4 ก.พ. 2022 เวลา 02:45
เชื่อมั้ย คุณสามารถเก่งขึ้นมากกว่าเดิมได้ง่ายๆ
แค่รู้วิธีการสะกดจิตตัวเอง!!
.
ก่อนที่จะไปเริ่มสะกดจิตตัวเองกัน
ผมอยากชวนมาทำอะไรเล็กๆน้อยก่อนครับ
.
Spider Man เป็นหนึ่งในฮีโร่ที่ผมชื่นชอบมาก
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีใจที่ยิ่งใหญ่ เขาช่วยเหลือผู้คน
โดยที่ไม่หวังชื่อเสียง หรือสิ่งอื่นใด นี่คือหนึ่งในฮีโร่ที่อยู่ในดวงใจของผมครับ “Spider Man” 🕷🕸
.
ที่นี่ผมขอตั้งโจทย์บางอย่างและให้คุณตอบหน่อย
บอกชื่อฮีโร่ที่คุณนึกได้ตอนนี้มาหน่อยครับ?!!
.
ไม่เอาน่ะ อย่ามาโกงแล้วบอกว่าเป็นตัวอื่นเลย มันไม่แปลกหรอกที่ในความคิดของคุณจะมี Spider Man
ที่ผมชื่นชอบโผล่เข้าไปในความคิดเมื่อสักครู่นี้
.
เพราะนี่คือปรากฏการณ์ทางจิตวิทยา
ที่มีชื่อเรียกว่า “การปูพื้นทางจิต” (priming) ซึ่งเป็นหนึ่งในระบบการทำงานของสมอง
.
แต่หลายคนอาจจะเถียงว่า “ก็มึงเล่นพูด Spider Man มายาวขนาดนี้ใครๆก็ต้องตอบแบบนี้”
.
ก็จริงแหละครับ แต่อย่าเพิ่งกล่าวหาผมร้ายแรงขนาดนั้น เพราะเคยมีการทดลองหนึ่ง เขาได้ให้คนที่เข้าร่วมนึกคำอะไรก็ได้ที่มีตัว “D” ขึ้นต้น แต่ก่อนที่จะทำการทดลองที่ว่านี้
.
เขามีการแบ่งกลุ่มผู้เข้าร่วม ผู้เข้าร่วมกลุ่มหนึ่งจะได้อ่านจะได้อ่านวารสารการแพทย์ก่อนทดสอบ
ส่วนอีกกลุ่มไม่ต้องอ่าน เขื่อมั้ยครับ กลุ่มที่อ่านวารสารการแพทย์มา เวลาให้นึกคำที่มีตัว “D” ขึ้นต้น ทุกคนจะต้องตอบว่า “Doctor” เสมอ
.
.
และอีกหนึ่งงานวิจัยสุดโด่งดังของ ดร.จอร์ห บาร์ก
เขาเคยทำการทดลองแบ่งผู้เข้าร่วมเป็นสองกลุ่ม
ให้ผู้เข้าร่วมกลุ่มหนึ่ง อ่านบทความที่มีคำว่า
.
“แก่ ชรา และ อาวุโส”และอีกกลุ่มก็อ่านบทความปกติ
ที่ไม่มีคำว่าว่า “แก่ ชรา”
.
สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผู้ที่อ่านบทความและมีคำว่า แก่ ชรา จะทำท่าทาง และเดินออกจากห้องช้ากว่าอีกกลุ่มแบบเห็นได้ชัด
.
.
นี่คือจิตวิทยาที่เรียกว่า Priming หรือ การปูพื้นทางจิต
หรือหากจะให้พูดกันแบบบ้านๆที่สุดก็คือ “ความเชื่อ”
เราเชื่ออะไร เราก็จะเป็นแบบนั้นจริงๆ
.
หากเราเชื่อว่าเราเก่ง แน่นอนเราจะเก่งขึ้นโดย อัตโนมัติ แต่หากเราเชื่อว่า “เรามันไม่เก่ง ไม่ดี”
เราก็จะเป็นไปตามที่คิดโดยอัตโนมัติเช่นกัน
.
หากยังไม่เชื่อ ผมอยากจะบอกแบบนี้ครับว่า
มีนักวิจัยจากมหาลัยฮาร์วาร์ด ค้นพบว่าเมื่อผู้หญิงเอเชีย เขียนระบุบนหัวกระดาษว่าตัวเองเป็นคนเอเชียเธอจะทำโจทย์คณิตได้คะแนนสูงกว่าค่าเฉลี่ย
.
แต่ถ้าเกิดเมื่อใดที่เธอต้องเขียนระบุลงบนหัวกระดาษว่าตัวเองเป็นแค่เพศหญิง เธอจะทำโจทย์คณิต ได้คะแนนต่ำกว่าค่าเฉลี่ย
.
สาเหตุมันเกิดมาจากความเชื่อที่เขามี เขามีความเชื่อกันว่าคนเอเชียนั้น จะเก่งเลขมากกว่าฝรั่ง
.
ดังนั้นเมื่อเขามีความเชื่อเช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะเป็นไปตามความเชื่อของเขาเช่นกัน
.
