Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Bnomics
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
1 ก.พ. 2022 เวลา 12:19 • หุ้น & เศรษฐกิจ
วิกฤตเด็กเกิดใหม่น้อยลง : เศรษฐกิจที่กำลังจะตาย และนโยบายชวนมีลูกของรัฐบาล
2
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลายคนคงจะได้เห็นโพสต์บน Facebook ของ ดร.ธันยวัต สมใจทวีพร เกี่ยวกับเรื่องจำนวนการเกิดของเด็กที่ดิ่งลงเป็นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และยังคงมีแนวโน้มลดลงเรื่อยๆ จากที่เคยมีเด็กเกินใหม่ปีละหลักล้านคน แต่ในปี 2563 จำนวนเด็กที่เกิดใหม่ต่ำกว่า 6 แสนคนต่อปีเป็นครั้งแรก จนกระทั่งในปี 2564 จำนวนเด็กเกิดใหม่ลดลงไปเหลือเพียง 544,570 คน เท่านั้น ถือว่าต่ำที่สุดและยังเป็นปีแรกที่มีจำนวนคนเกิดใหม่น้อยกว่าคนตาย
ถ้าถามว่าเรื่องนี้เป็นปัญหาขนาดไหน ก็ขนาดที่ว่าประเทศจีนที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และเคยออกนโยบายให้มีลูกได้แค่คนเดียว ยอมอนุญาตให้พ่อแม่มีลูกได้ไม่เกิน 3 คน หลังจากที่พบว่าอัตราการให้กำเนิดบุตรลดต่ำลงมากจนคาดว่าประชากรจะเริ่มลดลงในปี 2573 แล้ว
แต่ก็ไม่ใช่แค่ไทย และไม่ใช่แค่ประเทศจีนเท่านั้นที่กำลังเผชิญกับปัญหาการลดลงของประชากรเช่นกัน เมื่อพิจารณาจากอัตราการให้กำเนิดบุตร (Fertility rate) ซึ่งถ้าจะให้สามารถชดเชยกับประชากรที่หมดอายุขัยไปได้ อัตรานี้ควรจะอยู่ที่ราวๆ 2.1 (ต้องให้กำเนิดลูกอย่างน้อย 2.1 คน เพื่อชดเชยกับพ่อแม่ที่วันหนึ่งต้องหมดอายุขัย) จากข้อมูลนั้นพบว่า ประเทศส่วนใหญ่กำลังมีอัตราการให้กำเนิดบุตรต่ำกว่า 2 ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐฯ (1.6), จีน (1.3), ญี่ปุ่น (1.3), สิงคโปร์ (1.1), เกาหลีใต้ (0.92), และสำหรับไทย อัตราการให้กำเนิดบุตรอยู่ที่ 1.5 นั่นแปลว่าประเทศเหล่านี้กำลังประสบปัญหาเด็กเกิดน้อยลง และเข้าสู่สังคมสูงวัยอย่างไม่ต้องสงสัย
📌 แล้วทำไมคนถึงไม่อยากมีลูกกันล่ะ?
ในอดีตเราคงจะเคยได้ยินคำว่า “มีลูกไว้ทันใช้” นั่นก็เป็นเพราะค่านิยมจากสังคมเกษตรกรรมในอดีตที่ต้องการมีลูกเพื่อไปเป็นแรงงาน และเป็นเหมือนหลักประกันในวัยเกษียณ เด็กหลายคนจึงเติบโตมาแบบที่ไม่ได้มีคุณภาพชีวิตในวัยเด็กที่ดีมากนักหรือเรียกได้ว่าถูกเลี้ยงมาแบบ “ตามมีตามเกิด”
แต่เมื่อค่านิยมเปลี่ยนไป คู่แต่งงานเริ่มมีการวางแผนครอบครัว ค่านิยมการมีลูกเมื่อพร้อมจึงเข้ามาแทนที่ คำว่าพร้อมในที่นี้คือพร้อมทั้งการเงินและความสามารถในการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพได้
ดังนั้นการที่ชายหญิงจะตัดสินใจวางแผนมีลูก ปัจจัยหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ สภาพสังคมและเศรษฐกิจที่ดูมีอนาคตอันสดใสรออยู่ แต่หลายทศวรรษที่ผ่านมาเราคงเห็นว่าโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน และเกิดวิกฤตเศรษฐกิจอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เข้ามาทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนในแต่ละวัน จากงานวิจัยของ Brookings Institute ประมาณการว่ามีเด็กในสหรัฐฯ กว่า 300,000 คน ที่ไม่ได้เกิดมา เนื่องจากความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดครั้งนี้
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้ว ผศ.ดร. มนสิการ กาญจนะจิตรา นักวิจัยประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่า ปัจจัยที่ทำให้คนรุ่นใหม่ไม่อยากมีลูก เนื่องจากหลายคนอยากทุ่มเทชีวิตให้กับการทำงาน, อยากใช้ชีวิตให้คุ้ม, หรือรู้สึกว่าหากไม่สามารถเลี้ยงลูกได้ดี สู้ไม่มีลูกเลยจะดีกว่า
📌 การที่เด็กเกิดน้อยลงมันเป็นปัญหาต่อเศรษฐกิจอย่างไร?
