3 ก.พ. 2022 เวลา 14:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ชวนคุย เรื่อง การลงทุนหุ้น ต่างประเทศ กับ หุ้นไทย อันไหน คุ้มค่ากว่ากัน ? : สมาคมนักลงทุนเน้นคุณค่า (ประเทศไทย)
สุดยอดกระทู้คุณภาพจากคุณ crazyrisk
สวัสดีครับ ลองชวนคุยดูนะครับ ในนี้มีพี่ท่านไหนที่ลงทุนในหุ้นอเมริกา เป็นอาชีพ และมีประสบการณ์ลงทุนเกินกว่า 5-7 ปีไหมครับ
ก่อนอื่น ออกตัวก่อนนะครับว่า ผมเป็นมือใหม่มากๆ เรื่องลงทุนหุ้นต่างประเทศ เลยอาจจะถามคำถามที่ค่อนข้าง basic สำหรับ เซียนๆในห้องนี้พอสมควรครับ ถ้าอันไหน ไม่สะดวก จะข้ามไปได้นะครับ
1. ปกติ เล่นหุ้นเมกา ผลตอบแทนเฉลี่ย เทียบกับการลงทุนในหุ้นประเทศอื่นๆ เป็นอย่างไร (เอาแบบเทียบค่าเฉลี่ย ระยะยาว)นะครับ ความคุ้มค่าในการหาข้อมูล คือ หุ้นไทย บางคนก็บอกว่า ถือยาวๆ ไม่ค่อยได้ เพราะ ตลาดไม่ค่อยโต การจะหาหุ้น superstock อาจจะยากกว่าในเมกา พอสมควร ชนิดที่ ดร.เคยบอกว่า ซื้อแล้วนั่งกระดิกเท้ารอ ก็ยังได้ ตามหัวข้อ ของคำว่าคุ้มคือ คุ้มกับเวลาที่เราใช้ในการศึกษา หรือ เทียบกับ สุขภาพจิต เวลาเกิดการผันผวน แรงๆ ครับ
2. กลยุทธ การลงทุนหุ้นไทย กับ หุ้นเมกา เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี แตกต่างกันไหมครับ เท่าที่ผมเข้าใจ หลัก การ vi ที่ดี คือ แบบ บัฟเฟต คือ ซื้อเมื่อราคาตกลงมาเยอะๆ แล้ว valuation ถูก เมื่อเทียบกับ moat และ growth ในระยะยาว ขณะที่ ถ้าไปตามเวป เมกา อย่าง motley fool หรือพวก seeking alpha ก็จะมี สาย ซื้อเมื่อ กราฟ เบรก new high แล้วเอา funda มาจับอีกที คือ อยากถามแบบประสบการณ์จริงๆ ว่า เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดี คิดว่ากลยุทธไหนดีที่สุด
3. ในแง่ของ valuation ผมสังเกตว่า หุ้นกลุ่ม nasdaq ที่ร่วงลงมา 70-80% ส่วนใหญ่่ เป็นหุ้นที่ ได้รับความนิยมสูงมากในช่วงที่ผ่านมา ซึ่ง การ forecast R กับ EPS จะถูก คาดการณ์ล่วงหน้าถึง 10 ปี ซึ่ง ตามที่ผมเข้าใจคือ ในบรรดา หุ้นที่ลงมา แบบนี้ จะมีกลุ่มนึง ที่ไม่กลับมาที่เดิม กับอีกกลุ่มอาจจะใช้เวลาสักพักก่อนกลับมาใหม่ได้ ขณะที่หุ้นที่ perform ดีๆ กว่า กลับเป็นหุ้นที่มี moat แข็งแกร่ง และ อาจจะทนทานกับสภาวะเงินเฟ้อได้มากกว่า หรือไม่ก็เป็นหุ้น ถูก PE แถวๆ 10-20 และอยู่ในเทรน เช่น คอมโม พลังงาน
คำถามในข้อ นี้คือ การ valuation หุ้นเมกา กับหุ้นไทย คิดว่าใช้วิธี valuation ต่างกันมากไหมครับ ในเมกา ใช้ rule of 40 นั้น คิดว่าใช้ได้ในระยะยาวไหมครับ ขณะที่หุ้นไทย หลักๆ ก็ใช้ PE แต่สำหรับหุ้น growth ก็จะใช้ PEG หรือ บางคนก็อาจจะใช้ DCF แต่ ผมว่า การใช้ DCF ก็เป็นความเสี่ยงพอสมควร เพราะ ตัวแปร ในระยะยาว ก็มีความเคลื่อนเยอะอยู่
ขอเสริมอีกสักนิดครับ เท่าที่ผมศึกษามา ข้อเสียของหุ้น high growth ที่ไม่มีกำไร จะมีความเสี่ยงตอนเงินเฟ้อขึ้นแรงๆ ในอดีตนั้น ช่วงที่ค่าแรงขึ้นมากๆ พวก high growth เหล่านี้ โดนปรับ valuation แรงมาก เพราะ คนกังวลว่าค่าแรงที่เพิ่มขึ้น จนทำให้ บริษัทพวกนี้ ทำกำไรยากขึ้นกว่าเดิม จน มีหลายบริษัทที่ต้องพ่ายแพ้ไป อยากลองคุยว่า สถานการณ์ตอนนี้จะต่างกับตอนสมัยก่อนๆ มากน้อยแค่ไหน
4. ข้อมูลประกอบ การตัดสินใจ ใน ไทย การอ่าน 56-1 เหมือนจะปวดหัว แต่ก็ไม่ยาวมากเท่าของเมกา แถมมี บวค กับข่าว ค่อนข้างเยอะ (แม้ว่า บวค ที่วิเคราะห์เจาะลึกจะหาได้ยากหน่อย แต่ก็ได้ฟรี) แถมมี ผบห ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่างๆพอสมควร รวมไปถึง oppday ส่วนในตลาดเมกา นั้น เท่าที่ผมเข้าใจ คือ ข้อมูล เยอะกว่าของไทยมากๆ ที่เปิดเผย public แต่ บทวิเคราะห์ดีๆจะหายากหน่อย (คือ ไม่รู้แหล่งเข้าถึงพวกนี้ ต้องเข้ายังไงเหมือนกัน)
1
ผมเลยเลือกอ่านใน seekingalpha ก็จะมี เซียนหุ้นที่เคยเก่งมากๆ เมื่อปีก่อนๆ ที่เชียร์หุ้นเทพๆหลายตัว แต่พอ สถานการณ์เปลี่ยน หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากโควิดแค่ชั่วคราว แต่ก็ยังเชียร์ต่อเนื่องๆ (อันนี้ อย่างที่บอกว่าประสบการณ์ผมน้อย อาจจะเข้าใจผิด ผ่านไปอีก 2-3 ปี เขาอาจจะถูกก็ได้) กลายเป็นกลยุทธ ลอกเซียน ในเมกา อาจจะยากกว่าที่คิด
5. สิ่งหนึ่ง ที่เป็นปัจจัยหลัก ในการลงทุน คือ การทำความเข้าใจในกิจการ
ในไทยนั้น อาจจะ ใช้วิธีการ แยก segment ออกมา ได้ง่ายระดับหนึ่ง เช่น อุตสาหกรรมทวงหนี้ อุตสาหกรรม ร้านอาหาร หรือ ค้าปลีกเฉพาะทาง บางอย่าง ซึ่ง การทำความเข้าใจ กิจการ ว่า ใครเป็นผู้นำ ในตลาดนี้ หรือ ใครจะเป็นผู้เล่นที่ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นั้นๆ หรือ เข้าใกล้ช่วงเก็บเกี่ยวผลตอบแทน อาจจะเป็นประเด็นที่ นักลงทุนสามารถใช้ในการประเมิน การลงทุนได้ ง่ายกว่า ไหมครับ คือ ในแง่ของข้อมูลอเมริกา ผมเชื่อว่า การให้ข้อมูลของแต่ละบริษัท หลายที่ให้ข้อมูลได้ดีกว่าไทยเยอะ เช่น ภาพของ TAM หรือ ภาพของ business model
คำถามข้อนี้ คือ ในประสบการณ์การลงทุน หุ้นเติบโตใน อเมริกานั้น คิดว่า การทำความเข้าใจธุรกิจเพื่อประเมินกำไรในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ยากกว่า ไทย หรือ ง่ายกว่าไทยครับ
ลองชวนคุยดูนะครับ ใครมีประเด็นอื่น เสริมเพิ่ม ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ
หมายเหตุ - กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาพาดพิงบุคคลใด ทั้งสิ้น ผมเขียนข้อสังเกตจากประสบการณ์ส่วนตัวในหุ้นเมกา ซึ่งยอมรับว่า อ่อนด้อยมาก และ อยากลองฟังความรู้เพื่อจะได้นำไปปรับใช้ต่อไป
ร่วมอ่านและแสดงความเห็นต่อได้ที่กระทู้
ประชาสัมพันธ์ - ตอนนี้เว็บบอร์ด Thai VI เปิดให้สมัครสมาชิกและทดลองใช้ได้ฟรี 30 วันแล้ว! เข้าไปสมัครกันได้เลยครับที่ www.ThaiVI.org
โฆษณา