2 ก.พ. 2022 เวลา 11:00 • การศึกษา
ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย
(KINGDOM OF SAUDI ARABIA)
นับเป็นเวลากว่า 30 ปีที่ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศซาอุดีอาระเบียและประเทศไทยเกิดความร้าวฉาน หลังจากเกิดหลายเหตุการณ์สําคัญที่ทําให้ซาอุดีอาระเบียลดความสัมพันธ์ทางการทูตกับไทยและลดระดับความร่วมมือระดับสูงในทุกด้านลงมาอยู่ระดับตํ่าสุด จนกระทั่งล่าสุดสํานักข่าวต่างประเทศหลายแห่งได้รายงานข่าวการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตเต็มรูปแบบของทั้งสองประเทศ เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีของไทยมีกําหนดการเดินทางเยือนราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการระหว่างวันที่ 25-26 มกราคม 2565 ตามคําเชิญของเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อัลซะอูด มกุฎราชกุมาร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแห่งซาอุดีอาระเบีย
โดยมีหลายปัจจัยสําคัญที่ทําให้ซาอุปรับท่าทีมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับไทย ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงภายในประเทศที่เกิดขึ้นนั่นคือมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลไปสู่คนรุ่นใหม่หรือปัจจัยสําคัญอีกประการหนึ่งนั่นคือปัญหาราคานํ้ามันที่ลดตํ่าอย่างต่อเนื่อง จนเป็นสาเหตุให้รัฐบาลต้องประกาศโครงการวิสัยทัศน์ซาอุ 2030 (Saudi Vision 2030) ขึ้นมาเพื่อลดการพึ่งพารายได้จากการขายนํ้ามันอย่างเดียว เมื่อรวมกับความพยายามของกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่พยายามสานสัมพันธ์กับซาอุอย่างต่อเนื่องจนเป็นที่มาของการเดินทางเยือนซาอุดีอาระเบียอย่างเป็นทางการของผู้นํารัฐบาลระหว่างสองชาติเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี เมื่อเป็นเช่นนี้เราลองมาทําความรู้จักประเทศซาอุดีอาระเบียให้มากขึ้นจากข้อมูลเหล่านี้กันครับ..
ประเทศซาอุดีอาระเบีย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย” ตั้งอยู่ในเอเชียตะวันออกกลาง กินบริเวณกว้างขวางบนคาบสมุทรอาหรับ มีพื้นที่ประมาณ 2,149,690 ตารางกิโลเมตร มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองในโลกอาหรับรองจากประเทศแอลจีเรียที่อยู่ในทวีปแอฟริกา โดยมีขนาดพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลกและมีขนาดใหญ่กว่าประเทศไทยประมาณ 4 เท่า มีจํานวนประชากรมากเป็นอันดับที่ 40 ของโลก คือประมาณ 34.2 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ถือสัญชาติซาอุดีอาระเบีย ส่วนที่เหลือเป็นชาวต่างประเทศ ส่วนเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดคือ “กรุงรียาด”
