5 ก.พ. 2022 เวลา 06:57 • ประวัติศาสตร์
ฝนจะตก แม่จะแต่งงาน
"ฝนจะตก แม่จะแต่งงาน" เป็นสุภาษิตจีนที่คนจีนรู้จักกันดี แม้จะถูกนำมาใช้กันบ่อยๆ แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า สองประโยคนี้มันทำไมต้องถูกนำมาโยงเข้าด้วยกัน มันเกี่ยวข้องกันตรงไหน
ความจริงแล้ว มันเป็นเรื่องเล่าปรัมปราที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคโบราณกาล ว่ากันว่ามีนักศึกษาหนุ่มนามว่า จูเอี้ยวจง เป็นคนหนุ่มที่มุ่งมั่นในเรื่องการศึกษา ฉลาดและขยัน ตั้งมั่นที่จะต้องสอบจอหงวนให้ได้ อันเป็นความหวังสูงสุดของคนที่จะไต่เต่าขึ้นไปรับราชการ และแล้วความหวังของเขาก็เป็นจริงจนได้ เมื่อเขาเดินทางไปเข้าสอบแข่งขันระดับประเทศที่เมืองหลวง แล้วก็สอบได้ที่หนึ่งจนได้เป็นจอหงวนในปีนั้น
เมื่อจอหงวนคนใหม่ได้เข้าเฝ้าองค์จักรพรรดิ ปรากฏว่าเป็นที่ถูกพระทัยของพระองค์เป็นยิ่งนัก จอหงวนคนใหม่ไม่เพียงเป็นผู้เฉลียวฉลาดเท่านั้น ยังมีบุคลิกหน้าตาที่ดี พระองค์จึงแสดงความจำนงค์อยากได้มาเป็นราชบุตรเขย แน่นอนที่สุด นี่เป็นข่าวดีที่ยิ่งใหญ่ที่คนหนุ่มไม่เคยคาดคิดมาก่อน คนหนุ่มจึงเตรียมตัวเดินทางกลับบ้านเพื่อไปแจ้งข่าวดีแก่ทางบ้านด้วยความภาคภูมิใจ
ก่อนเดินทางกลับบ้าน จูเอี้ยวจงได้กราบทูลองค์จักรพรรดิว่า มารดาหม้ายของตนได้เลี้ยงดูตนด้วยความใส่ใจอย่างดี แม้ตนจะต้องสูญเสียบิดาไปตั้งแต่ยังเป็นเด็ก แต่มารดาก็ดูแลฟูมฟักตนตั้งแต่เล็กจนโตอย่างไม่ย่อท้อ ครองตัวเป็นหม้ายมาจนถึงทุกวันนี้ ความผูกพันของเขาและมารดาแน่นแฟ้นเยี่ยงชีวิต เขาจึงทูลขอพระองค์ให้ทรงสร้างซุ้มประตูแห่งความบริสุทธิ์ไว้หน้าหมู่บ้าน อันเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมกันในสมัยนั้น แสดงถึงความสูงส่งในการครองตัวเป็นแม่หม้ายที่ไม่ขอแต่งงานใหม่ และประพฤติตัวอย่างเหมาะสมที่น่ายกย่องของผู้คน
เมื่อพระองค์ได้ยินเช่นนั้น ยิ่งเพิ่มความภาคภูมิใจต่อว่าที่ราชบุตรเขยคนนี้ จึงได้ประทานสร้างซุ้มประตูให้ตามที่ขอมา
จูเอี้ยวจงเดินทางกลับภูมิลำเนาด้วยความภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง เมื่อกลับถึงบ้านก็ตรงเข้าไปกราบเท้ามารดาด้วยความปลื้มปิติ พร้อมกับบอกเรื่องที่องค์จักรพรรดิประทานซุ้มประตูแห่งความบริสุทธิ์ให้มารดา มารดาซึ่งมีสีหน้าแช่มขื่นมาตลอดเวลาในตอนแรก กลับต้องตกใจจนหน้าถอดสีในทันที บ่งบอกถึงความหวั่นวิตก เหมือนมีอะไรซ่อนเร้นจนยากที่จะเอ่ยออกมาเป็นวจี
จูเอี้ยวจงมองดูสีหน้ามารดาด้วยความฉงน จึงถามว่า
"แม่ไม่สบายหรือเปล่า"
"แม่....แม่ปวดใจเหลือเกิน"
"ทำไมอยู่ดีๆก็มีอาการขึ้นมากระทันหันแบบนี้"
"ลูกเอ๋ย" แม่ร้องไห้โฮก่อนจะพูดต่อ
"ลูกคงไม่เคยสังเกตมาก่อนว่า ชีวิตแม่หม้ายมันทุกข์ทรมานเหลือเกิน ชีวิตที่ต้องทนอยู่กับความเดียวดายโดดเดี่ยว ยิ่งในเวลาค่ำคืนอันยาวนาน น้ำตาต้องไหลซึมจนถึงรุ่งสาง ชีวิตทั้งชีวิตก็ได้แค่หวังจะเลี้ยงดูฟูมฟักได้เห็นลูกประสบความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ ถึงตอนนี้แม่ก็อยากมีคู่ชีวิตในช่วงเวลาที่เหลือของแม่บ้าง วันนี้แม่จึงอยากบอกลูกว่า แม่อยากจะแต่งงานใหม่อีกครั้ง แม่คงไม่มีความเหมาะสมคู่ควรกับซุ้มประตูแห่งความบริสุทธิ์หลังนี้อย่างแน่นอน"
"แม่...แล้วแม่จะแต่งงานกับใคร"
"ก็อาจารย์ของลูกนั่นแหละ จางหวุนจวี้"
เปรียบเสมือนฟ้าผ่าลงกลางกระหม่อมในบัดดล มันตั้งตัวไม่ติด ไม่เคยเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน จูเอี้ยวจงล้มทั้งยืน รีบคุกเข่าต่อหน้ามารดาอีกครั้ง
