27 ม.ค. 2022 เวลา 15:41 • หนังสือ
เหมือนโมบายชีวิตจะหมุนวนกลับมากระทบส่งเสียงให้เราได้ยินอีกครั้ง..
“ไม่ว่าเราจะมาเร็วสักขนาดไหน ทุกครั้งที่มาคนก็ยังมากตลอด ไม่เคยได้บัตรคิวเลขตัวเดียวสักครั้ง พักหลังเรามาบ่อยจนสนิทสนมกับใครหลายคน พยาบาล หมอ คนไข้ ญาติคนไข้ พบคนที่ยิ้มคนร้องไห้ที่เดินสวนกันไปมา บ่ายสามโมงกว่าๆพยาบาลหน้าห้องตรวจเรียกชื่อปะแล้วหันมายิ้ม ปะหายเข้าไปในห้องตรวจกับน้าชายสักพักหนึ่งแล้ว ผมนั่งรออยู่ข้างหน้ากับมะ ใจจดจ่ออยู่ที่เรื่องของปะ นอกจากเรื่องของปะในวันนี้แล้วยังมีเรื่องของปะผุดเข้ามาในความทรงจำมากมาย“
๑.
รถโดยสารสองแถวสายพัทลุง – กงหรา กำลังวิ่งผ่านหน้าโรงเรียนในระยะต่อหน้าต่อตา ผมรีบวิ่งจากใต้ถุนอาคาร ๒ มาถึงประตูหน้าโรงเรียน อีกฝั่งถนนรถคันดังกล่าวกำลังวิ่งผ่านไป ผมส่งเสียงเรียกหลายครั้ง แต่คนในรถไม่มีใครได้ยินเสียงเรียกของผมสักคน
ผมวิ่งตามไปเรื่อย ๆ สายตาก็จ้องไปยังรถคันนั้น หาจังหวะจะข้ามถนนให้ได้ ไฟเขียวกำลังปล่อยรถให้เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็ว คันสุดท้ายที่หลุดไปก่อนไฟแดงเป็นคันที่ผมหมายจ้องอยู่
รู้สึกใจหายวาบ มองรถคันนั้นสุดสายตา ในหัวรู้สึกอื้อ เห็นเพื่อนๆกำลังทยอยขึ้นรถทีละคนสองคนไม่มีใครสนใจใคร ต่างคนต่างรีบวิ่งขึ้นรถสายที่ตัวเองกลับบ้าน
ขอบฟ้าตะวันตกดวงอาทิตย์เหรื่อแดงโน้มต่ำ ลง แสงยามเย็นกำลังจะหายไป ถนนสายนี้ทอดยาวไปสุดปลายทางที่ทางเข้าหมู่บ้านของผม
รถราที่หนาแน่นในช่วงเวลาเร่งด่วน เริ่มเบาบางลง
ทุกวันช่วงเวลาประมาณนี้ ผมและเพื่อนที่เรียนพิเศษด้วยกัน จะเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง รอรถโดยสารสองแถวคันสีฟ้ากลับบ้าน บางวันหกโมงกว่าแล้ว รถคันสุดท้ายก็ยังมี แต่วันนี้โชคไม่ดี รถโดยสารคันสุดท้ายมาเร็วกว่าปกติ ยังไม่ทันหกโมงเย็นก็วิ่งเลยไปต่อหน้าต่อตาแล้ว
\
๒.
ผมเพิ่งเข้ามาเรียนชั้นมัธยมปลายที่โรงเรียนแห่งนี้เป็นเทอมแรก จากเด็กนักเรียนโรงเรียนปอเนาะเล็กๆไม่ไกลจากบ้าน มาสอบเข้าเรียนต่อในระดับ มัธยมปลายจากคำแนะนำของครูสมใจ
ครูสมใจไม่ใช่แค่ครูที่สอนเก่ง แต่แกรู้จักและข้าใจนักเรียนแต่ละคนเป็นอย่างดี ไปมาหาสู่ถึงที่บ้าน แกคงเห็นความตั้งใจเรียนของผมและเพื่อน เลยอยากให้เราลองมาสอบเข้าเรียนต่อชั้น มัธยมปลายที่นี้ดู
แกจัดการให้เกือบทุกเรื่อง แกว่า ขอแค่ให้เรามาสอบก็เป็นพอ
ไม่มีใครคิดว่าผมและเพื่อนจะสอบได้ขึ้นมาจริงๆ ตอนประกาศรายชื่อผู้สอบผ่านก็ยังลังเลว่าจะตัดสินใจเรียนดีหรือเปล่า
ตอนมาสมัครสอบครูสมใจบอกแค่ว่าให้ลองมาสอบดูเฉยๆ เธอจะเรียนหรือไม่เรียนก็เรื่องของเธอไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็ได้รู้ว่าเธอเองมีความรู้แค่ไหน
แต่พอสอบติดครูสมใจก็มีท่าทีแนะนำไปอีกแบบ ครูสมใจว่ามันเป็นโอกาสดีที่เธอจะได้เรียนกับครูที่เก่ง มีความรู้ความชำนาญเฉพาะรายวิชา ไม่เหมือนครูสมใจเองที่สอนเกือบทุกวิชา
และที่สำคัญจะได้มีเพื่อนร่วมชั้นที่ทุกคนตั้งใจขยันขันแข็งในการเรียน
“โรงเรียนนี้มีความพร้อมทุกเรื่อง ครูอยากแนะนำให้เธอเรียนนะ ถ้าเธอเกิดสละสิทธิไม่ไปเรียนก็จะเสียโอกาสที่ดีของเธอเอง”
“ใครๆก็อยากเรียน ไม่ใช่เฉพาะนักเรียนที่มาสอบ ผู้ปกครองทุกคนก็อยากให้ลูกมาเรียน เธอคิดดูให้ดี เธอขาดเหลืออะไรบอกครูได้ ” ครูสมใจไม่ใช่เป็นแค่ครูที่สอนพวกเราในชั้นเรียนอย่างเดียว แต่แกเอาใจใส่และคอยช่วยเหลือทุกเรื่อง
วันที่ผมและเพื่อนอีกคนมารายงานตัวก็ได้ครูสมใจนี่แหละ คอยจัดการเรื่องต่างๆให้ ผมได้เรียนสายวิทย์-คณิต เพื่อนอีกคนเขาเลือกเรียนสายศิลป์-ภาษา เราเลยได้เรียนกันคนละห้อง
ครูสมใจยิ้มน้อยยิ้มใหญ่วันที่เรามารายงานตัว
เมื่อผลการสอบเก็บคะแนนกลางภาคประกาศผลออกมา คะแนนเก็บของผมเกือบทุกวิชาอยู่ในระดับที่ต่ำถึงต่ำมาก หากเทียบกับเพื่อนในห้องเรียนเดียวกัน
ช่วงพักเที่ยง ถัดจากวันประกาศผลสอบ ครูชนิดา ให้วิทยามาตามผมไปพบที่ห้อง ในห้องพักครูไม่มีครูคนอื่น มีเพียงครูชนิดาคนเดียว จังหวะที่ผมเดินเข้าไปเป็นจังหวะเดียวที่เพื่อนต่างห้องอีกคนเดินออกมา แกยิ้มและบอกผมให้นั่ง
“ที่ครูให้วิทยาไปตามเธอ เพราะผลสอบของเธอได้คะแนนต่ำเกือบทุกวิชา โดยเฉพาะวิชาแกนหลักสามสี่วิชา ครูเป็นห่วงว่าถ้าเธอไม่สามารถทำคะแนนได้ดีในช่วงสอบปลายภาค เธออาจติด ๐ ก็เป็นไปได้ ครูอยากแนะนำให้เธอมาเรียนพิเศษ จะได้ปรับพื้นฐานการเรียนและได้รู้เทคนิควิธีการทำข้อสอบต่างๆให้ดีขึ้น ในห้องเธอก็เรียนกันเกือบทุกคน เหลือแต่เธอกับใครอีกสามสี่คนที่ไม่เรียน เธอลองกลับไปปรึกษากับพ่อแม่เธอดูนะ ได้ผลอย่างไรมาบอกครู ยังมีที่ว่าง ครูแกล้งเว้นไว้ให้เธอ ถ้าเธอไม่มาเรียน ครูก็จะให้เพื่อนนักเรียนห้องอื่น”
“ครับครู” ผมเดินออกจากห้องพักครูสวนทางกับเพื่อนอีกคนที่เดินเข้าไปพอดี
วิทยาบอกผมว่าค่าใช้จ่ายในการเรียนพิเศษกับครูชนิดานั้น ถ้าลงเรียนครบ ๕ วิชาจะคิดเพียง ๒,๐๐๐ บาท แต่ถ้าเลือกเรียนบางวิชาก็จะคิดรายวิชาละ ๕๐๐ เรียนวันละ ๑ วิชาหลังจากเลิกเรียนในช่วงเวลาปกติของทุกวัน
วันรุ่งขึ้นผมกำเงินใส่ถุงจำนวน ๑,๐๐๐ บาท มัดจำจองที่นั่งไว้ก่อน จำได้ว่าครูชนิดายิ้มและให้เอกสารประกอบการเรียนพร้อมตารางเรียนพิเศษในแต่ละวันมาด้วย
๓.
