ใครจะเชื่อว่าจากคนที่เจ็บหนัก จนคิดว่าตัวเองอาจจะต้องแขวนแร็กเก็ต จะหักปากกาเซียน กลายเป็นนักเทนนิสชายที่ได้แชมป์แกรนด์สแลมมากที่สุดตลอดกาล วิเคราะห์บอลจริงจังจะสรุปชัยชนะในครั้งนี้อย่างเข้าใจง่าย
ก่อนที่เราจะไปพูดถึงเรื่องการสร้างประวัติศาสตร์ของราฟาเอล นาดาล แน่นอนว่า คนที่ดูเทนนิสย่อมรู้จักคำว่า "Big Three" เป็นอย่างดี
Big Three หมายถึงผู้เล่นสามคนประกอบด้วย โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ (สวิตเซอร์แลนด์), ราฟาเอล นาดาล (สเปน) และ โนวัค ยอโควิช (เซอร์เบีย)
นี่คือ 3 ผู้เล่นที่ขับเคี่ยวกันมายาวนาน และผลัดกันครองความยิ่งใหญ่ในโลกเทนนิส
หากนับตั้งแต่ปี 2003 จนถึงสิ้นปี 2021 เป็นเวลารวม 18 ปี มีแกรนด์แสลมให้ลงเล่นทั้งหมด 75 รายการ ผู้เล่น 3 คนนี้กวาดแชมป์ไปแล้ว 60 รายการ ส่วนนักเทนนิสคนที่เหลือทั้งหมด ได้แชมป์กันรวม 15 รายการ หรือว่าง่ายๆ Big Three คว้าแชมป์ไปถึง 80%
ทั้ง 3 คนได้แชมป์คนละ 20 รายการเท่ากัน อยู่จุดสูงสุดในระดับเดียวกัน ดังนั้นแรงผลักดันของพวกเขา คือการไปถึงแชมป์ที่ 21 ให้ได้เป็นคนแรก
อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนจำนวนมากเชื่อว่า คนเดียวที่มีโอกาสทำได้คือโนวัค ยอโควิช เพราะอายุน้อยสุด และมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ที่สุดในสามคนนี้
โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อายุ 40 ปีแล้ว พละกำลังลดลง อาการเจ็บรุมเร้า และมีข่าวอยู่เรื่อยๆ ว่าเตรียมรีไทร์ ขณะที่ราฟาเอล นาดาล อายุ 35 ปี มีปัญหาอาการบาดเจ็บเรื้อรังบริเวณฝ่าเท้า สภาพร่างกายรวมๆ ก็ย่ำแย่เช่นกัน
ในเคสของนาดาล เขาฝืนอาการบาดเจ็บที่แผ่นหลังและฝ่าเท้ามาตลอดตั้งแต่ต้นปี 2021 ก่อนจะทุ่มเทพลังทั้งหมดในรายการที่เขาถนัดที่สุดคือเฟรนช์ โอเพ่น คือถ้าจะหวังเป็นแชมป์แกรนด์สแลมสมัยที่ 21 เขาก็ต้องเน้นเอาที่เฟรนช์ โอเพ่นนี่ล่ะ แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ แพ้ยอโควิชไปในรอบรองชนะเลิศ
สิ่งที่แลกมากับการฝืนลงสนาม คืออาการบาดเจ็บที่กำเริบหนักกว่าเดิม จนเขาต้องถอนตัวจาก 2 รายการสำคัญ คือวิมเบิลดัน และโอลิมปิกเกมส์ที่โตเกียว จากนั้นนาดาลเร่งทำกายภาพบำบัด เพื่อกลับมาแข่งยูเอสโอเพ่นซีรีส์ให้ได้
นาดาลกลับมาแข่งในรายการซิตี้ โอเพ่นที่วอชิงตันดีซี ซึ่งเป็นรายการอุ่นเครื่องก่อนยูเอสโอเพ่น แต่มันเป็นการคัมแบ็กที่เร็วเกินไป สุดท้ายมาเจ็บหนักอีก จนต้องถอนตัวจากยูเอส โอเพ่นไปอีกรายการ
คือด้วยอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นในรอบหลัง อย่าว่าแต่แกรนด์สแลมสมัยที่ 21 เลย แค่จะกลับมาเล่นเทนนิสได้อีกหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
นาดาลให้สัมภาษณ์แบบรับสภาพไปแล้วว่า "คุณหมอหลายคนยืนยันว่าโอกาสในการเล่นเทนนิสต่อของผมมันยากลำบากมาก แต่ด้วยความสัตย์จริง แค่นี้ผมก็มีชีวิตที่สวยงามเกินกว่าจะฝันถึงแล้วนะ"
นาดาลกลับบ้านที่มาร์ยอก้า และเริ่มทำกายภาพบำบัด เขาบอกว่า "ผมไม่รู้ว่าตัวเองจะเล่นได้อีกไหม แต่ผมจะพยายามทำกายภาพบำบัดอย่างตั้งใจ ตามแผนที่วางไว้อย่างรอบคอบ"
จากนั้นนาดาลก็มีลงรูปในอินสตาแกรมบ้าง เป็นภาพเขาใช้ไม้ค้ำยันช่วยเดิน ทำให้แฟนๆ เทนนิสก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าเขาจะกลับมาเล่นเทนนิสได้ในระดับสุดยอดอีกได้อย่างไร
คือคิดง่ายๆ ว่าถ้าต้องมาเจอยอโควิช หรือเด็กรุ่นใหม่อย่างดานิล เมดเวเดฟ ด้วยสภาพร่างกายแบบนั้น อายุแบบนั้น ไม่เห็นเหลี่ยมเลยที่จะเอาชนะได้
ปี 2021 สิ้นสุดลง ยอโควิชคว้าแชมป์ 3 จาก 4 แกรนด์แสลม ทำให้ขึ้นมาตีเสมอเฟเดอเรอร์ และนาดาล ที่ 20 รายการ ดังนั้นในศึกออสเตรเลียน โอเพ่น ปี 2022 ถ้าเขาเป็นแชมป์ ก็จะกลายเป็นผู้นำเดี่ยวๆ ทันที และจะพูดได้เลยว่า ตัวเองเป็น G.O.A.T. (Greatest Of All Time) ในวงการเทนนิส
คู่แข่งของยอโควิชที่แย่งชิงเป็น G.O.A.T. ว่ากันตรงๆ ก็ไม่ได้ต้องระวังอะไรมาก เฟเดอเรอร์เจ็บเข่าถอนตัวออกไปก่อนเพื่อน
ส่วนนาดาลมาฟื้นฟูร่างกายได้ในโค้งสุดท้าย และคอนเฟิร์มว่าจะลงแข่งออสเตรเลียน โอเพ่น 2022 ด้วย แต่เจ้าตัวก็บอกว่า นี่เป็นรายการที่เขาจะเช็กสภาพร่างกายเฉยๆ ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษ
นาดาลกลับมาลงสนามจริงๆ ครั้งแรกในช่วงกลางเดือนธันวาคม ลงแข่งเทนนิสกระชับมิตรที่อาบูดาบี แต่ก็แพ้คู่แข่งทุกนัดแบบสู้ไม่ได้ โดยรอยเตอร์ใช้คำว่า Rusty Nadal (นาดาลขึ้นสนิม) บอกให้เห็นถึงฟอร์มที่ยังตื้อตันอยู่มาก
จากนั้นพอกลับมาจากอาบูดาบี นาดาลพบว่าตัวเองติดเชื้อโควิด ถ้าหายไม่ทันก็อาจต้องถอนตัวจากออสเตรเลียน โอเพ่น คือเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม โชคยังดีที่เขาหายจากโควิดในช่วงเวลา 7 วันเท่านั้น จึงมีสภาพร่างกายสมบูรณ์พอที่จะไปออสเตรเลียได้ ดังนั้นช่วงปลายเดือนธันวาคม นาดาลจึงบินไปเมลเบิร์นทันที เพื่อสร้างความคุ้นเคยกับบรรยากาศ และไทม์ไซน
ในวันที่ 31 ธันวาคม 2021 เขาทวีตว่า "อย่าบอกใครล่ะ ผมมาถึงแล้ว" พร้อมลงรูปว่าตัวเองอยู่ที่ออสเตรเลียแล้วเรียบร้อย อย่างไรก็ตาม ณ เวลานั้น ผู้คนไม่ได้สนใจนาดาลมาก ก็รู้สึกแค่ อ้าว นาดาลมาแล้วหรอ มาตอนไหนเนี่ยะ คือไม่ได้เป็นข่าวครึกโครมอะไร
สาเหตุเพราะแสงสปอตไลท์ จับจ้องมาที่ โนวัค ยอโควิช ในฐานะเต็ง 1 ของรายการ ที่แม้จะอายุเยอะขึ้น (34 ปี) แต่ก็ยังมีสภาพร่างกายที่สมบูรณ์มาก ผู้คนเชื่อว่ายอโควิชไม่พลาดที่ออสเตรเลียน โอเพ่นแน่ๆ เพราะมันเป็นรายการที่เขาถนัดที่สุด คว้าแชมป์มาแล้ว 9 ครั้ง ไม่มีเหตุผลอะไร ที่จะคว้าแชมป์ครั้งที่ 10 ไม่ได้
แม้คนจะไม่ได้จับตามอง แต่นาดาลก็ทำงานของตัวเองไปอย่างเงียบๆ เขาลงเล่นรายการอุ่นเครื่อง เมลเบิร์น ซัมเมอร์เซ็ต ระดับ ATP 250 สามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้เป็นประเด็นอะไรนัก เพราะเป็นรายการเล็กๆ โดยทุกอย่างจะไปวัดกันในของจริง คือออสเตรเลียน โอเพ่น ที่จะเริ่มแข่งวันที่ 17 มกราคม 2022
ข่าวดีของนาดาล คือยอโควิช ถูกเพิกถอนวีซ่าเข้าออสเตรเลีย หลังจากมีปัญหาเรื่องไม่ฉีดวัคซีน ดังนั้นเขาจึงตัดศัตรูตัวฉกาจไปหนึ่งคน แต่สำนักพนันถูกกฎหมาย ก็ยังยกให้นาดาลเป็นแค่เต็ง 3 อยู่ดี โดยอัตราต่อรองนั้นอยู่ห่างจากเต็งหนึ่ง ดานิล เมดเวเดฟ จากรัสเซียแบบลิบลับ
เมดเวเดฟ แทง 1 ได้ 1.5 ส่วนนาดาลแทง 1 ได้ 8 คือคนมองว่าเมดเวเดฟกำลังมั่นใจหลังได้แชมป์ยูเอส โอเพ่น แถมอายุก็ 25 ปี ร่างกายสมบูรณ์ทุกอย่าง ตรงข้ามกับนาดาลที่เพิ่งหายเจ็บและมีอายุเยอะแล้ว คืออาจดูดีกว่าหลายคน แต่ยังดูเป็นรองเมดเวเดฟพอสมควรถ้าต้องเจอกันจริงๆ
ทัวร์นาเมนต์เริ่มต้นขึ้น นาดาลนั้นจังหวะเป็นใจ เนื่องจากเจอคู่แข่งที่ไม่หนักหนาเกินไป รอบแรกเจอมาร์กอส จีรอน มืออันดับ 66 ของโลก รอบ 2 เจอยานนิค ฮันฟ์แมน มือควอลิฟาย อันดับ 136 ของโลก
รอบ 3 เจอคาเร็น คาชานอฟ อันดับ 28 ของโลกที่นาดาลเคยเล่นด้วย 7 ครั้ง ชนะรวด 100% และรอบ 4 เจออาดริยอง ม็องนาริโน่ อันดับ 58 ของโลกที่นาดาลก็ไม่เคยแพ้เลยเช่นกัน
เมื่อโปรแกรมเข้าทางแบบนี้ ทำให้นาดาลเอาชนะมาได้เรื่อยๆ แบบไม่บอบช้ำนัก จะมีเซ็ตแรกของรอบ 4 ที่เจอม็องนาริโน่ อาจเหนื่อยนิดหน่อย เพราะนาดาลเอาชนะ 7-6 ไทเบรก 16-14 ใช้เวลาแค่ช่วงไทเบรก 28 นาที 40 วินาที ยาวนานที่สุดตั้งแต่นาดาลเคยเล่นมา แต่เซ็ตที่เหลือจากนั้นก็สบายๆ ไม่มีปัญหาอะไร
เข้าถึงรอบ 8 คนสุดท้าย นาดาลก็ยังดวงค่อนข้างดีอีก เมื่อไปเจอเด็กหนุ่มจอมสด เดนิส ชาโปวาลอฟ จากแคนาดา ที่พลิกล็อกเอาชนะอเล็กซานเดอร์ ซเวเรฟมาได้
คือโอเค เจอชาโปวาลอฟไม่ง่ายแน่ แต่เจอซเวเรฟน่าจะลำบากกว่า เพราะ 4 เกมหลังสุดที่เจอกัน นาดาลแพ้ซเวเรฟไปถึง 3 แมตช์ เป็นคู่ต่อสู้ที่นาดาลไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
พอเจอกับชาโปวาลอฟจริงๆ กลับเป็นงานที่สาหัสสุดๆ ชาโปวาลอฟเล่นดีมาก ขณะที่นาดาลเห็นได้ชัดว่ามีปัญหาการเคลื่อนที่ เขาวิ่งช้าลง กว่าจะปิดเกมเสิร์ฟของตัวเองได้ก็แสนสาหัส โดยภายหลังนาดาลอธิบายว่า เขาเจออาการฮีทสโตรกเล่นงานอย่างหนัก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่นาดาลมีคือความเขี้ยว ความเก๋าในสนาม ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือไม่ แต่มันสร้างความปั่นป่วนให้ชาโปวาลอฟได้อย่างชัดเจน
นาดาลดึงเวลาในการเสิร์ฟให้ช้า แต่อัมไพร์ไม่เตือนไม่ว่าอะไร หลายคนมองว่าเป็นเพราะ "Status" ของนาดาล จึงมีบารมีบางอย่างที่กรรมการเกรงใจ เมื่อโดนดึงช้า ชาโปวาลอฟเดินไปหาอัมไพร์แล้วบอกว่า "คุณต้องเตือนเขาที่ทำแบบนั้น" แต่กรรมการไม่ยอมเตือน คราวนี้ชาโปวาลอฟไปด่ากรรมการว่า "พวกแกทั้งหมดมันขี้โกง รวมหัวกันโกง"
จากนั้นเล่นไปอีกสักพัก นาดาลดึงช้าอีก ชาโปวาลอฟ หันไปหากรรมการจ้องหน้าเขม็ง จนกรรมการต้องสวนขึ้นมาว่า "แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง" กลายเป็นว่าสมาธิของชาโปวาลอฟไปจดจ่ออยู่ที่กรรมการหมดแล้ว ซึ่งจุดนี้เอง ทำให้นาดาลดึงความได้เปรียบออกมา เขามีสมาธิในเกมมากกว่า แม้จะเล่นไม่ดีมากก็ตาม สุดท้ายนาดาลเอาชนะได้ 3-2 เซ็ต
นาดาลลงเล่นรอบรองชนะเลิศ เจอกับมัตเตโอ เบอร์เรตตินี่ จากอิตาลี ด้วยร่างกายที่อ่อนแอมาก โค้ชคาร์ลอส โมย่าบอกว่าน้ำหนักของนาดาลลดลงไปถึง 4 กิโลกรัม อย่างไรก็ตาม สมาธิเขากลับเฉียบคมขึ้นยิ่งกว่ารอบที่แล้ว นาดาลปิดเกมได้เร็ว เอาชนะ 3-1 เซ็ต
และเมื่อเกมจบนาดาลถึงกับหลั่งน้ำตากลางคอร์ท เขาบอกว่า "1 เดือนครึ่งที่แล้ว ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองจะเล่นเทนนิสได้อีกไหม และจริงๆ ที่ผมลงเล่นออสเตรเลียน โอเพ่นในครั้งนี้ เพราะคิดว่าจะเป็นโอกาสที่จะได้อำลาทุกคน ดังนั้นการที่ผมมาอยู่จุดนี้ได้ สามารถเข้าชิงได้ ผมไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดใดๆ ออกมาได้เลยจริงๆ"
นาดาลเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ไปเจอเต็ง 1 ของรายการนั่นคือ ดานิล เมดเวเดฟ จากรัสเซีย เจ้าของแชมป์ยูเอส โอเพ่นคนล่าสุด นี่เป็นผู้เล่นที่เหนียวแน่น เป็นสายรับที่ยอดเยี่ยมที่สุดในทัวร์ และนี่เป็นการเข้าชิงออสเตรเลียน โอเพ่น ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 ของเมดเวเดฟ ปีที่แล้วเขาพลาดท่าแพ้ยอโควิช ปีนี้เขาไม่อยากซ้ำรอยเดิม
นาดาล vs เมดเวเดฟ เป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ เมดเวเดฟมีพลังมากกว่า ยังหนุ่มแน่นกว่า และอยู่ในฟอร์มที่ดี ส่วนนาดาลก็มีข้อได้เปรียบบางอย่าง เช่นประสบการณ์เยอะกว่า และที่สำคัญคือเขามีกองเชียร์ในสนามที่มากกว่า
ทำไมนาดาลมีกองเชียร์เยอะ? สาเหตุแรกคือคนออสเตรเลียตอนนี้ไม่ชอบหน้ายอโควิชเป็นอย่างมากจากเคสวัคซีน ดังนั้นจึงไม่อยากให้ยอโควิชเป็น G.O.A.T. ได้แชมป์แกรนด์แสลมมากที่สุด เมื่อเห็นนาดาลเข้าชิง หลายคนจึงเอาใจช่วยให้นาดาลไปถึงแชมป์สมัยที่ 21 ให้ได้ตัดหน้ายอโควิชไปก่อน
ในขณะเดียวกัน คนออสเตรเลียก็หมั่นไส้เมดเวเดฟด้วย เพราะย้อนกลับไปในรอบ 2 แมตช์ที่เมดเวเดฟ เอาชนะนิค คีร์กอส มาได้ ด้วยความที่คีร์กอสเป็นคนออสเตรเลีย ก็จะมีกองเชียร์เยอะ หลายครั้งกองเชียร์ก็ตะโกนเสียงดังจนไปรบกวนจังหวะของเมดเวเดฟ นั่นทำให้หลังจบเกมเมดเวเดฟด่ากองเชียร์ว่า "ไอคิวต่ำ"
จากนั้นในรอบรองชนะเลิศ เขาลงเล่นเจอสเตฟานอส ซิตซิปาส จากกรีซ โดยซิตซิปาสจะมีคุณพ่อทำหน้าที่เป็นโค้ชด้วย ซึ่งทั้งคู่ก็จะให้คำแนะนำกันเรื่อยๆ ระหว่างแข่งขัน มันทำให้เมดเวเดฟโมโหแล้วไปด่ากรรมการว่า "แกบ้าหรือเปล่า แกบ้าหรือเปล่า พ่อของเขาจะมาสอนกันทุกแต้มเลยเรอะ แกโง่หรือเปล่า แกปล่อยให้พ่อของเขามาสอนทุกแต้มได้ยังไง แกเป็นกรรมการในรอบรองได้ไง ทำไมห่วยอย่างงี้"
