช่ผี ที่เที่ยวหลอกมนุษย์ ตามที่เราส่วนใหญ่เข้าใจ รายละเอียดต่างๆเหล่านี้มีให้ศึกษาอีกมาก ในคัมภีร์อภิธรรม หนึ่งในคัมภีร์ของพระไตรปิฎก ที่บรรยายเรื่องนามธรรม คือจิต ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ และจิตก็อยู่เบื่องหลังการเวียนว่ายตายเกิด เบื้องหลังกรรมและวิบาก เบื่องหลังความคิดดี ชั่ว ความสุข ความทุกข์ การกระทำต่างๆ อยู่ที่จิตทั้งสิ้น แต่ปัจจุบันเราเข้าใจว่า้ป็นผลจากการทํางานของสมอง
โฆษณา