ความมืดคืบคลานมาเรื่อย แสงสุดท้ายของวันกำลังจะหมดไป ไม่กี่อึดใจข้างหน้าจะเป็นกลางคืน ในใจผมรู้สึกสับสนกังวลกลัว จะเอาอย่างไงดี จะมืดค่ำอยู่ข้างหน้า รถกลับบ้านก็ไม่มี ผมไม่เคยไปไหนมาไหนโดยไม่บอกให้คนที่บ้านรู้ ทุกเย็นจะกลับถึงบ้าน นี่เป็นครั้งแรกที่ไม่กลับบ้านโดยที่ไม่ได้บอกใครให้รู้ล่วงหน้า
ผมพยามยามลำดับความคิดในระยะเวลากระชั้นชิดแบบนี้ ไม่มีเวลามากังวลทุกข์ อันดับแรกต้องหาที่หลับนอนให้ได้ก่อน อย่างอื่นค่อยว่ากัน นึกถึงเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่งที่เขาเข้ามาเรียนในตัวเมืองก่อนพวกเรา จำได้ว่าหลายวันก่อนผมและเพื่อนเคยมาช่วยขนของตอนที่เขาย้ายบ้านพักมาเช่าห้องอีกซอยหนึ่งได้
ผมรีบเดินไปตามทางเล็กๆที่พอจำได้ รถราในเมืองยังวิ่งกันเต็ม แสงไฟจากอาคารบ้านเรือนและร้านอาหารหลากสีไม่เหมือนบ้านเรา ดูแล้วสีสันสวยงาม
ป้ายไม้ขนาดไม่ใหญ่แต่เห็นชัด บอกซอยวัดโคกคีรีอยู่ข้างหน้า พอจำทางได้ชัดขึ้น ผมก้มเดินอย่างเร่งรีบอย่าให้ทันมืดกว่านี้ ผู้คนในซอยบางคนหันมามองผมเหมือนคนแปลกหน้า ผมได้แต่ก้มหน้ารีบเดินให้ถึงห้องเช่าของรุ่นพี่ให้เร็วที่สุด
ในความรู้สึกขณะนั้นคิดถึงบ้านที่สุด คนที่บ้านจะรู้สึกอย่างไร เมื่ออยู่ ๆใครสักคนในบ้านหายไปโดยที่ไม่มีใครสักคนรู้
จำได้มะเคยพูดทีเล่นทีจริง ตอนที่ผมตัดสินใจมาเรียนที่นี้ว่า ไม่อยากให้ผมมาเรียน กลัวว่าผมจะหลงทาง คนในเมืองไม่รู้ใครเป็นใครไว้ใจไม่ค่อยได้ ผมยิ้มเข้าใจความรู้สึกมะที่พูดออกมาอย่างนั้น
หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านสุดท้ายที่อยู่ติดเทือกเขา ไม่ไกลจากน้ำตกไม่ไกลจากตัวอำเภอ เป็นหมู่บ้านเล็กๆมีทุ่งนาและป่าเขา มีไฟฟ้าใช้เพียงบางหลังคาเรือน บ้างหลังคาเรือนยังต้องพ่วงสายไฟจากบ้านคนอื่น
“อย่าว่าแต่บ้านผมเลยที่ไม่มีโทรศัพท์ใช้ คนในหมู่บ้านทั้งหมู่บ้านก็ไม่มีบ้านใครสักหลังที่มี”
คืนนี้เลยขาดการติดต่อจากที่บ้านโดยไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าผมหายไปไหน...