ภาพลักษณ์ของเมดเวเดฟ ก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ยิ่งบวกกับแฟนๆ เอาใจช่วยนาดาลด้วย มันเลยกลายเป็นว่า สองแรงผสมกัน นาดาลได้ภาพลักษณ์ฮีโร่ ส่วนเมดเวเดฟได้ภาพลักษณ์ตัวโกง แม้แต่เลย์ตัน ฮิววิตต์ ที่ผันตัวมาเป็นผู้บรรยายเทนนิสก็ยังแซวตอนเมดเวเดฟเดินลงสู่สนามว่า "ตัวโกงของเรา คนที่พร้อมจะทำลายปาร์ตี้มาถึงแล้ว"
เริ่มเกมมา 2 เซ็ตแรก เมดเวเดฟแทบไม่พลาดเลย เขาเอาชนะนาดาลสบายๆ 6-2 มาเซ็ตสองนาดาลได้เซ็ตพอยต์ ที่ตัวเองเป็นคนเสิร์ฟด้วยแต่เมดเวเดฟก็ไม่พลาดอยู่ดี เซฟเซ็ตพอยต์ได้ แล้วพลิกกลับมาชนะ 7-6 ขึ้นนำ 2-0 เซ็ต
ถึงตรงนี้เมดเวเดฟไม่พลาดเลย ดูทรงแล้วน่าจะม้วนเดียวจบ 3 เซ็ตรวดแบบที่ยูเอส โอเพ่น 2021 แน่ๆ อย่างไรก็ตาม นาดาลไม่ถอดใจเขาขอสู้ต่อ เช่นเดียวกับแฟนๆ ที่โห่ใส่เมดเวเดฟหนักขึ้นเพื่อกดดันทุกจังหวะให้เล่นพลาด
แฟนๆ เองก็รู้ดีว่า นี่อาจเป็นการเข้าชิงแกรนด์แสลมครั้งสุดท้ายของนาดาลแล้วก็ได้ ถ้าไม่ได้แชมป์วันนี้ โอกาสอาจจะหมดไป ดังนั้นจึงส่งใจเชียร์เต็มที่ แม้หลายๆ ทีจะเป็นการเสียมารยาทใส่เมดเวเดฟก็ตาม
ในเพลย์หนึ่งขณะที่เมดเวเดฟกำลังเสิร์ฟ แฟนๆ ตะโกนขึ้นมาก่อกวน จนอัมไพร์ต้องเตือนออกไมค์ว่า ถ้าหากทำมารยาทแบบนี้อีก จะให้รปภ. เอาตัวออกไปนอกสนามเลย คือตอนนี้เมดเวเดฟไม่ได้สู้กับนาดาลแค่คนเดียว แต่เขาต้องสู้กับทั้งสนาม
นาดาลรวมสติและค่อยๆ คัมแบ็กกลับมาได้ เริ่มจากชนะเซ็ต 3 ด้วยสกอร์ 6-4 จากนั้นชนะเซ็ต 4 ด้วยสกอร์ 6-4 อีกครั้ง ตีเสมอเป็น 2-2 จนได้ เกมต้องไปวัดกันในเซ็ตที่ 5
เวลาแข่งขันทะลุ 5 ชั่วโมงไปเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เห็นคือ เมดเวเดฟ มีอาการอ่อนล้ามาก ลูกที่เคยทำได้ง่ายๆ ก็ทำไม่ได้ ในเซ็ตสุดท้ายเขารีเทิร์นเสิร์ฟได้แค่ 60% เท่านั้น สถานการณ์จึงพลิกกลับเป็นนาดาลที่ได้เปรียบ
จะว่าไปแล้ว ก็เป็นเรื่องที่น่าแปลก เพราะนาดาลอายุ 35 แล้ว เขาอายุมากกว่าเมดเวเดฟ 10 ปี แต่สามารถยืนระยะได้ดีกว่าในช่วงโค้งสุดท้าย โดยนักวิเคราะห์ชี้ว่า เมดเวเดฟใช้พลังไปเยอะมากแล้ว ตั้งแต่เกมรอบ 8 คนสุดท้าย ที่เขาเอาชนะเฟลิกซ์ ออเชร์-อาเลียสซิเม่ 3-2 เซ็ต ใช้เวลาไป 4 ชั่วโมง 42 นาที นั่นคือแมตช์ที่ใช้เวลาแข่งยาวนานที่สุดในชีวิตแล้ว ตามด้วยมาเจอซิตซิปาสในรอบรองก็เหนื่อยมาก
ดังนั้นเมื่อต้องมาเล่นเกมความยาว 5 ชั่วโมงอีกรอบ มันจึงทะลุขีดจำกัดของเขาไปแล้ว
นาดาลขึ้นแท่น 5-4 และออกมาเสิร์ฟเพื่อปิดเกม นาดาลนำ 30-0 แต่จบเกมไม่ได้โดนเบรกคืนเป็น 5-5 ต้องยื้อกันต่ออีก
เมดเวเดฟพยายามเต็มที่แล้ว เขาเองก็ฮึดสุดใจเหมือนกัน แต่ในจังหวะชี้เป็นชี้ตายเขาเลือกเพลย์ผิดพลาด ลูกควรตีโฟร์แฮนด์เต็มแรงก็เลือกหยอด บางลูกก็ทำอันฟอร์ซเออเรอร์ง่ายๆ สุดท้ายโดนเบรกอีกครั้ง นาดาลขึ้นนำ 6-5
และสุดท้ายนาดาลออกมาเสิร์ฟเพื่อปิดแมตช์ ก่อนจะทำ 4 แต้มรวดเดียว เอาชนะไปอย่างเด็ดขาด 7-5
รวม 5 เซ็ตนาดาลชนะ 3-2 ได้แชมป์ออสเตรเลียน โอเพ่นไปครอง ท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่นร็อด เลเวอร์ อารีน่า
การเป็นแชมป์ก็ว่ายอดเยี่ยมแล้ว แต่การคัมแบ็กในการเจอคู่ปรับที่ดูจะแกร่งกว่าเป็นสิ่งที่น่าทึ่งมากไม่แพ้กัน ตามสถิติระบุว่าครั้งสุดท้ายที่นาดาลโดนคู่แข่งนำ 2-0 แล้วพลิกกลับมาชนะได้ ต้องย้อนกลับไปในปี 2007 หรือเมื่อ 15 ปีที่แล้ว
ปกติแล้วถ้าโดนนำ 2-0 เป็นที่รู้กันว่า นาดาลไม่เคยพลิกชนะ แต่คราวนี้เขารวบรวมพลังใจทั้งหมด และก้าวผ่านขีดจำกัดของตัวเองได้สำเร็จ
เมื่อได้แชมป์นี้ ก็แปลว่าเขาสร้างประวัติศาสตร์ เป็นนักเทนนิสชายคนแรกของโลกที่ได้แชมป์แกรนด์สแลม 21 สมัย คือใครจะไปคิด ว่าคนที่ถึงเลข 21 คนแรกจะไม่ใช่ยอโควิช นาดาลมาเงียบๆ แล้วหักปากกาเซียนทั้งหมดก่อนจะไปถึงเป้าหมายได้อย่างน่าประทับใจ
มาร์ก้า สื่อสเปนบอกว่านอกจากจะภูมิใจที่ได้ 21 แชมป์แล้ว ยังสามารถไปโต้กับแฟนของยอโควิชได้ด้วยว่า ตอนนี้นาดาลก็ได้ทุกแกรนด์แสลมอย่างน้อย 2 ครั้ง เหมือนยอโควิชแล้ว (ออสเตรเลียน โอเพ่น 2 ครั้ง, เฟรนช์ โอเพ่น 13 ครั้ง, วิมเบิลดัน 2 ครั้ง, ยูเอส โอเพ่น 4 ครั้ง)
เมื่อนาดาลได้แชมป์ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ คู่ปรับตลอดกาล ออกมาแสดงความยินดีว่า "เมื่อสัก 2-3 เดือนก่อน เรายังพูดเล่นกันอยู่เลยว่าตอนนี้เราทั้งคู่สภาพเละเทะสุดๆ คุณไม่สามารถประเมินชายคนนี้ได้ต่ำเกินไปจริงๆ และผมดีใจมากที่ได้มีช่วงเวลาแห่งยุคสมัยร่วมกับคุณ"
สำหรับดราม่าของเรื่องนี้อยู่ที่เมื่อนาดาลได้แชมป์แล้ว แฟนๆ นาดาลก็ตั้งให้เลยว่านาดาลเป็น G.O.A.T. เพราะได้แชมป์แกรนด์แสลมมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม มีหลายคนทั้งแฟนของยอโควิช และสื่อมวลชนก็มาตอบโต้ว่า นาดาลได้แชมป์เพราะยอโควิชไม่ได้แข่ง ถามว่าจะอวดอ้างตัวเองว่าเป็น G.O.A.T. ได้ยังไง
ฮิวจ์ ออสมอนด์ นักข่าวจากเทเลกราฟ เขียนว่า "เสียใจที่ต้องพูดนะ แต่ถ้ายอโควิชลงเล่นในรายการนี้ด้วย ไม่มีใครคิดว่านาดาลจะได้แชมป์หรอก และนาดาลก็ไม่ใช่นักเทนนิสที่ดีที่สุด เขาเป็นเพียงแค่นักเทนนิสที่ดีที่สุดในบรรดาคนฉีดวัคซีน"
แต่ก็มีคนตอบโต้กลับไปว่า ตรรกะแบบนี้มันเพี้ยน ทำไมคนเราจะภูมิใจกับความสำเร็จไม่ได้ แล้วยอโควิชมาแข่งก็ไม่ได้การันตีว่าจะชนะเสียหน่อย การให้เครดิตกับคนชนะบ้าง มันไม่เห็นจะเสียหายตรงไหน
ในโลกออนไลน์ก็โต้เถียงกันไป แต่สำหรับตัวนาดาลเอง สิ่งที่เขาภาคภูมิใจที่สุด คือการเอาชนะใจตัวเองได้ เพราะถ้าย้อนกลับไปปีที่แล้ว ใครจะไปเชื่อว่าเขาจะทำแกรนด์แสลมที่ 21 ได้เป็นคนแรก
ช่วงที่ผ่านมาเขาเสียสละหลายอย่างเพื่อการกายภาพบำบัดและการดูแลสุขภาพ เขาเลิกกินของที่ชอบอย่างช็อคโกแลต รวมถึงเลิกกินแอลกอฮอล์ทุกประเภท 4 เดือนเต็ม อย่างตอนได้แชมป์ ผู้จัดเอาแชมเปญมาให้เพื่อร่วมฉลอง เขาก็ขอเลี่ยงไม่ดื่มดีกว่า
ในช่วงสัมภาษณ์หลังคว้าแชมป์ นาดาลกล่าวว่า You really don't know how much I fought to be here แปลว่า พวกคุณไม่รู้หรอกว่าผมต้องสู้อย่างหนักแค่ไหน กว่าจะมายืนตรงนี้ได้
เขาพยายามอย่างหนัก เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าตัวเองยังสามารถอยู่ในจุดสูงสุดของโลกได้อยู่ แม้จะเจ็บ จะอายุเยอะ จะโดนปรามาสใดๆ ว่าหมดยุคแล้ว เขาก็ยังไม่ท้อ และวันนี้เขาก็ทำได้แล้วจริงๆ
ด้วยโชคชะตา ด้วยความตั้งใจ ด้วยการฝึกซ้อม ด้วยประสบการณ์ ทุกๆ อย่าง มันเป็นใจให้นาดาลในทัวร์นาเมนต์นี้ จนไปถึงความฝันได้สำเร็จ
ส่วนคำถามว่า เขาคือ G.O.A.T. ของโลกเทนนิสหรือไม่ ก็ยังต้องถกเถียงกันต่อไป
แต่ที่แน่ๆ คือ ณ เวลานี้ ตัวเลข 21 จะยังเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
#Historic21stSlam
- 37
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