เพราะฉะนั้นสิ่งนี้คือเรื่องจริง ลองสังเกตดูตัวคุณเองก็ได้ ผมเชื่อว่าคนเรามันต้องมีสักครั้งแหละน่ะในชีวิต
ที่เรามักคิดไปเองว่า “เราเก่งเหมือน……..”
.
อย่างตัวผมเอง ผมมีไอดอลอยู่คนหนึ่ง เวลาที่ผมจะทำอะไรบางอย่างเช่น พูดให้คนได้แรงบันดาลใจ
ผมก็มักจะคิดว่าผมเก่งเหมือนไอดอลคนนั้น และผลลัพธ์ที่ได้ เชื่อมั้ยครับ คนจำนวนมากต่างชื่นชอบในเรื่องที่ผมพูด
.
และกลับกันเวลาที่ผมเลิกเชื่อ ว่าผมเก่งเท่าเขา
ผลลัพธ์ที่ได้เวลาผมทำอะไรก็ตามแต่ มันก็ดูแย่ไปหมด เวลาผมพูดให้แรงบันดาลใจใคร ถึงเป็นเรื่องเดิม แต่เมื่อความเชื่อเราเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็เปลี่ยนตาม
.
นี่คือตัวอย่างของผม และผมเชื่อว่าคุณก็ต้องเคยมีประสบการณ์แบบนี้ ประสบการณ์ที่คุณรู้สึกว่า
คุณเชื่อว่าคุณเก่งเหมือน……(ใครสักคนที่คุณชื่นชอบ)
.
ดังนั้นหากคุณอยากจะเก่งขึ้น ในเรื่องอะไรก็แล้วแต่
ลองปูพื้นจิตของตัวคุณเอง ว่าคุณสามารถทำได้
และเมื่อจิตคุณเชื่อ ผลลัพธ์ที่ได้ออกมามันก็จะเป็นไปตามที่เชื่อ
.
ถึงจะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คิด 100%
แต่อย่างน้อย มันก็ใกล้เคียง
.
.
ผมอยากแถมเคล็ดลับ ที่ผมใช้ในการปูพื้นทางจิตของตัวเองครับ เคล็ดลับที่ผมใช้ก็คือ….
.
“คอยเสพแต่สื่อดีๆ ฟังแต่เรื่องดีๆ อ่านแต่เหนังสือดีๆ
อยู่แต่กับคนดีๆ” เมื่อเราใช้เวลาอยู่กับสิ่งดีๆ
.
ไม่ว่าจะทำอะไร สิ่งที่เราทำก็ย่อมดีเหมือนกับสิ่งเที่เราเสพ เชื่อมั้ยครับว่า หลายครั้งมากที่ในชีวิตของตัวเราเองนั้น “โดนปูพื้นทางจิต” มาโดยไม่รู้ตัว
.
หากเราเพิ่งดูหนังที่เครียดๆจบ หรือ หนังที่มีคำพูด
คำจาที่รุนแรงหยาบคาย เราจะโดนปูพื้นทางจิตโดยไม่รู้ตัว และเราจะเผลอพูดคำแรงๆแบบในหนังออกไปกับคนใกล้ตัวโดยไม่รู้ตัว
.
มันเลยไม่แปลกเลย เวลาหนังที่มีหนังเนื้อหารุนแรงเข้าฉายในโรง พอคนดูจบเดินออกมาจากโรงหนัง
เขาจะได้รับการปูพื้นทางจิตมาแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดการทะเลาะหรือตีกัน ย่อมมีความเป็นไปได้
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหนังก็ไม่ได้ผิดนะครับ แต่กลับเป็นตัวเราเองนั้นแหละที่ไม่รู้เท่าทันจิตใจตัวเอง
.
ดังนั้นผมจึงแนะนำให้เราคลุกคลีอยู่กับสิ่งดีๆ
เมื่อเราใช้เวลาไปกับเรื่องดีๆ
.
เช่น หากเราอยากประสบความสำเร็จ ลองอ่านหนังสือ หรือดูหนังเกี่ยวกับประวัติของคนที่เขาสำเร็จดูสิ และความเก่งต่างๆที่เราเสพ มันก็จะเข้ามาอยู่ในตัวเราในที่สุด
.
ถ้าไม่เชื่อที่ผมพูด ลองสังเกตสื่อที่คุณเสพตอนนี้
กับคำพูดคำจาที่คุณใช้พูด หรือแม้แต่นิสัยบางอย่างที่มีอยู่ในตอนนี้ มันก็ได้รับอิทธิพลมาจากสื่อทั้งนั้น
.
เพราะฉะนั้นหากเราจะใช้จิตวิทยานี้ ในการทำให้ตัวเราเองเก่งขึ้นกว่าเดิม วิธีใช้ก็ง่ายๆ แค่ต้องใช้เวลาอยู่กับสิ่งที่เราอยากจะเป็นแบบนั้นมากๆ แค่นี้เอง…
#FolkThanasit
“คุณกินอะไรเข้าไป ร่างกายคุณก็จะเป็นไปตามที่คุณกิน
เช่นกันกับสื่อที่คุณเสพ คุณเสพอะไรเข้าไป สมองของคุณ ความคิดของคุณ ก็จะเป็นไปตามสื่อที่คุณเสพนนั้นแหละ”
ปล. ความรู้บางส่วนมากจากหนังสือ
“ขุนเขาเกาสมอง” นะครับ
โฆษณา