น้ำมันรั่วกลางแอมะซอน - เคราะห์ซ้ำกรรมซัดซ้ำซากของคน ป่า สัตว์ป่า กลางปอดโลก
28 มกราคม ขณะที่เรากำลังลุ้นว่าคราบน้ำมันที่รั่วกลางทะเลมาบตาพุดจะขยายตัวเป็นวงกว้างมากแค่ไหน.. ไกลออกไปกลางผืนป่าแอมะซอนในประเทศเอกวาดอร์
หินก้อนใหญ่ก้อนหนึ่งได้ตกลงมาใส่ท่อส่งน้ำมันของบริษัท OCP Ecuador
คลิปวีดีโอบนทวิตเตอร์ของสมาพันธ์ชนพื้นเมืองเอกวาดอร์ (CONAIE) แสดงเห็นน้ำมันจำนวนมากกำลังพุ่งออกมาจากท่อ เลอะเปรอะใบไม้สีเขียวจนกลายเป็นฉากดำทมึน
หลังเหตุการณ์ผ่านมาสองวัน มีรายงานว่าคราบน้ำมันได้ไหลมาถึงริมฝั่งแม่น้ำโคคา - ลำน้ำสายหลักที่หล่อเลี้ยงชนพื้นเมืองกว่า 60,000 ชีวิต
ยังไม่นับรวมถึงความเสียหายต่อระบบนิเวศของผืนป่า ไปจนถึงที่ดินทำกินของชนพื้นเมือง ซึ่งยังไม่ถูกประเมินมูลค่าในเวลานี้
ทางบริษัทเจ้าของท่อส่งน้ำมันก็ได้ออกมาแถลงข่าว ‘ยืนยัน’ ว่า การรั่วหนนี้ ไม่กระทบต่อแหล่งน้ำโดยตรง ซึ่งก็ยังไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงแต่อย่างใด
ทั้งนี้ทั้งนั้น เหตุการณ์ท่อส่งน้ำมันรั่วหรือแตกกลางผืนป่าแอมะซอนในเอกวาดอร์ ถือเป็นทุกข์ซ้ำซากของผู้อยู่อาศัยละแวกใกล้เคียง (ที่อยู่มาก่อนการสร้างแท่นขุดเจาะ) ตลอดจนระบบนิเวศผืนป่า สัตว์ป่า
ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคม 2021 เพิ่งเกิดเหตุท่อแตกจนต้องหยุดจ่ายน้ำมันไปหมาดๆ
ไม่รวมเหตุการณ์ในอดีตไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง นับตั้งแต่การขุดเจาะน้ำมันกลางผืนป่าที่ถูกขนานนามว่าปอดของโลกเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 1960
กลางอุทยานแห่งชาติยาซูนี ผืนป่าแอมะซอน มีการค้นพบว่าลึกลงไปใต้ดินมีน้ำมันดิบนอนนิ่งอยู่ไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาร์เรล
เมื่อคำนวนเป็นตัวเลขของเงินตรา มันหมายถึงความมั่งคั่งของประเทศ
รัฐบาลเอกวาดอร์จึงตัดสินใจขายขายสิทธิการสำรวจน้ำมันในและรอบๆ อุทยานแห่งชาติยาซูนี ให้กับกลุ่มบริษัทน้ำมันของจีน รวมถึงบริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อีกหลายแห่ง
แม้ว่าจะมีการต่อต้านอย่างรุนแรงจากกลุ่มชนพื้นเมืองและนักสิ่งแวดล้อมมาตั้งแต่ต้นก็ตาม
และได้นำมาซึ่งเหตุอันตรายซ้ำซาก ทั้งมลพิษจากขั้นตอนต่างๆ จนมาถึงเหตุท่อส่งน้ำมันแตก ซึ่งเป็นภัยที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
สาเหตุที่ทำให้ท่อส่งน้ำมันดิบ ที่ถูกสูบขึ้นมาจากใต้ผืนป่าประมาณ 450,000 บาร์เรล ต่อวัน เกิดการรั่วสู่สิ่งแวดล้อม ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เนื่องจากบริเวณรอบๆ เป็นพื้นที่เปราะบางของภูมิประเทศ อยู่ในเขตภูเขาไฟที่ยังไม่ดับและพื้นที่เสี่ยงการเกิดแผ่นดินไหว
ทำให้มักเกิดการกัดเซาะตลิ่งหรือดินโคลนถล่มกระทบต่อส่งน้ำมันอยู่เสมอๆ
ขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงพื้นที่ด้วยการยกอุตสาหกรรมการขุดเจาะน้ำมันเข้ามาไว้กลางป่า รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานอย่างถนน (เพื่อเข้าถึงน้ำมัน) ก็ยิ่งทำให้ภูมิประเทศที่เปราะบางอยู่แล้วยิ่งบอบช้ำไปมากยิ่งขึ้น
นั่นหมายความว่าการขนถ่ายน้ำมันในภูมิภาค ถือเป็นเรื่องที่ตั้งอยู่บนความเสี่ยงอย่างเลี่ยงไม่ได้
และมีหลักฐานชัดจากเหตุการณ์ที่เกิดซ้ำซาก ไม่ว่าจะจากบริษัทขนาดใหญ่หรือเล็ก หรือเป็นท่อส่งน้ำมันของรัฐหรือเอกชนก็ตาม
โดยเหตุท่อส่งน้ำมันรั่วที่เกิดซ้ำซาก ทำให้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ชนพื้นเมืองในป่าแอมะซอนต้องอยู่อย่างยากลำบาก เนื่องจากแหล่งน้ำที่ดินทำกินปนเปื้อนไปด้วยสารพิษ ไม่สามารถดื่มกินหรือเพาะปลูกผลผลิตได้
ทั้งยังเกิดเคราะห์ซ้ำกรรมชัด มีการระบาดของโควิด-19 ก็ยิ่งทำให้การช่วยเหลือชนพื้นเมืองเป็นไปด้วยความยากลำบาก
แต่หากย้อนไปไกลกว่านั้น ในช่วงเวลากว่าห้าทศวรรษชนพื้นเมืองที่อยู่อย่างแข็งแรงมาโดยตลอดก็กลายเป็นคนเจ็บออดแอด พบผู้ป่วยมะเร็ง แท้งลูก บางคนมีร่างกายไม่สมประกอบเกิดขึ้นหลายพันกรณี
ที่ผ่านมามีการฟ้องร้องเกิดขึ้นหลายครั้ง ซึ่งในบันทึกหนึ่งเรื่องนี้ก็ได้กลายเป็นคดีประวัติศาสตร์ในปี 2019
เมื่อศาลจังหวัดปาสตาซ่า (Pastaza) ของเอกวาดอร์ตัดสินให้ชาวพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในป่าแอมะซอนอย่างชนเผ่าวาโอรานีชนะคดีพิพาทระหว่างชาวพื้นเมืองวาโอรานี่ กับรัฐบาลเอกวาดอร์และกลุ่มทุนขุดเจาะน้ำมันที่ต้องการบุกรุกพื้นที่ป่า
โดยศาลระบุว่าชาวพื้นเมืองวาโอรานี่มีสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของเอกวาดอร์ในการครอบครองที่ดินที่อาศัยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ และรัฐจะต้องคุ้มครองโดยไม่มีข้อแม้
อย่างไรก็ตามในทางปฏิบัติพบว่า ชนพื้นเมืองก็ยังต้องอยู่ตามยถากรรม เผชิญกับพิษจากน้ำมันไม่ต่างจากอดีต
และมันจะเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ หากว่าการขุดเจาะน้ำมันกลางป่าแอมะซอนยังคงดำเนินต่อไป…
#IsLIFE #Amazon #OilSpill
อ้างอิง
Reuters : https://reut.rs/3GeCs2k
Thomson Reuters Foundation : https://tmsnrt.rs/3INhnOn
NBC News : https://nbcnews.to/3GhAiPA
Photo : Caroline Bennett
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
