6 ก.พ. 2022 เวลา 04:29
#BenNote from The Secret Sauce EP.494
“เป็นคนกลางๆ จะโดดเด่นได้อย่างไร”
คุณเคน นครินทร์ คุยกับพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ
5 ทำสู่ความสำเร็จของคนธรรมดา
ในยุคที่โลกเป็นของคนเจ๋ง ๆ คนธรรมดา ๆ เรียนกลาง ๆ ไม่ได้จบนอก ไม่มีต้นทุนทางการเงิน มาจากครอบครัวกลาง ๆ ไม่มี Connection อะไร จะประสบความสำเร็จได้ไหม โลกมนุษย์ยังมีที่ยืนให้คนปานกลางอยู่ไหมในยุค Average is over
พี่โจ้บอกว่าตัวพี่โจ้เองก็เป็นตัวแทนของคนกล๊างกลาง เรียนไม่เก่ง หน้าตาธรรมดา เกิดในครอบครัวชนชั้นกลาง แต่ประสบความสำเร็จได้ด้วยการสร้างแต้มต่อตามเคล็ดลับ “5 ทำ” ค่ะ
แต่ก่อนจะไปถึงเคล็ดลับพี่โจ้แชร์ว่าทำไมเค้าถึงว่ากันว่า Average is Over? … มันเป็นเพราะโลกที่เปลี่ยนไปค่ะ แต่ก่อนคน Average นี่แหละเป็นที่ต้องการ เพราะสังคมการทำงานก็เหมือนโรงงาน เทคโนโลยีต่าง ๆ กระบวนการต่าง ๆ เปลี่ยนช้า ประสบการณ์เดิมใช้ได้ ทำให้ Supervisor หัวหน้างาน หรือเจ้าของสามารถรับ “คนกลางกลาง” มาสอนงานได้ ค่อย ๆ สอน ค่อย ๆ สะสม ค่อย ๆ เรียนรู้กันไป ... speed ช้า ๆ ยังโอเค
นั่นทำให้โลกยุคก่อนเป็นโลกแห่ง Lifetime Employment ด้วย (ยุคก่อนนี่คือสมัยพี่โจ้เริ่มทำงานนี่เองนะ 555 ทำไมพูดเหมือนน๊านนานเนาะ คือโลกยุคนี้มันเปลี่ยนเร็ว ... ฟรึ่มมมม ... จริง ๆ นั่นแหละ) ที่ว่า Lifetime Employment นี่คือนายเลี้ยงกันไปดูแลกันไป ทำงานการไปยาว ๆ ชั่วชีวิตค่ะ เพราะประสบการณ์มันต้องสั่งสม ไปฉวยคว้าเอามาจากไหนไม่ได้
แต่ปัจจุบันโลกเปลี่ยน Digital Disruption + Covid ทำให้เกิด The Great Resignation งานเปลี่ยนทุกมิติ
  • 1.
    “คน” เรียนรู้ว่างานไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดอีกแล้ว ต้องการ Work-life Balance อะไรที่ไม่ใช่ก็ไม่ต้องทนก็ได้
  • 2.
    “งาน” บางด้าน ประสบการณ์ก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะข้อมูลหาง่าย การฝึกฝนทำได้เอง (ทำระเบิดยังเรียนได้ใน google เลยพี่น้องเอ้ยยย)
  • 3.
    “บริษัท” ต้องการคนที่โดดเด่นในด้านที่บริษัทไม่มี จ้างมาแล้วใช้ได้เลย เพราะเจ้าของเป็น Digital Citizen ปลอม ๆ (คือเกิดในยุค Analog ว่าซั่น ก็จะประมวลผลช้าหน่อย ขืนจ้างคน gen เดียวกันมา กว่าจะ Update Version เสร็จ คู่แข่งไปถึงไหนละ)
  • 4.
    “เงิน” จ้างคนมีประสบการณ์เก็บไว้มันแพง จ้างให้ออก แล้วไปหาเด็กใหม่ ๆ ถูกกว่าเยอะ
เมื่อเป็นแบบนี้ผสมกับโลกที่ connect ได้รวดเร็ว ไม่ว่าจะคนหรือ product ก็มีให้เลือกมากมาย ใน Age of Choices แบบนี้ทุกอย่างต้อง outstanding จึงจะอยู่ในสายตา ทำให้เกิดประโยคที่ว่า “Average is Over” และ “Different or Die”
แต่พี่โจ้บอกว่าเอาจริง... คนกลาง ๆ ก็ไม่ใช่ว่าจะอยู่ไม่ได้นะ แต่จะอยู่ยากขึ้น และถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะมีความเสี่ยงมาก เมื่อยอมรับแล้วว่าโลกไม่เท่าเทียมและไม่ยุติธรรม คือเลือกเกิดไม่ได้เว้ย ทำให้ตายลูกเจ้าของ หรือคนมีเส้นก็อาจจะคาบไปแด๊กซ์อยู่ดี แต่เรามีหน้าที่ “ทำ” ให้เรามี “น้ำหนัก” เพิ่มขึ้นในสายตาและในหัวใจของนายงาน
#เราต้องมีหมัดเด็ด มีท่าไม้ตายบางอย่างที่ทำให้นายหรือลูกค้าขาดเราไม่ได้
ทำงัยให้เรามีแต้มต่อมากขึ้น เพื่อให้ได้โอกาสมากขึ้น โอกาสมากขึ้น = Probability ที่จะประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่า Work Hard อย่างเดียว จง Work Smart ด้วย
อ่ะ ... เอาเทคนิคไป “5 ทำ” ค่ะ
1.
#ทำงานที่ไม่มีใครทำ
เราสร้างอำนาจต่อรองได้จากงานที่ไม่มีใครยอมทำ แล้วเราทำได้คนเดียว 😊 เช่น พี่โจ้ย้ายจากเอกธำรงค์ มาทำ Investor Relations ของ DTAC ซึ่งแม่งไม่มีใครยอมทำ เค้าจ้างพี่โจ้เข้าไปด้วยเงินเดือนที่สูงมาก งานคือไปให้ Investor ยำวันละ 5-6 ราย เรียกว่าโดนซ้อมทุกวันเป็นเวลาปีกว่า ... ไม่กระอักโลหิต ก็ต้องสำเร็จวิชาไหมฟ้าละวะ 555
>> พี่โจ้เรียกสิ่งนี้ว่าการเรียนรู้แบบซ้อมมวย สะสมประสบการณ์ โดนซ้อมวันละ 6 ครั้ง มันต้องเก่งละหล่ะ เพราะถ้านับรวมทั้งปีก็เข้ากฏ 10,000 ชั่วโมงเลยนะ จากงานนี้พี่โจ้เลยเทพมากทั้งเรื่องข้อมูลบริษัท เรื่อง Insight ของ Investor และเรื่อง Connections
ซึ่งมันเปิดโอกาสให้พี่โจ้ connect ไป dots ต่อ ๆ ไปมากมาย เช่น >> พี่โจ้ต้องตอบคำถามหลาย ๆ มุม พอไปถามผู้ใหญ่ๆ ขึ้เกียจตอบ เลยให้พี่โจ้เข้าประชุมระดับบริหารฯ ด้วย >> คราวนี้รู้หมด กลายเป็น Google ของ CEO >> พอบริษัทฯ จะหา talent … คนที่จะ pop ขึ้นมาในหัวของทั้งผู้บริหารและ Investor ย่อมต้องมีพี่โจ้ เพราะเป็นคนที่เค้าเห็นหน้าบ่อยที่สุด เห็นมันทุกงาน 😊
พี่โจ้บอกว่ามันอยู่ที่เรารู้จักตัวเองและรู้จักเลือกสนามของเราด้วยนะคะ ถ้าเราทำงานอยู่ในที่ที่ระดับเดียวกันกับเราทุกคนเก่งกว่าเราหมดเลย ให้เราขยันเท่าไหร่ ทำงานหนักเท่าไหร่ก็สู้ไม่ได้ ทำงัยก็ไม่เด่น จงหนีไปที่อื่นเหอะ (อย่างที่เอกธำรงทุกคนเก่ง ฉลาด ภาษาดี พี่โจ้เลยหนีไปหางานอื่นดีกว่า นี่ไม่นับว่างานอื่นเงินดีกว่าเยอะด้วยนะคะ)
ถ้าคุณปานกลางคุณต้องไปโตในถิ่นธุรกันดาร
พี่โจ้ ธนา
เราต้องลำบาก ชีวิตยากแหละ แต่เราจะโดดเด่น Spotlight ลงในที่สุด (ผู้ประกาศไม่สวย เส้นไม่ดี ไปทำรายการดึก ๆ ทำอยู่นานจนมี FC รายการติด คนเห็นก็ได้ย้ายมา Primetime เป็นต้น)
Tips >> เห็นคุณค่าของงานที่คนอื่นไม่เห็น
2.