"แม่ครับ แม่จะให้เรื่องพรรค์นี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด จะให้ลูกเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แล้วยิ่งกว่านั้น มันจะเป็นการโป้ปดมดเท็จต่อองค์จักรพรรดิ โทษอาจต้องถึงขั้นประหารชีวิต"
แม่จุกอกจนพูดไม่ออก จะหาทางออกได้ด้วยวิธีไหน ฝ่ายหนึ่งก็ลูก อีกฝ่ายหนึ่งก็เป็นคนรัก
ความเป็นจริงแล้ว จูเอี้ยวจงเสียคุณพ่อไปตั้งแต่อายุแปดขวบ คนเป็นแม่ต้องเสียคู่ครองตั้งแต่ยังสาว แต่เมื่อเห็นว่าลูกเป็นเด็กฉลาด ตั้งใจเรียนหนังสือ จึงมุ่งมั่นตั้งใจเลี้ยงลูกเป็นอย่างดี จนได้ตัดสินใจว่าจ้างจางหวุนจวี้ ซึ่งเป็นบัณฑิตลือชื่อมาเป็นอาจารย์ประจำตัวให้ลูกในบ้านตนเอง
จางหวุนจวี้เป็นคนมีความรู้มาก วิธีการสอนก็เยี่ยม ทำให้ลูกศิษย์คนนี้มีความก้าวหน้าอย่างน่าพอใจที่สุด
คนเป็นแม่ย่อมดีใจเป็นธรรมดา ยิ่งเพิ่มความเคารพรักให้กับอาจารย์ประจำบ้านท่านนี้มากยิ่งๆขึ้น เมื่อต้องอยู่ใกล้ชิดกันทุกวี่ทุกวัน อุปนิสัยและความสามารถของอาจารย์เป็นที่ประทับใจของฝ่ายหญิงอย่างมาก ในขณะที่ความอ่อนโยน ความเรียบง่ายของฝ่ายหญิงก็ทำให้ฝ่ายชายแอบชื่นชอบมากขึ้นทุกวัน สุดท้ายทั้งสองจึงตกลงกันไว้ว่า รอให้คนเป็นลูกชายแต่งงานมีครอบครัวไปเรียบร้อยก่อน แล้วทั้งสองก็จะแต่งงานกัน จะขอเป็นคู่ชีวิตในยามแก่เฒ่าจนกว่าชีวิตจะหาไม่
ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า เหตุการณ์มันจะกลับตาลปัตรจนหาทางออกไม่ได้ในตอนนี้ เมื่อไม่รู้จะเดินหน้าต่ออย่างไร คนเป็นมารดาได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะพูดกับลูกว่า
"ถ้าเช่นนั้นก็ต้องแล้วแต่ฟ้าลิขิต"
ว่าแล้วแม่ก็หยิบเอาผ้านุ่งของแม่ขึ้นมาชิ้นหนึ่ง บอกลูกว่า
"พรุ่งนี้ลูกช่วยเอาผ้านุ่งชิ้นนี้ไปซักให้สะอาด แล้วตากให้แห้งภายในเวลาหนึ่งวัน ถ้าผ้านุ่งชิ้นนี้แห้งภายในเวลาที่กำหนด แม่ก็จะไม่แต่งงานใหม่ แต่ถ้าหากไม่แห้ง มันก็คงเป็นเรื่องของฟ้าลิขิต ลูกก็อย่าได้มาห้ามแม่"
วันที่ยื่นข้อเสนอนั้น เป็นวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส คนเป็นลูกมั่นใจว่าตนน่าจะผ่านเรื่องนี้ไปได้แน่นอน จึงตกลงรับข้อเสนอ
ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่า อยู่ดีๆคืนนั้นก็มีเมฆหมอกหนาทึบมาปกคลุมท้องฟ้า พอรุ่งสางฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย และวันทั้งวันฝนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ผ้านุ่งที่ซักไว้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะแห้งสักที เปียกและชื้นอยู่ทั้งวัน คนเป็นลูกได้แต่นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด แต่ก็ต้องยอมรับความจริงว่า นี่น่าจะเป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิต
จูเอี้ยวจงจำต้องนำเรื่องราวทั้งหมดขึ้นทูลองค์จักรพรรดิ ขอให้ทรงลงโทษตน องค์จักรพรรดิได้แต่ประหลาดใจกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น จึงได้รับสั่งลงไปว่า
"ผู้ไม่รู้มาก่อนย่อมไม่มีความผิด ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่ฟ้าลิขิต ก็ให้เป็นไปตามลิขิตนั้น"
แล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็จบลงด้วยดีด้วยความสุขของทุกฝ่าย
"ฝนจะตก แม่จะแต่งงาน" จึงถูกผู้คนเอามาโยงติดกันตั้งแต่นั้นมา กลายเป็นสุภาษิตที่บรรยายถึงเหตุการณ์ใดๆก็ตาม เมื่อผู้คนเชื่อว่ามันเป็นสิ่งที่ฟ้าได้ลิขิตไว้แล้ว ก็ยากที่จะมีสิ่งใดมาเปลี่ยนชะตากรรมมันไปได้
Facebook:ห้องสมุดฟลิ้นท์
“ขจรศักดิ์”
แปลและเรียบเรียง
จากสุภาษิตจีน
天要下雨 娘要出嫁
โฆษณา