6 ก.พ. 2022 เวลา 07:55
การรถไฟฯ เปิดสเปค “อุลตร้าแมน” หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าน้องใหม่ของไทย
การรถไฟฯ เปิดสเปค “อุลตร้าแมน” หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าน้องใหม่ของไทย ที่มาพร้อมความเร็วสูงสุด 120 กม./ชม. เพิ่มศักยภาพด้านการเดินทางและการขนส่ง
หลังเผยโฉม “หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า” รุ่นล่าสุด (CDA5B1) หรือที่ใครๆ ต่างพากันเรียกว่า “อุลตร้าแมน” ด้วยลักษณะหัวรถจักรที่มีสีแดง-เทา คล้ายกับชุดของอุลต้ราแมน หัวรถจักรรุ่นนี้ผลิตโดย บริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซิชูเยียน (CRRC Qishuyan) ประเทศจีน โดยหัวรถจักรที่การรถไฟฯ ตั้งเป้าจะนำมาเป็นกำลังสำคัญเพื่อเสริมทัพศักยภาพรถไฟไทย ให้แข็งแกร่งทั้งในด้านการขนส่งและสนับสนุนการท่องเที่ยวทางรางให้คึกคักมากยิ่งขึ้น ซึ่งเซ็นสัญญาซื้อขายไว้จำนวน 50 คัน มูลค่า 6,525 ล้านบาท
การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เซ็นสัญญาสั่งซื้อ ไปเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2563 กับ กิจการร่วมค้าเอสเอฟอาร์ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูล และทำการจัดส่ง“ หัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า” ล็อตแรก เมื่อช่วงปลายเดือน มกราคม 2565
ที่ผ่านมาแล้วจำนวน 20 คัน ส่วนในล็อตที่ 2 อีก 30 คัน คาดว่าน่าจะถึงประเทศไทยประมาณเดือน ก.พ. 2566 หรือช่วงต้นปีหน้า
ทำไมต้องซื้อหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้า?
ปัจจุบันหัวรถจักรของการรถไฟฯ มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน วิ่งให้บริการทุกวัน ทำให้หัวรถจักรบางคันเริ่มเสื่อมสภาพและชำรุด จนทำให้ต้องหยุดให้บริการไปบ้างในบางส่วน ส่งผลให้ขบวนรถที่นำไปให้บริการประชาชนมีไม่เพียงพอ การสั่งซื้อหัวรถจักรใหม่นี้จะมีส่วนสำคัญยิ่งในการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน โดยจะทดแทนคันที่ต้องหยุดให้บริการชั่วคราว ทั้งยังเป็นการสนับสนุนศักยภาพการเพิ่มรายได้ของการรถไฟฯอีกทางด้วย
สเปคแน่น สมรรถนะดีกว่าเดิม !
แน่นอนว่าหัวรถจักรใหม่นี้มีสมรรถนะการใช้งานดีกว่าเดิมมาก โดยคุณสมบัติหลักๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของรถไฟ คือมีกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดที่ 3,263 แรงม้า (2,400 kW) ทำให้สามารถลากจูงขบวนรถโดยสารน้ำหนัก 550 ตัน ได้ความเร็วสูงสุดที่ 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และหากต้องลากจูงขบวนรถโดยสารน้ำหนัก 1,000 ตัน สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่หากมีการบรรทุกสินค้าที่น้ำหนักถึง 2,100 ตัน จะทำความเร็วสูงสุดได้ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
1
นอกจากนี้ ยังมีระบบห้ามล้อ ผลิตจากประเทศสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี แบบ Electronic air brake system จากเดิมรถจักรในปัจจุบันใช้แบบ Pneumatic air brake system ซึ่งทำให้การซ่อมบำรุงรักษาที่ง่ายขึ้นกว่ารถจักรแบบเก่า
ทั้งนี้ถึงหัวรถจักรจะเป็นเครื่องยนต์ดีเซลแต่มีค่ามาตรฐานการปล่อยควันไอเสียต่ำ ตามมาตรฐาน UIC IIIA / EU Stage IIIA และสามารถรองรับการใช้เชื้อเพลิงน้ำมันไบโอดีเซล จนถึง B20ได้ เพื่อลดปัญหาฝุ่น PM2.5 ตามนโยบายของภาครัฐ อีกทั้งรูปแบบแคร่รถจักร Co-Co (เป็นรูปแบบ 6 เพลา ชุดละ 3 เพลา ) ทำให้สามารถวิ่งบนเส้นทางมาตรฐานของการรถไฟฯได้อย่างแน่นอน
สำหรับตำแหน่งพนักงานขับรถ (พขร.) อยู่ทางด้านขวาของตัวรถ รวมทั้งติดตั้งระบบกล้อง CCTV เพื่อบันทึกเหตุการณ์ด้านหน้ารถจักรและเครื่องพ่วง
หัวรถใหม่ล็อตแรกจะนำไปวิ่งเส้นทางไหนก่อน?
ในประเด็นนี้ นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการตรวจรับ เช็คสภาพและความสมบูรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์ อะไหล่ ทั้ง 20 คันแล้ว จะมีกระบวนการให้พนักงานขับรถ ทดสอบขับ โดยคาดว่าจะนำไปวิ่งให้บริการในเส้นทางรถไฟทางไกล เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณผู้โดยสารและการขนส่งสินค้าทั่วประเทศ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ และเสริมศักยภาพในการหารายได้ของการรถไฟฯ ตลอดจนสเปคหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าดังกล่าวยังรองรับการขยายโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางรางอื่นๆ โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ที่จะทยอยเปิดให้บริการประชาชนในอนาคต
อย่างไรก็ตามหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าในล็อตที่ 2 หรือ อีกจำนวน 30 คันที่เหลือ ทางบริษัท ซีอาร์อาร์ซี ซิชูเยียน (CRRC Qishuyan) จะเริ่มทำการผลิต(Manufacturing) ในช่วงเดือนมีนาคม 2565 หลังจากนั้นจะจัดส่งให้กับการรถไฟภายใน 915 วัน นับถัดจากวันที่ลงนามในสัญญาฯ หรือภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 และการรถไฟฯยังมีแผนที่จะจัดซื้อตู้โดยสารใหม่ เพื่อนำมาจัดสรรให้สอดคล้องกับความต้องการ และทดแทนตู้โดยสารเก่าที่เริ่มเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน
โครงการจัดหาหัวรถจักรดีเซลไฟฟ้าในครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการของการรถไฟฯ โดยเป้าหมายสำคัญนอกจากการเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการแก่พี่น้องประชาชน ให้ได้รับความปลอดภัย และสะดวกสบายในการใช้ระบบขนส่งทางรางแล้ว ยังหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีส่วนผลักดันเศรษฐกิจฐานราก กระตุ้นการท่องเที่ยว และการเดินทางด้วยระบบรางให้คึกคัก จนนำไปสู่การสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป
โฆษณา