อันที่จริง ปัญหาเด็กเกิดน้อยลงมันก็ไม่ใช่จะเพิ่งเกิดขึ้นเร็วๆ นี้แต่อย่างใด หากแต่เริ่มส่งสัญญาณมาในช่วงกว่าทศวรรษก่อนหน้านี้แล้ว สถานการณ์ที่ประชากรในหลายประเทศทั่วโลกเริ่มลดลง จากการที่อัตราการให้กำเนิดบุตรน้อยลงอย่างรวดเร็วกว่าที่ใครคาดคิดไว้ ในอดีตผู้หญิงหนึ่งคนอาจจะมีลูกโดยเฉลี่ยสัก 5-6 คน ก็ค่อยๆ ลดน้อยลงจนเหลือแค่เพียงคนเดียว หรือคู่แต่งงานหลายคู่ก็เลือกที่จะไม่มีลูกเลย
ซึ่งปัญหานี้อาจจะถูกมองว่าเป็นเพียงจุดเล็กๆ ในครอบครัว อย่างไรก็ตามมันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ที่ประชากรส่วนใหญ่ยังไม่ได้ร่ำรวย ไม่ค่อยมีการวางแผนการเงินหลังเกษียณ และไม่มีโครงการสวัสดิการสังคมมารองรับ
แน่นอนว่าเมื่อเด็กเกิดใหม่น้อยลง ย่อมหมายถึงว่าประเทศจะมีแรงงานน้อยลง เกิดภาวะแรงงานขาดแคลน และส่งผลให้การเติบโตของอุตสาหกรรมหลักๆ ทางเศรษฐกิจหลายอุตสาหกรรมอาจชะงัก จนประเทศสูญเสียความสามารถในการแข่งขันไป
ในขณะเดียวกัน การที่เด็กเกิดใหม่น้อยลงก็หมายถึงผู้บริโภคจะน้อยลงด้วยเช่นกัน ทำให้โอกาสที่จะสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยตลาดภายในประเทศเป็นไปได้ยาก จึงต้องหันไปพึ่งตลาดนอกประเทศ ซึ่งหากวันใดที่ภายนอกประเทศเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิด ก็จะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากอัตราการเกิดน้อยกว่าอัตราการตายด้วยแล้ว แปลว่าในอนาคต เราจะมีสัดส่วนของผู้สูงอายุที่จะต้องพึ่งพาวัยแรงงานมากขึ้น
ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติและสภาพัฒน์ พบว่า
●
ในปี 2537 อัตราส่วนการพึ่งพิงวัยสูงอายุ (old-age dependency ratio) อยู่ที่ 10.7%
●
จนกระทั่งในปี 2563 ตัวเลขนี้อยู่ที่ 27.7%
●
และคาดการณ์ว่าในปี 2050 จะพุ่งขึ้นไปถึง 56.5%
ซึ่งนั่นหมายความว่า ประชากรวัยแรงงาน 100 คน จะต้องรับภาระเลี้ยงดูผู้สูงอายุถึง 56 คน เลยทีเดียว ซึ่งมันเสี่ยงต่อความไม่มั่นคงทางการคลังเป็นอย่างมาก เมื่อคนจ่ายภาษีเข้าระบบน้อยลง แต่กลับต้องมีรายจ่ายที่สูงขึ้นโดยเฉพาะจากค่ารักษาพยาบาลของผู้สูงอายุ ที่มีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
และมันก็ยังโยงไปถึงอีกเรื่องหนึ่งที่น่ากังวล คือ ปัญหาการตายอย่างโดดเดี่ยวที่จะเพิ่มขึ้น เหมือนกับที่ประเทศญี่ปุ่น และเกาหลีใต้เริ่มจะเจอกับสถานการณ์ที่น่าหดหู่ใจนี้แล้ว
อ่านเพิ่มเติม
blockdit.com
[Bnomics] Move to Heaven : ทุกความตายล้วนมีเรื่องราว ... เมื่อเศรษฐกิจผลักบางคนให้ตายอย่างโดดเดี่ยว
Move to Heaven : ทุกความตายล้วนมีเรื่องราว ... เมื่อเศรษฐกิจผลักบางคนให้ตายอย่างโดดเดี่ยว
📌 มีลูกเพื่อชาติ…แล้วชาติควรมีนโยบายอะไรเพื่อช่วยให้คนอยากมีลูกบ้าง?
