Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
โปรแกรมจิตชีวิตใหม่
•
ติดตาม
3 ก.พ. 2022 เวลา 23:56 • ธุรกิจ
#การสร้างพลังทางสติปัญญาด้วยแนวคิดพุทธที่ให้ฝึกฝนความเจริญเติบโตในความเป็นมนุษย์ ที่จะการกำหนดชะตาชีวิตด้วยตนเอง
พุทธศาสนาไม่เน้นเทวะนิยมพระเจ้าเทพเทวาที่บันดาลดีร้ายได้ ให้แก่ผู้คน
เพราะพุทธศาสนาไม่ต้องการให้ใครมาอ้อนวอนให้มากำหนดชะตาชีวิตให้ตน
แค่เพียงเป็นผู้ชี้ทางนำทางให้มีความเท่าเทียมกันในการฝึกฝนตนเองในความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ในการกำหนดชะตาชีวิตที่ไม่เป็นทาสของกรรม
พุทธศาสนาไม่มีผู้นำจิตวิญญานมากำหนดชะตาชีวิต
มีแต่คำสอนที่เกี่ยวข้องกับกฎธรรมชาติที่มีอยู่แล้วตา
มธรรมชาติ
เพียงแค่พุทธองค์ค้นพบกฎธรรมชาติ และนำมาใช้ด้วยหลักของเหตุและผล ที่เน้นการสืบสวนหาเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง
มาตอบโจทย์ปัญหาที่คนเองเป็นทุกข์เพื่อตอบโจทย์ภาพรวมอนาตตของแต่ละคน
ทุกคนที่ฝึกฝนความเป็นมนุษย์ จะมีความเท่าเทียมกันในการกำหนดชะตาชีวืต ของตนเองตามแต่ความปรารถนาแรงกล้าของทุกคน ไม่ใช่กำหนดจากพระเจ้า
ไม่ใช่กำหนดจากพรหมลิขิต
แต่กำหนดโดยสติปัญญาของแต่ละคน ที่ผ่านการฝึกฝนทางจิต
ให้จิตวิญญาน(mind)มีอิสรภาพขึ้นมา
ไม่ใช่ตกอยู่การควบคุมโดยพระเจ้าเทพเทว่าที่จะประทานพร
แต่ฝึกฝนตนเอง ให้จิตวิญญานมีอิสรภาพในทำงานเชิงรุก และอารมย์ที่คิดบวก
ด้วยกระบวนการคิดทางสติจากจิตใจ และกระบวนการปัญญาของสมองซีกซ้าย/ด้านเหตุผล ของสมองแบบไม่มีกรอบจำกัด ที่ไม่ใช่แค่นอกกรอบ เพราะโดนกำหนดกรอบเอาไว้
เพราะพุทธศาสนาไม่เคยสนใจใครว่ามีที่มาอย่างไรมานับถือ
ขอให้เกิดศรัทธาตามหลักของเหตุและผล
ไม่ใช่ต้องศรัทธาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ในพระผู้เป็นเจ้า
พุทธศาสนาไม่ได้เห็นประโยชน์จากคนมานับถือมากมาย
ที่ผู้นำทางจิตวิญญานปัจจุบันจะได้ประโยชน์จากการนับถือนั้น
แต่ต้องการเพียงแค่คนนั้นๆจะเป็นมนุษย์ที่ผ่านการฝึกฝน ในการเข้าใจตนเอง เข้าใจชีวิตตามกฎธรรมชาติที่เป็นสัจจธรรม(truth)
และเข้าใจธรรมชาติของความเมตตาการแบ่งปัน ความเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรแก่เพื่อนมนุษย์เป็นหลักของการอยู่ร่วมกันโดยไม่เบียดเบียนกันและกัน
ด้วยจิตที่นิ่งเฉยไม่ส่าย แต่นื่งเฉยด้วยปัญญา
ที่เป็นปัญญาที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของกฎธรรมชาติ ในเรื่องของการเกิดมาแล้วดับไป
มีทุกข์/ปัญหาก็แก้ด้วยปัญญาตอบโจทย์สำเร็จก็เกิดสุข
ละลดอัตตา(กิเลส/โลภโกรธหลง และตัณหา/ความทะยานอยากให้พอดีกับชีวิต ที่จิตเปลี่ยนให้เป็นความปรารถนาแรงกล้า(passion)
ด้วยการรับรู้เรื่องกรรม(การกระทำ) ว่าจะส่งผลทั้งกรรมดีกรรมชั่วอาจในภพนี้หรือผูกพันภพหน้าที่มาในรูปวิบากกรรมของแต่ละคน
ที่จะเกิดมาเป็นคนมามืดหรือมาสว่าง แต่เมื่อฝึกฝนความเป๋นมนุษย์ ด้วยการหล่อหลอมจิตคุมปัญญา
ก็สามารถมีสัดส่งน2/3ในการไปสว่างหรือไปมืดไม่ว่าคนนั้นเกิดมามืดหรือมาสว่าง
เพราะกุศลกรรมอกุศลกรรมที่เป็นเหตุปัจจัย ของการตอบโจทย์ได้ถูกสร้างขึ้นในภพนี้
ที่ไม่ติดอยู่กับพรหมลิขิต ไม่ติดอยู่กับการอ้อนวอนพระเจ้าเทพเทวา
เพราะความเป็นมนุษย์ประเสริฐพอในการกำหนดชะตาชีวิตตามหลักเหตุและผล ของกรรมที่เกี่ยว
เช่นอยากรวยก็ต้องทำในสิ่งที่จะรวยตามเหตุปัจจัยของความรวย ไม่ใช่อยากรวย
แต่สะสมบุญทำบุญสร้างวัด
ที่ทำให้เกิดกุศลกรรมคือจิตวิญญานอิ่มเอิบ
ตามมาด้วยจิตนิ่งเฉยด้วยปัญญาที่จะมองหาเหตุปัจจัยต่อความร่ำรวย
ทั้งเมตตาธรรมที่เกิดด้วยการแบ่งปันแก่ผู้คนก็จะเกิดกุศลกรรมเสมือนการไม่เป็นทาสของกรรม
แต่อยู่เหนือกรรม คือ "กรรมไล่ไม่ทัน"ในรอบที่ควรเป็น ต้องรอรอบใหม่ และกุศลกรรมนั้นถ้าช่วยเหลือผู้คนด้วยเมตตา ก็จะได้กุศลกรรมตามมาคือ
"คนทำบุญก็มีความสุขคนรับ"ทาน"ก็มีความสุข
ที่แล้วแต่เนื้อนาบุญ
คือ "หว่านพืชผลลงไปในดินดี หรือในดินเลว
ก็ให้ผลตอบแทนต่างกัน
แต่ถ้าพื้นฐานเมตตาธรรมค้ำจุนโลก
คนให้ก็ไม่หวังผลตอนแทน จิตของคนให้ความเมตตาก็เสมือน กับกระทำแก่ทุกคน เสมือนพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรสร้างบารมี
***โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย 4 กพ.2565 www.blockdit/direkrerkrai
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย