3 ก.พ. 2022 เวลา 02:45
ทำความรู้จักกับ “จิตวิทยาหมู่”
แล้วคุณจะไม่ตกเป็นเหยื่อยของใครบางคน!!
.
จิตวิทยาหมู่ สำหรับผมแล้วหากให้ใช้ให้เป็น
มันสามารถสร้างคุณค่าที่ดีงามให้แก่โลกใบนี้ได้อย่างมาก
.
แต่ในทางกลับกัน หากมีคนนำมันไปใช้ในทางที่ผิดๆ มันก็จะสามารถสร้างผลกระทบที่เลวร้ายต่อโลกใบนี้ได้เหมือนกัน
.
.
ผมใช้คำว่า “โลก” นะครับ ไม่ใช่แค่ชุมชน
หรือประเทศ และก็ไม่ได้พูดเว่อร์เกินไปด้วยเพราะมันสามารถส่งผลได้ขนาดนั้นจริงๆ
.
เคยเจอคนแบบนี้มั้ยครับ คนที่เวลาอยู่กับเรา
จะพูดจาดูดี สุภาพเรียบร้อย แต่พอเปลี่ยนไปอยู่กับเพื่อนอีกกลุ่มหนึ่ง กลับกลายเป็นคนที่หยาบคาย
กวนโอ๊ยขึ้นมาเสียอย่างนั้น
.
ถ้าเคยเจอแสดงว่าเพื่อนของเราคนนั้น
“โดนจิตวิทยาหมู่” เข้าไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว และที่น่าสนใจก็คือ ตอนนี้คุณก็อาจจกำลังโดนจิตวิทยาหมู่อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน
.
.
แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่า “จิตวิทยาหมู่” ส่งผลกระทบต่อชีวิตเรายังไง ผมอยากจะมาชวนเล่นเกมง่ายๆก่อนครับ
A —————————
B ——————————
C ————————————-
D —————————
เส้นที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ จะมีอยู่ 2 เส้น ที่มีความยาวเท่ากัน คำถามคือคือเส้นตัวไหนยาวเท่ากัน?
.
แน่นอนคำตอบของคุณ หากคุณไม่ใช่คนที่มีอะไรผิดปกติทางสายตา คุณจะตอบว่าเส้น A และ D
มีความยาวที่เท่ากัน
.
.
แต่เชื่อมั้ยครับว่า มีคนมากมายที่ตอบผิด
เพราะโดนจิตวิทยาหมู่เข้าเล่นงาน!
.
ในการทดลองของ ดร.โซโลมอน แอช
ที่มีชื่อการทดลองว่า “วัดขนาดเส้น”
(นี่ถือเป็นการทองลองระดับคลาสสิกเลยทีเดียว)
.
การทดลองนี้นำคนมาอยู่ในห้อง 8 คน
ซึ่งความจริงแล้ว 7 คนเป็นหน้าม้า และมีเพียง 1 คนเท่านั้นที่ถูกทดลองจริงๆ ในการทดลอง
.
เขาได้ให้ทุกคนในห้องตอบคำถามแบบที่คุณเพิ่งตอบไปว่า “เส้นไหนที่มียาวเท่ากัน”
.
ซึ่งหน้าม้าทุกคนจะตอบผิดหมด และผลที่ออกมาก็คือ
ผู้ทดลองถึง 32% (หรือ 1 ใน 3 ของจำนวนผู้ทดลองทั้งหมด) เลือกที่จะตอบผิดตามหน้าม้าไปเลย
.
ภายหลังมีการสอบถามผู้ร่วมทดลองว่า “ทำไมถึงเลือกที่จะตอบผิด” คำตอบที่ได้ น่าสนใจมากครับ
.
คำตอบที่ได้ก็คือ “เขาไม่อยากถูกมองว่าไม่เข้าพวก”
ไม่อยากดูเป็นตัวประหลาดของกลุ่ม เขาเลยเลือกที่จะตอบผิดไปเหมือนคนอื่นๆ ทั้งๆที่ในใจก็รู้อยู่ว่ามันผิด
.
และสิ่งที่น่าสนใจยิ่งกว่าคือ ถ้าหากว่าผู้ทดลองในนั้น มีใครสักคน เป็นผู้มีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง
เขาอาจเป็นนักธุรกิจที่ทำเงินได้หลายล้าน คนเหล่านี้ก็ยิ่งมีผลต่อความคิด ความเชื่อของคนในห้องมากยิ่งขึ้น
.
แต่ถ้าหากว่า! 1 ใน 7 คนที่เป็นหน้าม้า
เลือกที่จะตอบถูก 1 คนที่เป็นผู้ที่เข้าร่วมทดลองจริงๆ ก็จะเลือกที่จะตอบถูก เพราะเขารู้สึกว่า “ตัวเองมีเพื่อน” “ตัวเองไม่แปลกแยก”
.
สิ่งนี้เองเรียกว่า “จิตวิทยาหมู่” หากคนส่วนมาก
มีแนวโน้มที่จะทำอะไร ตัวเราเองก็มีแน้วโน้มที่จะทำตามคนเหล่านั้น ถึงแม้สิ่งที่เขาทำอาจเป็นสิ่งที่ผิดก็ตาม
.
และหากถามว่า รู้สิ่งนี้ไปมันจะมีประโยชน์ต่อชีวิตเราได้ยังไง คำตองนั้นง่ายมากครับ
.
ทุกวันนี้เรามีโซเชียลมีเดียอยู่ในมือกันแทบจะทุกคน และสิ่งที่มันตามก็คือ เราได้รับข้อมูลข่าวสารที่มากมาย จนบางทีเราก็ไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรไม่จริง
.
หลายครั้งผมเชื่อว่า ข่าวบางข่าวที่เกิดขึ้นมา
อาจเป็นข่าวดราม่าใครสักคน เมื่อเราเห็นครั้งแรกเราอาจจะมีความคิดที่เฉยๆ ต่อข่าวนี้
.
หรือบางทีเรารู้สึกชื่นชมคนในข่าวนั้นด้วยซ้ำ แต่เมื่อเราลองกดเข้าไปอ่านในคอมเมนต์ หากเราประเมินด้วยสายตา และพบว่า
.
“คนมากกว่า 70% กำลังด่าคนในข่าวอยู่ เราก็มีแน้วโน้มที่จะเลือกเชื่อคนส่วนมาก และหาเหตุผลต่างๆ มาบอกกับตัวเองว่า คนในข่าวนั้นผิดจริง ทั้งๆที่ตัวเองยังแอบรู้สึกชื่นชมเขาอยู่เลยเมื่อกี้”
.
นี่แหละคือ “จิตวิทยาหมู่” หากเราไม่รู้เท่าทันมัน
เราก็จะโดนปั่นหัวไปเรื่อยๆ คนส่วนมากบอกอะไรก็จะเชื่อ
.
และท้ายสุดหากเรายอมที่จะทำตามคนส่วนมากไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่คิดไตร่ตรองอะไรเลย วันหนึ่งถ้าหากเราโดนข่าวปลอมๆ ที่มีหน้าม้าคอยปั่นหัว
อยู่ในคอมเมนต์ เราก็อาจจะพลาดท่าให้กับข่าวนั้น
.
บางทีสิ่งที่เราโดนหลอกนั้นอาจจะไม่ใช่แค่ข่าว
แต่อาจเป็นการเชิญชวนให้คุณไปลงทุนอะไรบางอย่าง
.
และก็มีแต่คนบอกว่าได้ลงไปแล้วได้กำไรเยอะมาก
โดยที่เขาเหล่านั้นแท้จริงแล้ว อาจไม่ใช่คนจริงๆ เลยด้วยซ้ำ และท้ายสุดเราก็อาจจะโดนโกงไปได้
สมัยนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกออนไลน์ ว่ามั้ยครับ
.
.
ดังนั้นวิธีแก้ไขก็คือ จงมีความคิด ความเชื่อมั่นเป็นของตนเองให้ชัดเจน จิตวิทยาหมู่ก็เหมือนกับกระแสน้ำ หากเราไม่มีจุดยึด จุดยืนที่ชัดเจน เราก็จะโดนมันพัดไปมั่ว
.
และเมื่อเรามีความคิด ความเชื่อที่ชัดเจนแล้ว
ข่าวหรือโพสต์ต่างๆที่หลอกหลวงต่างๆอยู่
ในโลกออนไลน์ ก็จะไม่สามารถปั่นหัวเราได้ หากเราเห็นข่าวดราม่าไหน หรือ เห็นโพสต์ไหนที่มีการเชิญชวนแบบแปลกๆ
.
อย่าเพิ่งปักใจเชื่อว่าเรื่องนั้นคือเรื่องจริง
ลองใช้ความคิด ความเชื่อของเราพิจารณาดู
ว่า “มันเป็นเรื่องจริงมั้ย”
.
.
เมื่อเรามีความคิดที่ชัดเจน มีจุดยืนที่ชัดเจน
“จิตวิทยาหมู่” ก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้
.
และเราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อ “ของใครบางคน”
ไม่ตกเป็นเหยื่อ “ของการตลาดที่อาจมาหลอกหลวง”
ไม่ตกเป็นเหยื่อ “ของการพนัน การถูกโกง”
.
และถ้าเป็นไปได้ เราสามารถนำความรู้จิตวิทยาหมู่ที่ได้เรียนรู้ ตรงนี้ ไปปรับใช้ให้มันเกิดประโยชน์ต่อผู้คนในสังคมได้!!
.
เราอาจสามารถใช้ “จิตวิทยาหมู่” ในการรณรงค์
ให้คนใช้ถุงผ้า เลิกใช้พลาสติก ลดการตัดต้นไม้
หรืออื่นๆ อะไรแบบนี้เป็นต้น
.
หากเราสามารถใช้จิตวิทยาตัวนี้ ในการทำสิ่งนี้ดีๆได้
โลกเราจะงดงามมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
#FolkThanasit
.
.
ไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็น “ผู้นำ” ได้
แต่ทุกคนสามารถเป็น “ผู้นำความงดงาม”
มาสู่โลกใบนี้ได้เสมอ…
ปล. ความรู้บางส่วนมากจากหนังสือ “ขุนเขาเกาสมอง” และแน่นอนคำคมปิดท้ายก็ของพี่ภู (ขุนเขา)
โฆษณา