5 ก.พ. 2022 เวลา 14:50 • หุ้น & เศรษฐกิจ
มุมมองส่วนตัวกับหนทางกลับมาของหุ้น Meta
1
หนึ่งในปัญหาหลักที่ทำให้รายได้ของ Meta ผิดเป้าหมายไป โดยคาดว่าปีนี้จะสูงถึง $10,000 ล้านก็คือผลกระทบจาก Indentifiers For Advertisers (IDFA) ที่ผู้ใช้งาน Apple ไม่ยอมให้ติดตามการใช้งานเช่น การใช้แอป การเข้าเวป เป็นต้น
1
ปัญหาที่เกิดกับ Meta เลยมีสองประเด็นหลักก็คือ 1) จำกัดความสามารถในการจัดกลุ่มผู้ใช้ เช่น ผมชอบใส่นาฬิกา ก็จะถูกจัดกลุ่มในคนกลุ่มเดียวกัน เวลาบริษัทอย่าง Rolex จะลงโฆษณาก็สามารถมาให้ Agency มาเลือกกลุ่มลูกค้าได้อย่างง่ายและมีความแม่นยำสูงมาก 2)ไม่สามารถวัดผลงานของแพลตฟอร์มได้ดีเหมือนเดิม ถ้าลูกค้าไปใช้ Instagram แล้วเจอนาฬิกาที่ถูกใจแต่ไม่ได้ซื้อทันที มาซื้อภายหลังผ่านเวป เหตุการณ์แบบนี้ Meta สามารถเคลมผลงานกับผู้ลงโฆษณาได้ แต่ตอนนี้จะไม่สามารถทำได้เหมือนเดิมแล้ว
1
ผมมองว่าบริษัทน่าจะมีทางเลือกในการแก้ปัญหาดังนี้
1. เพื่อตอบโจทย์การระบุเป้าหมาย (Targeting) ให้กับผู้ลงโฆษณา การพัฒนาเอไอให้สามารถคาดการณ์เพื่อจัดกลุ่มพฤติกรรมของคนที่ชอบอะไรเหมือนๆกันไว้ โดยใช้ข้อมูลหลักๆจากแพลตฟอร์มทั้งหมดของ Facebook Instagram WhatsApp ผมจินตนาการว่าถ้าผมไปกด Like เรื่องการท่องเที่ยวหรือคอมเม้นท์เกี่ยวกับการเที่ยวต่างประเทศบ่อยๆ และผมดูวีดีโอใน Facebook Video เรื่องเกี่ยวกับนาฬิกาบ่อยๆ เอไอก็สามารถจัดกลุ่มให้ผมไปอยู่ในคนที่ชอบท่องเที่ยวและชอบซื้อนาฬิกาได้ จริงๆมันอาจจะไม่ดูง่ายขนาดนี้ ผมคิดว่าเอไอสามารถหาความสัมพันธ์ของข้อมูลที่มีทั้งหมดแล้วคาดการณ์ได้เลยว่าผมชอบอะไร Facebook มีข้อมูลในการทำโมเดลเอไอมหาศาลอยู่แล้ว การแก้วิธีนี้คงต้องใช้เวลาทั้งการเทรนเอไอและโชว์ผลงานให้ผู้ลงโฆษณาเชื่อมั่นให้ได้
2. ในส่วนของการวัดผลอาจจะยากกว่ากรณีของการระบุกลุ่มเป้าหมายเพราะมันต้องการข้อมูลที่เชื่อมต่อกันจาก Apple เพื่อยืนยันว่าผู้ซื้อเคยเปิด Instagram ดูรองเท้า Nike คู่หนึ่งแต่ยังไม่ได้กดซื้อเพราะอยู่ที่ทำงาน พอกลับมาบ้านตอนกลางคืนถึงมาซื้อที่เวปของ Nike ทางแก้อันเดียวที่ผมคิดออกในระยะสั้นคือ Facebook ต้องกลับมาจริงจังกับการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซและการจ่ายเงินของตนเองให้จบในตัว ผมหมายถึงลูกค้าสามารถกลับมาดูรองเท้า Nike คู่นั้นได้จากการที่เขาเก็บข้อมูลไว้ใน Wishlist ตอนอยู่ที่ทำงาน พอเปิดใน Instagram อีกครั้ง มันสามารถลิงค์ไปที่ร้านค้าออนไลน์ที่อยู่บน Facebook Shop แล้วกดสั่งซื้อ จ่ายเงินด้วย WhatsApp ไปเลย ทำทุกอย่างให้จบการขายในแพลตฟอร์มของตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่น
1
3. ในไตรมาสที่ผ่านมาแม้ว่าผลงานตัววัดหลายๆตัวจะดูแย่ลง เช่น Daily Active Users แต่รายได้เฉลี่ยต่อหัวทั่วโลก (ARPU) กลับเพิ่มขึ้น 14% YoY เป็น $14.57 แต่ถ้ามาดูตลาดใหญ่ที่สุดอย่างอเมริกาและแคนาดาเพิ่มขึ้น 13% YoY เป็น $60.57 ผมมองว่า Meta มีแพลตฟอร์มที่มี Network Effect แข็งแกร่งที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ดังนั้นบริษัทน่าจะสามารถปรับเพิ่มราคาควบคู่ไปกับการพัฒนาสองหัวข้อบนได้
ในอดีตที่ผ่านมาพี่มาร์คสามารถปรับตัวได้เป็นอย่างดีตั้งแต่เปลี่ยนจากเวปในคอมพิวเตอร์มาที่มือถือ การมาของ Story และวีดีโอ ครั้งนี้คือบททดสอบที่สำคัญมากเพราะเหมือนโดนรุมทั้ง Apple ที่แก้เรื่อง IDFA และคู่แข่งวีดีโอสั้นอย่าง TikTok ที่พี่มาร์คกล่าวถึงใน Earning call ว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมาก ตัว Reel ยังคงต้องใช้เวลาในการปรับ Algorithm และสร้างคอนเท้นต์ให้ทันคู่แข่ง
1
ส่วนเรื่อง Metaverse กับงบลงทุนมหาศาล ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าจะทยอยออกสินค้าสร้างความเชื่อมั่นระหว่างทางได้แค่ไหน ผมว่า Segment Reality Labs อยู่ได้ด้วยความหวังเพราะค่าใช้จ่ายหนักมาก
ผมไม่ได้ขายหุ้นทิ้งเพราะด้วยราคาพีอี 17 เท่าเมื่อเทียบกับคุณภาพธุรกิจ หุ้นตัวนี้โดนแรงกระแทกแรงๆมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้น่าจะหนักที่สุดเพราะมีหลายเรื่องที่เป็นปัจจัยลบเข้ามากระทบ
เพื่อนๆคิดกันยังไง ซื้อเพิ่มหรือขายทิ้ง คุยกันเล่นๆครับ
ผมทำกลุ่มปิดใน Facebook สำหรับการลงทุนหุ้นอเมริกาและจีนโดยมีค่าสมาชิกรายปีอยู่ที่ 2,999 บาทต่อคน
สมัครเข้าร่วมกันได้ที่ www.billionairevi.com/registration
โดยค่าสมาชิกจะถูกนำไปซื้อบทวิเคราะห์จากต่างประเทศในเวปชื่อดัง เช่น SeekingAlpha, The Motley Fool, Morningstar รวมทั้งข่าวจาก CNBC, Bloomberg, Businessinsider, The Economist รวมทั้งหาคนมาช่วยเขียนบทความครอบคลุมตลาดจีนมากขึ้น
โฆษณา