1
ที่ผ่านมา รัฐบาลจึงได้พยายามออกนโยบายเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนมีลูก อาทิ "โครงการส่งเสริมสาวไทยแก้มแดงมีลูกเพื่อชาติ ด้วยวิตามินแสนวิเศษ" ซึ่งก็คือการแจกวิตามินให้ผู้หญิงกินเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ หรือการให้เงินอุดหนุนบุตร 600 บาทต่อเดือน จนถึงอายุ 6 ปี
การแจกเงินให้ประชาชนที่มีลูกนี้ ก็คล้ายๆ กับส่วนหนึ่งของนโยบายที่รัฐบาลหลายๆประเทศทำ ยกตัวอย่างเช่น สิงคโปร์ โดยเด็กที่เกิดมาจะได้เงินที่เรียกว่า Baby Bonus ประมาณ 8,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และมากขึ้นเมื่อเป็นลูกคนถัดๆ ไป นอกจากนี้ยังให้เงินช่วยเหลืออื่นๆ เกี่ยวกับลูกอีกด้วย
แต่ถึงอย่างนั้น อัตราการเกิดของเด็กก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำอยู่ดี กรณีของสิงคโปร์จึงทำให้เราเห็นว่าบางทีการให้เงินอาจไม่ใช่คำตอบของทุกสิ่ง และปัจจัยที่ทำให้คนอยากมีลูก บางครั้งมันเหนือกว่าปัจจัยทางเศรษฐกิจอยู่มาก ยังมีปัจจัยทางด้านสังคม สิ่งแวดล้อม หน้าที่การงาน โจทย์ใหญ่ของปัญหานี้จึงไม่ใช่ว่าจะทำอย่างไรให้คนอยากมีลูก แต่น่าจะเป็น การออกแบบโครงสร้างทางสังคมอย่างไรให้คนรู้สึกอยากให้ลูกเติบโตมา และมั่นใจว่าลูกจะได้เติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย มีอนาคตที่ดี ส่วนตัวพ่อแม่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องสูญเสียอะไรไปเมื่อมีลูก
ผู้เขียนเชื่อว่ายังมีอีกหลายคนที่อยากมีลูก แต่ด้วยข้อจำกัดทางร่างกายและข้อจำกัดทางการเงิน รวมถึงหน้าที่การงาน อาจทำให้เขามองว่าตัวเองไม่สามารถเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งให้เติบโตมาอย่างมีคุณภาพได้มากพอกับที่เด็กคนหนึ่งสมควรจะได้รับ หากรัฐมองเห็นช่องว่างนี้และยื่นมือเข้ามาช่วยด้วยนโยบายที่ตรงจุด ก็อาจจะช่วยให้เด็กที่มีคุณภาพ ได้มีโอกาสลืมตาดูโลก และเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ขับเคลื่อนประเทศต่อไปก็ได้
อย่าลืมว่าเราไม่ได้ต้องการแค่ให้เด็กเกิดมาในปริมาณมากๆ อย่างเดียว แต่เราต้องการเด็กที่มี “คุณภาพ” ในปริมาณมากๆ เสียมากกว่า...
#มีลูกเพื่อชาติ #ประชากรลดลง #สาวไทยแก้มแดง #เด็กเกิดน้อย #Lowbirthrate #Netflix #MovetoHeaven
#Bnomics #Economics #เศรษฐศาสตร์เป็นเรื่องง่ายสำหรับทุกคน
ผู้เขียน: ชนาภา มานะเพ็ญศิริ Economist, Bnomics
ภาพประกอบ : จินดาวรรณ อรรถมานะ Graphic Designer, Bnomics
▶︎ ติดตามช่องทางของ Bnomics ได้ที่
Website :
https://www.bnomics.co
Facebook :
https://www.facebook.com/Bnomics.co
Blockdit :
https://www.blockdit.com/bnomics
Line OA : @Bnomics
https://bit.ly/3eYkTJC
Youtube :
https://www.youtube.com/bnomics
Twitter :
https://twitter.com/bnomics_co
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
Reference :
https://www.bangkokbiznews.com/social/985210
https://www.facebook.com/photo?fbid=10160424222247873&set=a.481275012872
https://www.isa-world.com/news/?tx_ttnews%5BbackPid%5D=1&tx_ttnews%5Btt_news%5D=485&cHash=8066cd77ac69cb1e4a967f1e527fafdd
https://www.oecd-ilibrary.org/sites/e2839a52-en/index.html?itemId=/content/component/e2839a52-en
http://service.nso.go.th/nso/nsopublish/themes/files/elderlyworkFullReport57-1.pdf
https://thaitgri.org/?p=39327
https://www.investerest.co/society/gen-y-and-baby/
https://www.thaihealth.or.th/Content/44460-%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.html
https://www.madeforfamilies.gov.sg/support-measures/raising-your-child/financial-support/baby-bonus-scheme
แม่และเด็ก
เศรษฐกิจ
สังคม
7 บันทึก
8
1
5
7
8
1
5
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย