สำหรับสมาชิกก็ยังคงเป็นทีมเดิมที่แทบไม่ต้องมีอะไรต้องปรับจูนกันมากนัก โดยทางวงเผยว่างานนี้ได้รับอิทธิพลหลักๆมาจากโคตรวงอย่าง Refused, At The Drive-In, Radiohead เรื่อยไปถึง Jimmy Eat World โน่นเลยทีเดียว หลังจากที่ได้ลองฟังแล้ว สองวงแรกที่อ้างถึงไปดูจะมีผลกับงานชุดนี้อยู่พอสมควร
เริ่มพิสูจน์กันได้ที่ Damn Excuses ริธึ่มตึงมือโครมคราม การแผดเสียงว้ากของ Spencer ยังแสบทรวงไม่มีแผ่ว ขนาบด้วยซาวด์แอมเบียนท์ดำดิ่งเป็นระยะ, Hallelujah ซึมซับบรรยากาศชวนโยกกับจังหวะมีเดียม ใช้เสียงประสานได้ความรู้สึกขลัง ย้อนกลับไปช่วงวัยรุ่นของวงได้ดีระดับนึงแต่ยังเป็นรองในเรื่องของความวอดวาย, "I'm Pretty Sure I'm Out of Luck and Have No Friends" ขยับความล่องลอยใกล้เคียง Post-Rock มีซาวด์ทดลองเป็นตัวเดินเรื่องหลัก ก่อนจะไต่ระดับระบายความอัดอั้นหลังจากผ่านครึ่งแรกของเพลง บอกได้คำเดียวว่า ยับ, Cycle feat. Ghostemane เนื้อหาที่ทางวงได้รับแรงบันดาลใจมาจากซีรีย์ไซไฟย้อนเวลาชื่อดังอย่างเรื่อง Dark และได้แขกรับเชิญสาย Trap มาช่วยเติมเต็มลูปซาวด์ สอดรับกับภาคเนื้อร้องชวนตั้งคำถามที่อันอัดอั้นและเจ็บปวด
(No Oasis) สู่ความเวิ้งว้างเน้นซาวด์ดีไซน์ ถ้าบอกว่าเป็นงานของ Nine Inch Nails ละก็เชื่อสนิทใจ ให้อารมณ์เหมือนหลงอยู่กลางทะเลทรายจนเห็นภาพหลอนต่างๆ ก่อนที่จะโผล่มาเต็มแบนด์ต่อเนื่องที่ Take A Breath ให้อารมณ์งานทดลองอยู่พอสมควร มีการใช้บีท Trap แทรกมาเป็นระยะในขณะที่ภาคดนตรีหนักหน่วงพวกเขาก็ยังทำได้ดีไม่มีพลาด, We’re All Gonna Die โพสต์-ฮาร์ดคอร์ บีทแรงๆแนวถนัดเมื่อวันวานของพวกเขาก็ยังมีให้เสพ เนื้อหายังพูดถึงความตายโดยที่อิงกับหลักศาสนาเป็นหลัก