5 ก.พ. 2022 เวลา 09:41 • อาหาร
ทำความรู้จัก “โอมากาเสะ” กินหรู แบบตามใจเชฟ
กระแสฮือฮา ดราม่าโลกโซเชียล เมื่อคลิปยูทูบเบอร์คนดัง เดินเหยียบย่ำบนโต๊ะอาหารภายในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ให้บริการแบบ “โอมากาเสะ” (omakase) ที่ว่ากันว่าหรูหรา เพราะเป็นวัฒนธรรมการกินอันล้ำค่าของญี่ปุ่น สืบต่อกันมา สวยงามทั้งศิลปะ เลิศรสจาก “เชฟ” มากฝีมือ
ทำให้หลายคนอยากรู้ว่า “โอมากาเสะ” คืออะไร ทำไมต้องแพง และทำไมต้องจ่าย
ข้อมูลจาก Michelin Guide ระบุว่า โอมากาเสะเรียกได้ว่าเป็นอาหารที่เปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณ โดยจะเปลี่ยนไปตามแต่ละโอกาส โดยเชฟจะเป็นผู้ตัดสินใจเพียงฝ่ายเดียวว่าจะปรุงอะไรระหว่างคอร์สนั้นๆ หากแปลตามคำศัพท์ “โอมากาเสะ” ก็คือ “ตามใจเชฟ”
เรื่องราวของ “โอมากาเสะ” จากการสืบค้นทำให้รู้ว่า โอมากาเสะ เป็นการให้บริการอาหารญี่ปุ่นที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานนัก แต่แม้ไม่ใช่วัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดมานานนับร้อยปีเหมือนประเพณีการรับประทานแบบดั้งเดิมอย่างข้าวแกงกระหรี่ แต่ก็เป็นวัฒนธรรมการกินอันล้ำค่าของญี่ปุ่น ที่เปี่ยมไปด้วยศิลปะและความสง่างาม
1
จุดเริ่มต้นของ “โอมากาเสะ” มาจากร้านซูชิ ที่มักจะมีราคาสูง ผู้ที่ไปกินซูชิได้ต้องมีทั้งเงินและความรู้ในเรื่องปลา นับจากปี 1900 เมื่อเศรษฐกิจในประเทศญี่ปุ่นมีการเติบโต ผู้คนมีกำลังทรัพย์มากขึ้นจนสามารถกินซูชิระดับไฮเอนด์ได้ แต่สิ่งที่พบคือ ไม่มีความรู้เรื่องปลา หรืออาหารที่รับประทาน เลยต้องใช้วิธีสั่งให้พ่อครัวทำโดยไม่เอ่ยชื่อปลาโดยเฉพาะเจาะจง การกินแบบ “โอมากาเสะ” จึงถือกำเนิดขึ้นมานับตั้งแต่นั้น
1
“โอมากาเสะ” เริ่มได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะผู้ทานจะได้รับประทานอาหารโดยไม่ที่ไม่รู้ว่าจะได้ทานอะไร รสชาติเป็นอย่างไร แต่จะได้เห็นการทำของเชฟที่พิธีพิถัน บรรจงรังสรรค์ แต้มแต่งเมนูแต่ละจาน ออกมาให้รับประทาน ซึ่งแม้จะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป แต่การได้โต้ตอบ พูดคุยกันระหว่างเชฟและผู้ทาน รวมถึงผู้ทานด้วยกันเอง กลับทำให้ช่วงระยะเวลาที่ยาวนาน หายไปทันที
2
จุดเด่นของ “โอมากาเสะ” อยู่ที่ “วัตถุดิบ” ที่เชฟจะต้องแจ้งต่อลูกค้าว่า วันนี้วัตถุดิบหลักคืออะไร แต่หัวใจสำคัญจะอยู่ที่วัตถุดิบเหล่านี้ต้องสดใหม่ การปรุงแต่งต้องเข้าถึง และลงตัว จากจุดเริ่มต้นที่โอมากาเสะ มาจากวัตถุดิบ “ปลา” วันนี้ วัตถุดิบเริ่มหลากหลาย มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “เนื้อวากิว” “เนื้อโกเบ” “ปูอลาสก้า” “กุ้ง”
1
วันนี้ “โอมากาเสะ” เริ่มแพร่หลายเป็นที่นิยมในหลายประเทศทั้งในยุโรป อเมริกา รวมถึงประเทศไทยเอง ที่เข้ามาเปิดให้บริการนานนับ 10 ปี แต่ส่วนใหญ่ยังให้บริการตามโรงแรมระดับ 4-5 ดาว และยังจำกัดในกลุ่มผู้ทานที่คุ้นเคยกับวัฒนธรรมการกินแบบ “ตามใจเชฟ”
1
ด้วยบริการที่เปรียบเสมือนการให้บริการเฉพาะบุคคล และการคัดสรรวัตถุดิบที่สดใหม่ ทำให้ “โอมากาเสะ” ถูกจำกัดด้วยปริมาณผู้รับประทาน รวมถึงราคาที่สูงเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่นๆ ว่ากันว่า ในโรงแรมหรูระดับ 5 ดาว สนนราคาหลักหมื่นบาทต่อหัว ขณะที่วันนี้มีผู้นำไอเดีย “โอมากาเสะ” มาปรับเพื่อให้บริการที่หลากหลาย และกระจายสู่มากขึ้น ทำให้สนนราคาเปลี่ยนแปลงไปตามทำเล กลุ่มเป้าหมายและคอนเซปท์ที่วางไว้ สนนราคามีตั้งแต่ระดับ 1,000 บาทขึ้นไป
1
ขณะที่ผู้ทานคนไทยบางกลุ่มยังมีข้อจำกัด ไม่ว่าจะเป็นการไม่ทานเนื้อ ไม่ทานผัก ไม่ทานเครื่องเทศ รวมถึงบางคนหวาดกลัวกับการแพ้อาหาร เครื่องปรุง แต่ก็ไม่สามารถเลือกที่จะไม่ทานไม่ได้ เพราะเมนูเหล่านี้ถูกจัดขึ้นแบบ “ตามใจเชฟ”
3
“โอมากาเสะ” ในเมืองไทยวันนี้ หลากหลายและถูกดัดแปลงไปให้บริการไม่ใช่เฉพาะอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังมีทั้งอาหารไทย อาหารจีน และเชื่อว่า หลังกระแสดราม่า “โอมากาเสะ” ในครั้งนี้ ทำให้หลายคนอยากลิ้มรสอาหารสไตล์ “โอมากาเสะ” เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
โฆษณา