29 ม.ค. 2022 เวลา 02:53 • กีฬา
หลุยส์ ดิอาซคือใคร ทำไมเป็นเป้าหมายเบอร์ 1 ของลิเวอร์พูล และเรื่องราวชีวิตของเขาวิบากแค่ไหน อ่านบทความนี้โพสต์เดียวจบเห็นภาพทันที
3
หลุยส์ ดิอาซ คือนักเตะที่ทีมดังๆ ไล่ล่าแย่งชิงกันอย่างดุเดือด การย้ายตัวจะเกิดขึ้นแน่นอน แต่จะจบที่ทีมไหน เราจะได้รู้กันอีกไม่กี่อึดใจ
1
ตามจริง ดิอาซ มีค่าฉีกสัญญา 80 ล้านยูโร (66 ล้านปอนด์) แต่นาทีนี้ ทีมที่จะซื้อ ไม่จำเป็นต้องจ่ายราคาเต็มก็มีโอกาสได้ตัว นั่นเพราะสัญญาของเขากับปอร์โต้ จะหมดลงในระยะเวลาแค่ 1 ปีครึ่งเท่านั้น ว่าง่ายๆ คือถ้าปอร์โต้ไม่ขายในตลาดรอบนี้ ราคานักเตะในตลาดรอบหน้าอาจร่วงลงไปเหลือแค่ 15-20 ล้านยูโรได้เลย
1
ตามรายงานข่าว ลิเวอร์พูลเป็นเต็งหนึ่งที่จะได้ตัว เพราะนักเตะดูมีใจอยากมาแอนฟิลด์มากที่สุด โดยราคาซื้อบวกอ็อปชั่นเสริม จะจบที่ 60 ล้านยูโร (49.5 ล้านปอนด์)
ว่ากันตรงๆ นี่เป็นดีลสำคัญที่ลิเวอร์พูลต้องซื้อเพื่ออนาคต สาเหตุเพราะ 3 ประสานชุดดั้งเดิม ซาลาห์-มาเน่-ฟีร์มีโน่ กำลังจะ 30 กันทุกคนแล้ว แปลว่า ในระยะเวลาอันใกล้ ก็อาจต้องมี 1 คน (หรือหลายคน) ย้ายออกไปแน่ๆ
1
และถ้าไม่นับสามคนนั้น ตัวรุกที่มีอยู่ ก็จะเหลือเพียง ดีโอโก้ โชต้า (25 ปี) ที่พอจะหวังได้ ส่วนทาคุมิ มินามิโนะ และ ดิว็อก โอริกี้ ดูจะเหมาะเป็นแค่อะไหล่เท่านั้น ขณะที่เค้ด กอร์ดอน ก็ยังเด็กเกินไปที่ฝากฝังอะไรตอนนี้
ดังนั้นการซื้อผู้เล่นที่กำลังอยู่ในจุดพีกของตัวเองอย่างดิอาซ ถือเป็นดีลที่เข้าใจได้ การซื้อมาตั้งแต่มกราคม อาจจะเร็วไปหน่อย แต่ถ้ามองว่าให้ย้ายมาปรับตัวกันสักครึ่งปีก่อน จากนั้นพอเริ่มซีซั่นหน้า ถ้ามีใครย้ายออก ก็เสียบเป็นตัวจริงได้เลย แนวทางนี้ก็ดีเหมือนกัน
ใครคือดิอาซ? เขาคือปีกจอมสปีดชาวโคลอมเบีย วัย 25 ปี ที่มีจุดเด่นคือการยิงประตู ปัจจุบันเป็นรองดาวซัลโวของลีกโปรตุเกส ลง 18 นัด ยิง 14 ประตู และเป็นดาวซัลโวโคปาอเมริกาปีที่แล้วร่วมกับลีโอเนล เมสซี่ ด้วยจำนวน 4 ประตู ไม่ว่าจะเป็นบราซิลหรืออาร์เจนติน่า เขาก็ซัดมาหมดแล้ว
1
ถ้าให้อธิบายสไตล์ หากเราเรียกซาลาห์ว่าปีกขวาถนัดซ้าย ดิอาซก็คือขั้วสลับด้านกัน นั่นคือปีกซ้ายถนัดขวา
2
สิ่งที่เขาทำอยู่เสมอในเกมการแข่งขัน คือเลี้ยงบอลที่ริมเส้นด้านซ้าย จากนั้นตัดเข้าในแล้วซัดด้วยขวา ยิงบ่อยมากจนแทบจะเป็น Signature เลยก็ว่าได้
14 ลูกในลีกที่ดิอาซยิง แบ่งออกเป็น เท้าขวา 9 ลูก เท้าซ้าย 2 ลูก โหม่ง 3 ลูก คือจะเห็นเลยว่า ประสิทธิภาพเน้นไปที่เท้าขวาเป็นหลัก (โหม่งยังเยอะกว่าใช้เท้าซ้ายยิงอีก)
