1 ก.พ. 2022 เวลา 09:44 • ปรัชญา
👩🏻‍💻เทคนิคเปลี่ยนพฤติกรรมให้ได้ผล💁🏻‍♀️
ฮัลโหลๆ สวัสดีปีใหม่ สวัสดีตรุษจีนค่ะ ทุกคน😊 🎊🧧
วันนี้ขอนำเสนอเทคนิคเปลี่ยนพฤติกรรมให้เกิดผลแบบระยะยาว โดยหยิบยกมาจากหนังสือ Atomic Habits โดย James Clear ซึ่งติดอันดับหนึ่งของ New York Times bestseller ที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้อ่านแล้ว หรือเคยเห็นผ่านตาบ้างค่ะ📚✨
👀 ทำไมมันถึงยากนักที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมแย่ๆ ที่เรามี ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็นสิ่งไม่ดี แต่พฤติกรรมที่ดี ที่เราอยากให้มีอยู่ตลอด เช่น การออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ เข้านอนเร็ว อะไรพวกนี้กลับยากที่จะทำให้มันเป็นนิสัย เราพยายามจะรักษาพฤติกรรมดีๆ แบบนี้ได้เพียง 2-3 วัน หรือ 1 อาทิตย์ หรืออย่างมากก็เดือนเดียว แล้วก็กลับมาวนลูปเดิมๆ 😶
💡 เขาบอกว่าการเปลี่ยนแปลงนิสัยคนนั้นมีด้วยกัน 3 ระดับ
(1) เปลี่ยนแปลงเป้าหมาย - เหมือนการให้ความสำคัญกับผลลัพธ์ เช่น ผอม, สุขภาพดี, ความสำเร็จในการทำงาน
(2) เปลียนวิธีการ กระบวนการ - การทำแผนต่างๆ พยายามเปลี่ยนวิถีชีวิตประจำวัน เช่น จะออกกำลังกาย 3 วันต่ออาทิตย์ จะตื่นเช้า จะจัดเก็บโต๊ะไม่ให้รก
(3) เปลี่ยนแปลงตัวตนของคุณ - ระดับนี้จะเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงความเชื่อ ความเป็นตัวคุณภายใต้จิตใต้สำนึกคุณ
แน่นอนว่าโดยหลักการทั้งสามระดับดูเหมือนจะสำคัญไม่แพ้กันในการจะนำพาเราไปสู่นิสัยใหม่ แต่ลองเดาซิคะว่าอันไหนที่จะทำให้การเปลี่ยนแปลงเกิดผลในระยะยาวได้มากที่สุด…
💭 ลองนึกว่ามีชายสองคนกำลังพยายามจะเลิกบุหรี่ เราได้ลองยื่นบุหรี่ให้ชายคนแรกดู ชายคนแรกตอบว่า “ไม่เอาครับ ขอบคุณครับ แต่ผมกำลังเลิกบุหรี่” เอาจริงๆ มันก็ฟังดูดี เหมือนกำลังไปในทางที่ถูกต้อง แต่เอาจริงๆ ภายใต้คำตอบนี้แสดงให้เห็นว่าชายคนนี้ยังมีความเชื่อว่าตัวเองเป็นนักสูบที่กำลังพยายามจะเลิกบุหรี่อยู่
ในขณะเดียวกัน เมื่อยื่นบุหรี่ให้กับชายคนที่สอง เขาปฏิเสธโดยตอบว่า “ไม่เอาครับ ขอบคุณครับ ผมไม่สูบบุหรี่” เอาจริงๆ คือชายทั้งคู่ปฏิเสธที่จะไม่สูบบุหรี่เหมือนกัน แต่ความต่างคือ คำพูดของชายคนที่สองแสดงการเปลี่ยนแปลงตัวตนของเขา ว่าเขาเป็นคนไม่สูบบุหรี่ ไม่ใช่คนที่กำลังจะเลิกบุหรี่ (คือจริงๆแล้วเขาเป็นคนสูบบุหรี่นั่นเอง)🌟
หลายคนอาจจะมัวแต่ไปโฟกัสที่วิธีการ ที่ความอยากจะไปให้ถึงเป้าหมายที่กำหนด จนลืมที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดผลในระยะยาวที่สุด คือ “ความเชื่อในตัวเอง” มันจะเป็นเรื่องยากที่จะเปลี่ยนนิสัยของคุณในระยะยาวหากคุณไม่เปลี่ยนความเชื่อที่ซ่อนอยู่ในนิสัยและการกระทำของคุณ นั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมเราถึงเหมือนจะเปลี่ยนนิสัยได้แป๊ปๆ แล้วกลับมาตายรังพฤติกรรมแบบเดิมๆ ในไม่ช้า เพราะลึกๆ คุณยังมีความเชื่อว่าคุณเป็นแบบนั้น สิ่งที่คุณพยายามจะเปลี่ยน อยากจะเป็นมันไม่ใช่ตัวตนคุณ
จุดสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนพฤติกรรมคุณได้ คือ ต้องทำให้พฤติกรรมเหล่านั้มันเป็นส่วนหนึ่งในตัวตนคุณ คุณต้องเปลี่ยนจาก I’m the type of person who wants this. (ฉันเป็นคนที่ต้องการสิ่งนี้) เป็น I’m the type of person who is this. (ฉันเป็นคนแบบนี้). คล้ายกับสถานการณ์ของชาย 2 คนที่กำลังจะเลิกบุหรี่ด้านบน แต่เรื่องนี้ใช้ได้กับทุกๆ สถานการณ์ในชีวิต เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ของคุณ
เพราะถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณเป็นแบบนั้นจริงๆ สุดท้ายพฤติกรรมเก่า การกระทำเก่าๆ ก็จะกลับมาครอบงำเป็นนิสัยเดิมๆ ที่คุณมี เพราะนั่นคือตัวตนของคุณ
ถ้าถามว่าเรื่องนี้ทำให้นึกถึงหลักของ law of attraction หรือกฎแห่งแรงดึงดูดไหม ต้องบอกเลยว่าเต็มๆ ค่ะ เราเป็นคนที่นอกจากจะชอบอ่านหนังสือ ศึกษากฎแห่งแรงดึงดูด, law of manifestation ก็ยังชอบอ่านหนังสือแนวพัฒนาตนเองด้วยค่ะ หลายเรื่องเราก็รู้สึกว่ามันคือการใช้กฎแห่งแรงดึงดูดนั่นเอง 🪐
อย่างเรื่องนี้ ถ้าจะเอาเรื่องกฎแรงดึงดูดมาจับจริงๆ มันก็คือการเชื่ออย่างแท้จริงว่าเราเป็นแบบไหน เมื่อเราเชื่อโดยแท้จริงแล้ว และไม่มีพลังต้านทานใดๆ สุดท้ายสิ่งนั้นก็จะเกิดขึ้นจริงโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฝรั่งจะชอบพูดว่า the universe has no choice but to let it happen to you. คือ เมื่อเรามีตัวตนแบบนั้น คิด พูด กระทำไปในทางเดียวกันกับสิ่งนั้น จักรวาลไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากนำสิ่งนั้นกลับมาหาตัวคุณ เพราะ like attracts like อะไรที่เหมือนกันย่อมต้องดึงดูดสิ่งที่เหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ 🧲 มันเป็นกฎค่ะ แต่หลายครั้งที่เรายังใช้กฎแห่งแรงดึงดูดไม่เกิดผล เพราะจักรวาลมีทางเลือกอื่นค่ะ เพราะคุณอาจจะยังไม่ได้เชื่ออย่างแท้จริง หรือลึกๆ คุณอาจจะยังมีความคิดต่อต้านอยู่โดยไม่รู้ตัว ทำให้สิ่งที่คุณขอยังไม่เกิดผลค่ะ🪐 เพื่อนๆ มีความเห็นยังไงลองแลกเปลี่ยนกันได้นะคะ ☺️🌟
🎊🧧ใดๆ ก็ตาม ขอให้ทุกคนสุขสมหวังทุกประการ เฮงๆ รวยๆ รับตรุษจีนกันถ้วนหน้านะคะ 🥳🧧🎊
โฆษณา