คืนนั้นกว่าจะหลับนอนลงได้ก็เลยเที่ยงคืนมาแล้ว
รุ่งเช้าของวันใหม่ผมและเพื่อนรีบไปโรงเรียน ฝนโปรยลงมาเล็กน้อยพอให้ทางเปียก เขาตบบ่าปลอบใจผมนับครั้งไม่ถ้วน
“ เดี่ยวตอนเย็นวันนี้มึงก็ได้กลับบ้านแล้ว ไม่เป็นอะไรแค่คืนเดียวเอง” เขาบอกย้ำแล้วย้ำอีก
ไฟแดงหยุดรถ เรารีบวิ่งข้ามถนนเข้าโรงเรียน แยกกับเพื่อนแล้วรีบวิ่งขึ้นไปบนห้องเรียนชั้น ๔
เสียงดังมาแต่ไกล เห็นเพื่อนๆหลายคนในห้องเดียวกันและห้องอื่น จับกลุ่มยืนคุยกันอยู่ที่หน้าประตู เกิดอะไรขึ้นตั้งแต่เช้า..?
เสื้อสีเทาตัวเก่า รอยปะชุนตรงแขน ผ้าขาวม้าผืนสีแดงเลือดนกสีจางที่คาดเอว และผ้านุ่งผืนนั้นเพียงผืนเดียวที่เพียงเห็นแวบแรกก็รู้แล้วว่าเป็นใคร..
“ปะยืนอยู่ที่ขอบประตูหน้าห้องเรียน ยืนอยู่นานเท่าใดแล้วไม่มีใครรู้”
เพื่อนๆในห้องที่มาตั้งแต่เช้ามืดบอกว่ามาถึงห้องเรียนก็เห็นปะยืนอยู่แล้ว
ปะยิ้มมาแต่ไกลเมื่อเห็นผม ยื่นมือมาจับ กอดผมไว้แน่นกว่าทุกครั้งที่เคยกอด ไม่มีเสียงใดพูดออกมา ได้ยินเพียงลมหายใจเข้าออก น้ำตาเอ่อล้น ดวงตาเหมือนคนอดหลับอดนอนมาตั้งคืน..
เพลงมาร์ชโรงเรียนดังขึ้น เพื่อนๆหลายคนเริ่มทยอยลงไปเข้าแถวหน้าเสาธง
ผมแยกกับปะตรงหน้าอาคารเรียน แล้วรีบเดินไปเข้าแถวหน้าเสาธง ปะหันมายิ้มแล้วเดินออกประตูข้ามถนนไปรอรถสองแถวสายกงหรากลับบ้าน
๔.
คืนนั้นระหว่างกินข้าวมื้อค่ำ ขณะที่ปะไปละหมาดมัสยิดมะเล่าเรื่องของปะให้ผมฟังหลายเรื่อง อย่างน้อยในวัยเด็กมีหลายเรื่องที่ผมเองไม่เคยได้รู้ ปะหายไปครั้งหนึ่งเป็นแรมเดือนกว่าจะกลับมาบ้านสักครั้ง วัยเด็กของผมเลยไม่ค่อยเห็นปะอยู่บ้านสักเท่าใด กลับมาพร้อมอ้อมกอดและเรื่องเล่าที่อบอุ่น แล้วก็หายไปอีก....
“ครอบครัวคนบ้านนอกจนๆไม่ได้ร่ำรวยก็ต้องออกไปหางานทำข้างนอก” มะว่า
“คืนนั้นปะมึงไม่นอนทั้งคืน นั่งสูบใบจากยาเส้นอยู่นอกชานจนหัวเช้าแล้วเดินออกไปรอรถขายผักคันแรกที่ปากทาง”
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง ประตูบานนั้นค่อยๆเปิดออกมา น้าชาย พยาบาลสาวค่อยๆประคองปะออกมา
“สัปดาห์หน้าค่อยพบกันอีกนะค่ะลุง”ปะ หันมาจับมือผมก่อนเราเดินออก มารอรถกลับบ้านที่หน้าโรงพยาบาล
“วันนี้เราคงไม่ตกรถนะปะ”
บันทึกความทรงจำ
__________________________________________________________________________
โฆษณา