1
ถ้าจะถามว่าเล่นเหมือนใครที่สุด อาร์ตูโร่ เรเยส อดีตโค้ชทีมชาติโคลอมเบียบอกว่าเจดอน ซานโช่ ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความใกล้เคียง "มันไม่ง่ายที่จะหาผู้เล่นอย่างลูโช่นะ (ชื่อเล่นของดิอาซ) เขามีหลายอย่างคล้ายซานโช่ ทั้งคู่สนุกในสนาม ไม่เคยกลัวแรงกดดัน และสามารถยืนฝั่งไหนก็ได้"
4
สื่ออังกฤษใช้คำว่าสำหรับลิเวอร์พูลแล้ว ดิอาซ Tick all the boxes (ติ๊กถูกทุกช่อง) กล่าวคือเขามีทุกอย่างที่เจอร์เก้น คล็อปป์ต้องการ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็วอันจัดจ้าน เหมาะกับเฮฟวี่เมทัลฟุตบอล อยากรู้ว่าเร็วแค่ไหน เทียบง่ายๆ คือในเกม Fifa จะมีค่าพลัง Sprint Speed (ความเร็วจังหวะสปรินท์) ซึ่งดิอาซมีค่าพลังอยู่ที่ 92 ส่วน ซาลาห์ 91 มาเน่ 90 โชต้า 81 คงพอจะเห็นภาพกันว่าในสายตาคนทั่วไปมองว่าความเร็วของเขามันระดับไหน
2
ขณะที่การยิงประตูก็ดูไว้ใจได้ วัดจากสถิติเป็นรองดาวซัลโวลีกโปรตุเกสก็นับว่าน่าทึ่งแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นผู้เล่นที่มีความขยัน ชอบลงมาล้วงบอลต่ำกลางสนาม เพื่อเชื่อมเกมกับเพื่อน คือมีความเร็วก็จริงแต่ไม่โซโล่เดี่ยวทุกครั้ง เพื่อนว่างก็จ่าย ในลีกโปรตุเกสซีซั่นนี้ เขาแอสซิสต์ไปแล้ว 5 ครั้ง ติดท็อปเท็นของลีกในด้านแอสซิสต์ด้วย
และที่สำคัญที่สุดคือเรื่องอายุ ดิอาซอายุ 25 ปี (เกิด 13 มกราคม 1997) อายุห่างจากดีโอโก้ โชต้า (เกิด 4 ธันวาคม 1996) แค่ 40 วัน มันหมายความว่า 2 คนนี้ จะเติบโตไปด้วยกัน เล่นด้วยกันไปอีกหลายปี
ถามว่าจะเข้าขากันไหม? ก็มีโอกาสอยู่ เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็เคยเล่นทีมเดียวกัน (ปอร์โต้) นอกจากนั้นยังสามารถคุยกันด้วยภาษาโปรตุเกสได้ คือตอนย้ายมาปอร์โต้ใหม่ๆ ดิอาซก็ยังพูดโปรตุเกสไม่ได้ แต่พออยู่ไป 2 ปี ตอนนี้เขาสื่อสารได้แล้ว
นี่เป็นไอเดียของเจอร์เก้น คล็อปป์ที่เราเห็นบ่อยๆ เขาจะซื้อนักเตะในตำแหน่งเดียวกันด้วย Range อายุใกล้กัน เพื่อให้นักเตะสนิทสนม และเติบโตไปด้วยกัน
ซาลาห์ - มาเน่ - ฟีร์มีโน่ สามคนนี้อายุห่างกันแค่ 8 เดือน ดังนั้นจึงได้ร่วมงานกันอย่างยาวนานมาก เป็น Trio ที่ยืนหยัดมา 5 ซีซั่นแล้ว
เวอร์จิล ฟาน ไดค์ (เกิด 8 กรกฎาคม 1991) - โจเอล มาติป (เกิด 8 สิงหาคม 1991) สองเซ็นเตอร์แบ็กตัวหลักของทีมที่ต้องเล่นด้วยกันตลอด อายุห่างกัน 1 เดือนเป๊ะพอดี
หรือถ้าย้อนกลับไปสมัยดอร์ทมุนด์ คู่เซ็นเตอร์แบ็กของทีมชุดแชมป์บุนเดสลีกา 2 สมัย คือ เนเว่น ซูโบติช (เกิด 10 ธันวาคม 1988) กับ มัทส์ ฮุมเมิลส์ (เกิด 16 ธันวาคม 1988) ทั้งสองคนนี้อายุห่างกัน 6 วัน
ดังนั้นเราพอจะเห็นว่า การเล็งซื้อดิอาซ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นตามกระแสแน่ๆ นี่เป็นชอยส์ที่เหมาะสมทั้งสไตล์ และวัย มันคือการวางแผนเพื่ออนาคตที่ดิอาซจะเป็นแกนหลักร่วมกับโชต้า ค่อยๆ ให้ทั้งคู่เรียนรู้กัน ปรับจังหวะให้เข้ากัน และแบกรับอนาคตของลิเวอร์พูลเอาไว้ต่อจากรุ่นพี่ ที่อายุมากขึ้นทุกที
4
จริงๆ หงส์แดงอาจจะอยากรอปิดดีลในช่วงซัมเมอร์ด้วยซ้ำ เพื่อให้ได้ราคาถูกที่สุด แต่ว่าทีมซื้อขายจะรอไม่ได้แล้ว เพราะทีมอื่นอย่างสเปอร์สเริ่มขยับตัว ถ้าหากเดินเกมช้าอาจพลาดได้ตัวก็ได้
1
และถ้าเสียผู้เล่นที่มีแนวโน้มว่าน่าจะคลิกกับทีมไปแบบนี้ คงทำให้คล็อปป์ผิดหวังมากแน่นอน ดังนั้นจูเลียน วอร์ด ผู้รับผิดชอบคนใหม่ที่เริ่มประเดิมงานแทน ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ต้องโชว์ผลงานด้วยการปิดดีลให้เร็วที่สุด ไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดขึ้น
1
ขณะที่บรรยากาศของแฟนหงส์ในโลกออนไลน์นับว่าคึกคักมากๆ ตอนนี้ในยูทูบ มีการตัดคลิป Luis Diaz : Welcome to Liverpool กันอย่างครึกโครม
ส่วนแฟนๆ ในทวิตเตอร์ก็จินตนาการอย่างมีความสุข มีความเห็นหนึ่งบอกว่า "ชื่อจริงของดิอาซ คือ หลุยส์ เฟร์นันโด ดิอาซ มันแปลว่าเขามีส่วนผสมของทั้ง หลุยส์ ซัวเรซ กับ เฟร์นันโด ตอร์เรส ในคนเดียวกันเลยนะ!"
เรื่องความสามารถก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องประวัติของเขาก็ถือว่ามีแบ็กกราวน์ที่น่าสนใจ สามารถสร้างสตอรี่เอาไปขายต่อได้เลย เพราะหลุยส์ ดิอาซ คือตัวแทนและความหวังของกลุ่มชนพื้นเมือง
อธิบายคือ ดิอาซเกิดในกลุ่มชาติพันธุ์ชื่อ วายู (Wayuu) ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยของโคลอมเบีย อาศัยอยู่ในเขตเทือกเขาเซียร์ร่า เนวาด้า ตอนบนสุดของประเทศ ติดกับแนวทะเลแคริบเบียน
วายูเป็นเผ่าพื้นเมือง ใช้ภาษาท้องถิ่นผสมกับภาษาสเปน ภายในชุมชนอาศัยอยู่ด้วยวิถีชนบทเรียบง่าย ไม่มีโทรทัศน์ให้ดู กิจกรรมความสนุกของดิอาซในวัยเด็ก มีเพียงแค่ฟังนิทานจากคุณยายตอนกลางคืน และเล่นฟุตบอลตอนกลางวันแค่นั้น
หากเปรียบเทียบกับไทย ก็เหมือนอยู่ในเผ่ากะเหรี่ยงบางกลอยลักษณะนั้น คืออยู่กลางเขา ไม่ได้เจอความศิวิไลซ์ แถมโอกาสต่างๆ ไม่ค่อยเข้าถึง เมืองที่อยู่ใกล้หมู่บ้านที่สุดต้องเดินทางมากกว่า 100 กิโลเมตร
1
อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ในพื้นที่กันดาร แต่เผ่าวายู ก็มีวัฒนธรรมและสังคมของตัวเอง มีการสร้างคอมมิวนิตี้และติดต่อกับโลกภายนอกเช่นกัน
ชุมชนของดิอาซ มีชื่อว่า บาร์รานกัส พวกเขามีการตั้งทีมฟุตบอลมาแข่งขันกันภายใน ซึ่งดิอาซก็เรียนรู้ฟุตบอลด้วยตัวเอง ไม่ได้มีใครสอนเป็นเรื่องเป็นราวนัก ดังนั้นว่ากันตรงๆ ความฝันจะเป็นนักเตะอาชีพแทบเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเขาไม่ได้เรียนรู้ศาสตร์ที่ถูกต้องเลยสักอย่าง
1
อย่างไรก็ตามจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเขาเกิดขึ้น ในปี 2015 เมื่อโคลอมเบียประกาศคัดตัวนักเตะจากชนกลุ่มน้อย เพื่อลงแข่งขันรายการ Copa Americana de Pueblos Indigenas หรือโคปาอเมริกาแห่งชนพื้นเมือง
2
ศึกโคปาอเมริกาแห่งชนพื้นเมือง คือการจัดทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์ของทวีปอเมริกาใต้ และอเมริกากลาง โดยมีเงื่อนไขคือนักเตะทุกคนที่ลงสนาม ต้องเป็นชนกลุ่มน้อยเท่านั้น โดยนี่เป็นทัวร์นาเมนต์ไซส์เล็กๆ มีทีมลงแข่งทั้งหมด 8 ประเทศ
2
จริงๆ ออกจะเป็นการแข่งขันในเชิงการทูตมากกว่า คือคนไม่ค่อยสนการแข่งขันหรอก เพียงแต่ต้องมีทัวร์นาเมนต์แบบนี้ไว้เพื่อแสดงให้โลกเห็นว่า แต่ละประเทศก็ยังให้ความสำคัญกับกลุ่มชาติพันธุ์อยู่ ไม่ได้หมางเมินเสียทีเดียว
1
คุณพ่อเมื่อรู้ข่าว ก็พาดิอาซ ที่ตอนนั้นอายุแค่ 17 เข้าเมืองไปคัดตัวด้วย โดยหนึ่งในสตาฟฟ์โค้ชของทีมชาติชุดชนพื้นเมืองคือ คาร์ลอส วัลเดอร์ราม่า ตำนานทีมชาติโคลอมเบียที่ผันตัวมารับงานเป็นโค้ช
4
ตอนที่เห็นรูปร่าง ทีมสตาฟฟ์โค้ชจะไม่เอาดิอาซแล้วเพราะดูตัวเล็กเกินไป เป็นเด็กที่ผอมบางมาก แต่เมื่อดิอาซได้ลงสนามจริงๆ เขาโชว์ความเร็วและทักษะที่ยอดเยี่ยมออกมาให้เห็น ดังนั้นวัลเดอร์ราม่าจึงดึงตัวดิอาซไปติดทีมชุดสู้ศึกโคปาอเมริกาชนพื้นเมือง ในเดือนกรกฎาคม 2015 ที่ประเทศชิลีด้วย
จากจำนวนคนไปคัดตัวมากถึง 400 คน ทีมชาติคัดเอาแค่ 22 คนเท่านั้น แต่ดิอาซก็ยังติดทีมได้ มันคือความภูมิใจสเต็ปแรก และมันจะเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวดีๆ ในเวลาต่อมาด้วย
2
ในทัวร์นาเมนต์โคปาอเมริกาแห่งชนพื้นเมือง ดิอาซเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เขาเป็นกัปตันทีมแม้จะอายุแค่ 17 ได้ลงสนามทุกนัด และยิงสองประตู ก่อนจะพาโคลอมเบียเข้าชิงได้สำเร็จ แต่ไปแพ้ปารากวัยอย่างน่าเสียดายในรอบชิง
1
แม้จะแพ้ แต่วัลเดอร์ราม่าที่ได้เห็นฟอร์มของดิอาซมาตลอดทัวร์นาเมนต์ กล่าวว่า "เด็กคนนี้ไปไกลแน่" ดังนั้นหลังแข่งจบรายการ วัลเดอร์ราม่าจึงแนะนำให้อดีตสโมสรของเขาแอตเลติโก้ จูเนียร์ รีบเซ็นสัญญาเด็กคนนี้เอาไว้เลย ปั้นดีๆ ต้องใช้การได้แน่ๆ
แอตเลติโก้ จูเนียร์รับไว้ก็จริง แต่ไม่แน่ใจว่านักเตะจะเล่นไหวไหม เพราะรูปร่างบอบบางมาก และนักเตะไม่เคยศึกษาศาสตร์ฟุตบอลอาชีพมาก่อน จึงส่งดิอาซลงไปเล่นทีมเล็กของตัวเอง ชื่อบาร์รันกีล่า เอฟซี ในลีกล่างก่อนชั่วคราว เพื่อค่อยๆ ปรับสภาพร่างกาย และใส่ความรู้เรื่องแท็กติกในสนามให้นักเตะได้เข้าใจมากขึ้น
แม้จะอยู่ในลีกล่าง แต่ ณ วันนั้น ดิอาซได้สร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักเตะจากชนกลุ่มน้อยคนแรกที่อยู่ในระดับฟุตบอลอาชีพของโคลอมเบีย ดิอาซเล่าว่า "ชีวิตของผมวนเวียนอยู่กับฟุตบอลตลอด ผมเรียนรู้ที่จะเล่นบอลกับเพื่อนๆของผม เราเตะบอลเท้าเปล่ามาด้วยกัน ดังนั้นตอนนี้ผมจึงภูมิใจมาก ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบาร์รันกีล่า เอฟซี และได้เล่นฟุตบอลอาชีพ"
ทักษะของดิอาซเดิมทีก็ดีอยู่แล้ว ยิ่งมาบวกกับการเรียนรู้ในระบบฟุตบอลอาชีพ ทำให้เขาก้าวกระโดดอย่างเร็วมาก เวลาต่อจากนั้นไม่นานก็เริ่มได้ลงสนาม ยิงประตูได้ และกลายเป็นตัวหลักของทีม
สุดท้ายเขาเล่นอยู่กับบาร์รันกีล่าได้ระยะหนึ่ง ต้นสังกัดแม่ แอตเลติโก้ จูเนียร์ ก็ดึงเขาขึ้นชุดใหญ่ตอนดิอาซมีอายุ 20 ปี
1
ดิอาซ กล่าวว่า "ตั้งแต่เป็นเด็กผมฝันมาตลอดว่าอยากจะเป็นนักเตะของทีมแอตเลติโก้ จูเนียร์ให้ได้สักครั้ง และตอนนี้ผมก็ไปถึงเป้าหมายแล้ว ในทีมนี้มีผู้เล่นเก่งๆ มากมาย และเมื่อไหร่ที่ผมได้โอกาสผมจะคว้ามันไว้ให้ได้ แผนของผมต่อจากนี้ อย่างแรกคือยึดตัวหลักของจูเนียร์ให้ได้ก่อน ได้กลายเป็นขวัญใจของแฟนๆ แล้วย้ายไปยุโรป จากนั้นก็ก้าวไปติดทีมชาติโคลอมเบียชุดใหญ่ให้ได้"
4
ดิอาซทำตามที่พูดได้ทุกอย่าง เขากลายเป็นขวัญใจของแฟนๆ ทีมแอตเลติโก้ จูเนียร์ ก่อนติดทีมชาติชุดใหญ่ และได้รับข้อเสนอจากยุโรปหลายทีม แต่สุดท้ายเลือกย้ายไปปอร์โต้ด้วยค่าตัว 7 ล้านยูโร เพราะนักเตะฮีโร่ของชาติหลายคน เคยเล่นที่นี่ ทั้งราดาเมล ฟัลเกา และ ฮาเมส โรดริเกวซ
2
กับปอร์โต้ แม้จะเป็นสโมสรแรกในยุโรป แต่ตัวดิอาซเล่นได้ดีมาก จนทำให้เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดโคปาอเมริกา 2021
1
ลองคิดดูว่ามันเป็นย่างก้าวที่ไกลขนาดไหน เริ่มต้นค้าแข้งจากโคปาอเมริกาแห่งชนพื้นเมือง ในเวลาแค่ 6 ปีเท่านั้น เขาได้ลงสนามในโคปาอเมริกา ออริจินอล ปะทะกับนักเตะอย่างลีโอเนล เมสซี่
1
และผลงานของเขาก็น่าประทับใจ พาโคลอมเบียคว้าอันดับ 3 อย่างสวยงาม พร้อมตำแหน่งดาวซัลโว และติดทีมยอดเยี่ยมทัวร์นาเมนต์
1
ลองคิดดูว่าคนที่มีชื่อติดทีมยอดเยี่ยมในตำแหน่งกองหน้า มี 3 คน โดยนอกจากเขาแล้ว อีก 2 คนที่เหลือคือ เมสซี่ และ เนย์มาร์ คือความสำเร็จของดิอาซมันน่าทึ่งขนาดนั้นเลย
ภาพลักษณ์ของดิอาซในสายตาคนทั่วไป ก็เป็นแง่บวกมากๆ เพราะเขาคือสัญลักษณ์ของชนกลุ่มน้อยที่ประสบความสำเร็จ ทั้งๆที่ เริ่มต้นจากการไม่มีโอกาสในสังคมเทียบเท่าคนในเมืองด้วยซ้ำ
เขาเป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่า ชนกลุ่มน้อยที่มีชาติพันธุ์หลากหลายเหล่านี้ความจริงแล้วมีพรสวรรค์ซ่อนอยู่มากมาย และสามารถพัฒนากลายเป็นบุคลากรที่มีค่าของประเทศได้เหมือนกัน เพียงแต่พวกเขาขาดแคลนโอกาสที่จะเข้าถึงการเรียนรู้เท่านั้นเอง
1
ตอนนี้ชีวิตโดยรวมของดิอาซมีความสุขทุกอย่าง เขาร่ำรวยเงินทอง ยิ่งถ้าย้ายไปลิเวอร์พูล จะได้ค่าเหนื่อยเพิ่มเป็น 56,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อาจไม่เยอะเท่าสตาร์ดังตัวอื่น แต่ก็มากพอจะอยู่ได้อย่างสบาย
ชื่อเสียงก็โด่งดังแล้ว ใครๆก็รู้จัก ได้ติดทีมชาติโคลอมเบียชุดใหญ่ และที่สำคัญได้เป็นขวัญใจชนกลุ่มน้อยทั่วโลก เป็นตัวแทนของความหวังของคนไร้โอกาส
ขณะที่ชีวิตส่วนตัว เขาแต่งงานกับแฟนสาวชื่อ เจอร์รัลดีน ปอนซ์ ที่คบกันมา 5 ปี ตั้งแต่เล่นให้ลีกรอง คือสร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยกัน ปัจจุบันมีลูกสาว 1 คน อายุ 2 เดือนเศษ ชื่อว่าน้องโรม่า
1
เอาล่ะ ในเมื่อความฝันทุกสเต็ปเป็นจริงหมดแล้ว ดิอาซก็เหลือเพียงแค่ทะยานไปสู่เป้าหมายที่สูงขึ้นอีก นั่นคือการเป็นยอดนักเตะแห่งยุคให้ได้ ดังนั้นการย้ายไปอยู่ลีกระดับสูงสุด อย่างพรีเมียร์ลีกจึงเป็นเรื่องจำเป็น
ถ้าหากลิเวอร์พูลปิดดีลสำเร็จอย่างที่ควรจะเป็น จากนี้ไปก็อยู่ที่เจอร์เก้น คล็อปป์แล้ว ว่าจะดึงเอาศักยภาพของดิอาซออกมาได้หรือไม่ เช่นเดียวกับดิอาซ ก็น่าสนใจว่าเขาจะรับมือได้ไหม เมื่อต้องเจอคุณภาพคู่แข่งที่ดีที่สุดวีกต่อวีก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่มั่นใจได้เลยคือ ดิอาซจะไม่กลัวทุกอย่างที่อยู่ข้างหน้าแน่ๆ
เพราะเขาเริ่มต้นจากการเป็นชนกลุ่มน้อยที่ชีวิตลำบากกว่านี้มาก แค่ปัญหาการปรับตัวเข้ากับทีมใหม่และลีกใหม่ เขาย่อมผ่านมันไปได้อยู่แล้ว
1
#withhopeinyourheart
โฆษณา