ประเทศซาอุดีอาระเบียมีอาณาเขตทางทิศเหนือติดกับประเทศจอร์แดนและอิรัก ทางตะวันออกเฉียงเหนือติดกับประเทศคูเวต ทางตะวันออกติดกับประเทศกาตาร์, บาห์เรนและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ทางตะวันออกเฉียงใต้ติดกับประเทศโอมาน ส่วนทางทิศตะวันตกติดกับประเทศอียิปต์และทางใ้ต้ติดกับประเทศเยเมน ด้วยประเทศซาอุดีอาระเบียมีภูมิประเทศและพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทะเลทรายจึงมีสภาพภูมิอากาศแบบร้อนรุนแรงและแห้ง โดยในฤดูร้อนประมาณเดือนมีนาคม-กันยายน อากาศอาจร้อนจัดถึง 45-50 องศาเซลเซียส และในฤดูหนาประมาณเดือนกันยายน-กุมภาพันธ์ มีอากาศหนาวเย็นโดยอุณหภูมิอาจลดลงถึง 2-5 องศาเซลเซียสในเวลากลางคืน
ประเทศซาอุดีอาระเบียปกครองด้วยระบอบราชาธิปไตย โดยมีกษัตริย์เป็นประมุขมีอํานาจสูงสุด เป็นผู้แต่งตั้งและเพิกถอนคณะรัฐมนตรีและสภาที่ปรึกษา มีการแบ่งการปกครองออกเป็น 13 เขตการปกครอง และใช้ภาษาอารบิกเป็นภาษาราชการรวมทั้งใช้ในชีวิตประจําวันด้วย ส่วนภาษาอังกฤษเป็นที่ยอมรับในคนระดับบนของสังคมรวมไปถึงนักธุรกิจโดยทั่วไป ประชากรของประเทศ 97% เป็นมุสลิม โดย 90% นับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่และ 10% นับถือนิกายชีอะห์ นอกจากนั้นจะนับถือศาสนาคริสต์, ฮินดู, พุทธและไม่นับถือศาสนาเป็นส่วนน้อย ประเทศซาอุดีอาระเบียใช้เงินสกุล ‘ซาอุดิริยาล’ (SAR) เขตเวลา UTC+3
https://pixabay.com/images/search/saudi%20arabia/
ประเทศซาอุดีอาระเบียมีสถานที่ท่องเที่ยวแปลกตาที่จะสร้างความตื่นตาให้กับนักท่องเที่ยวอย่าง “มักกะห์” (Makkah) หรือ “เมกกะ” เมืองที่ชาวมุสลิมจะต้องเดินทางไปให้ได้ซักครั้งหนึ่งในชีวิตเพื่อประกอบพิธีฮัจย์ ถ้าจะเป็นแหล่งโบราณคดีก็มี “มาเดน ซาเลห์” ที่มีอายุเก่าแก่ราว 2,000 ปี อารยธรรมเดียวกับที่สร้างเปตราที่จอร์แดน หรือจะเป็นเมืองเก่า “เจดดาห์” (Jeddah’s Old City) ซึ่งมีอาคารที่สร้างขึ้นจากปะการังและเมืองเก่า “ดะเรียห์” (Old Dariyah) ที่ตั้งอยู่ติดกับกรุงรียาด โดยเป็นบ้านของราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศซาอุในอดีต รวมไปถึงทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาอยู่ห่างจากกรุงรียาดไปไม่ไกลนัก
ด้วยความที่ซาอุดีอาระเบียเป็นประเทศที่มีอิทธิพลอย่างมากในกลุ่มประเทศมุสลิม เป็นประเทศใหญ่ที่มีนํ้ามันสํารองมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกแล้วยังเป็นที่ตั้งของนครมักกะห์ สถานที่ที่ชาวมุสลิมทั่วโลกหวังที่จะได้ไปประกอบพิธีฮัจย์อย่างน้อยซักครั้งหนึ่งในชีวิตและในทางเศรษฐกิจซาอุดีอาระเบียยังเป็นคู่ค้าอันดับที่สองของไทยในภูมิภาคตะวันออกกลางเป็นแหล่งส่งออกสินค้าไทยและซาอุมีความต้องการนําเข้าสินค้าไทยกับแรงงานไทย นอกจากนี้ยังมีการประกาศผ่านทาทวิตเตอร์ของสายการบิน Saudi Arabian Airlines ว่าจะเริ่มกลับมาทําการบินตรงจากซาอุมายังไทยตั้งแต่เดือนพฤษภาคมนี้ ซึ่งน่าจะทําให้ธุรกิจการท่องเที่ยวขยายตัวขึ้นอีกมาก เราก็หวังว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศจะกลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วหลังจากที่ร้าวฉานกันมานานซึ่งน่าจะเป็นผลดีด้วยกันทั้งสองฝ่าย..
4
References:
โฆษณา