28 ม.ค. 2022 เวลา 12:26 • ความคิดเห็น
ตามหลักของโลก ทุกคนจำเป็นต้องมีบทบาทหน้าที่เพื่อพัฒนาระบบในสังคม ไม่ต่างกับเซลล์หรือโมเลกุลในร่างกายที่ทำงานเพื่อให้เรายังคงมีชีวิตอยู่
หากในยุคสมัยก่อน การทำงานก็เพียงแค่หาอาหารเพื่อมาหล่อเลี้ยงชีวิต แต่ในยุคปัจจุบันบันที่คนให้คุณค่ากับเงินตรา โลกจึงขับเคลื่อนด้วยระบบทุนนิยม ผู้ที่มีกำลังทรัพย์คือผู้อยู่รอด ผู้ที่อ่อนไหวจึงอยู่บนความเสี่ยง
จริงๆแล้วบทบาทมนุษย์ในสังคมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย กฏแห่งบทบาทถูกตีตราบนตัวพวกเรามาตั้งแต่เกิดเสมอ
ดังนั้น อยู่ที่ตัวเราเองว่าจะให้ค่ากับบทบาทที่ได้รับในระดับใด ซึ่งมีทั้งในระดับที่สังคมยอมรับ ระดับที่คนรอบข้างยอมรับ หรือสุดท้ายระดับที่ตัวเราเองยอมรับ
เราไม่ได้ทำงานเพื่อมีชีวิต และเราก็ไม่ใด้ใช้ชีวิตเพื่อทำงาน จริงๆเราใช้ชีวิตเพื่อมีความสุขต่างหาก อยู่ที่เราจะเอาความสุขนั้นไปผูกกับอะไร
ทุกคนมักเชื่อว่า การประสบความสำเร็จในชีวิตคือจุดสูงสุดที่จะตามหาความสุข แต่เรามักลืมว่า "ความสุข" นั้นเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วันนี้เลยต่างหาก มันอยู่แค่จิตใจตรงหน้าอกของเราเองนั่นแหละ
ทุกคนเลือกเกิดไม่ได้ หรือบางครั้งหลายสถานการณ์ก็ทำให้เลือกงานไม่ได้ด้วย แต่ทุกๆปัจจัยที่เรากระทำมันมักมีเอฟเฟคต่อคนอื่นเสมอ 1 ชิ้นงานที่ดีของเรา อาจส่งต่อเอฟเฟคไปอีกหลายคน หรือแม้แต่ 1 ชิ้นงานที่แย่ของเราก็อาจส่งเอฟเฟคไปหลายคนเช่นกัน
หากเห็นความเป็นจริงแบบนี้ การทำงานเต็มที่ตามความพอดีต่อความสามารถของเราจึงมีคุณค่าทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ประสบการณ์ตรงนั้นเองที่จะเปลี่ยนเป็นความรู้สึกในจิตใจของเรา สิ่งนั้นเรียกว่าความสุข แต่หากฝืนและทะเยอทะยานไล่ตามคนอื่น สิ่งนั้นก็ส่งผลสะท้อนกลับมาเป็นความทุกข์
ถ้าอยากประสบความสำเร็จในฐานะมนุษย์โลก ก็จงพอในสิ่งที่มี ปรับปรุงในสิ่งที่เป็น พัฒนาในสิ่งที่ทำอยู่ ควบคู่ทุกอย่างไปบนความพอดีของร่างกาย พร้อมกับทำใจให้รับเรื่องดีและร้ายที่วนเข้ามาเป็นปกติ เราก็จะเป็นคนที่ทุกข์น้อยลง แถมคนรอบข้างที่อยู่ด้วยก็มีความสุข
และท้ายสุด หากอยากประสบความสำเร็จในฐานะการเกิดมาเป็นมนุษย์ ก็ต้องพัฒนาจิตใจให้พ้นจากความไม่พอทั้งปวงตามลำดับไป
ปล. แวะมาเติมกำลังใจครับ
โฆษณา