#ทำเกิน
ลูกค้า (เจ้านาย) จะจำเราได้งัย ...
ก็เหมือน Brand อ่ะ เราต้องรู้ Expectation ของลูกค้า จากนั้นก็มีแค่ 2 ทางที่จะทำให้โลกจดจำ คือต้องเกินหรือขาด ถ้าทำเท่าเส้น Expectation ก็ปานกลาง ไม่มีใครจำได้
>> way คือต้องเกิน >> เล่นใหญ่ไปจ้ะ เช่น...
  • 1.
    พี่สาธิต Propaganda ทำ Annual Report เป็นงาน Arts
  • 2.
    พี่สุรชัย Illusion ที่ละเอียดกว่ากล้องจุลทรรศน์ได้ก็ทำไปแล้ว คนอื่นทำรายละเอียดแค่ตาเห็น แต่งานของ Illusion Zoom 3 ทียังละเอียดอยู่
  • 3.
    คนอินเดียชอบงาน Furniture ไทยเพราะเนี้ยบ หงายดูข้างล่างก็ยังเนี้ยบ
  • 4.
    Apple ของ Jobs ก็เนี้ยบยันข้างใน ไม่มีใครเปิดดูหรอก แต่ถ้าเปิดดูรับรองว่าเนี้ยบ
>> ที่สำคัญคือเราต้องรู้ความคาดหวังของนายนะ แล้วทำไปเลยจ้า ลงแรงเยอะ ๆ ทำงานเยอะ ๆ ไม่ตายหรอก เหนื่อยกายเดี๋ยวก็หาย แต่ไอ้ที่ทำเกินไว้คนจะจำ ไปอีกนานเลยนะ ยิ่งถ้านายได้คำชมจากงานของเรานี่ นายจำเราไปชั่วชีวิตเลยเหอะ 😊 (ป.ล. แต่ก็ไม่ต้องทำทุกอันเนาะ เราต้องรู้ว่าอันไหนควรทำ อันไหนสำคัญ)
3.
#ทำให้เจ้านายเป็นง่อย
ใช้อะไร … ทำ ไม่ใช้อะไรก็หาทำ ทำให้นายประทับใจ เสพติดเรา ไม่มีเราไม่ได้ เพราะจะเหนื่อย 555 ... แต่ต้องมีศิลปะนะจ๊ะ สังเกตจังหวะด้วย ไม่ใช่ใช้แต่ทักษะอย่างเดียว ตะบี้ตะบันทำอย่างเดียว หา “จังหวะทำ” ที่จะจับใจนาย 😊 … บางทีไม่ต้องเป็นงานสำคัญมากมาย ex. ทำ ppt สวย (แค่นี้ก็หายากแล้วนะ เอาจริง) ทำงานรู้ใจ ลองคิดถึงแม่บ้านที่รู้ใจเราดิ่ ถ้าขาดไป ลากลับบ้านไป โอ้โหววว แดดิ้น...
ฉะนั้น ... จงไปคิด ออกแบบ ทำงัยให้ลายเซ็นต์เราเป็นลายเซ็นต์ที่นายเห็นแล้วไม่อ่าน คือเอกสารฉบับไหนผ่านเรามาแล้ว นายไว้ใจเราว่าเราอ่านแล้ว ไม่ต้องอ่านซ้ำ ... หัวใจคือ “พี่ไม่ต้องน้องทำเอง” … ในที่สุดนายก็จะขาดเราไม่ได้ สิ่งนี้จะเป็นน้ำหนักในใจเค้า ถึงเราจะสู้ลูกท่านหลานเธอไม่ได้อยู่ดี แต่เราจะมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อย ๆ
4.
#ทำสำเร็จไม่ใช่ทำเสร็จ
you are not done until the job gets done … ขยันหรือเก่งพี่โจ้ไม่ให้คะแนนมากเท่าที่ทำงานสำเร็จ อย่างเช่นงานเลขา ให้นัดลูกค้าให้ คนทำเสร็จคือ mail แล้วจบ ... เลขาที่ดีคือนัดและตามจนได้นัดหมาย เจอหน้ากัน = สำเร็จ
คนที่มองเห็นกระบวนการจนสำเร็จ และดันให้สุด = คนที่มีทัศนคติแบบที่โลกต้องการ
คนที่ทำงานสำเร็จคือคนที่เผา Silo … ไม่ใช่มองแค่ฝ่ายตัวเอง เพราะลูกค้าไม่มีฝ่าย เราต้องมีใจดูแลว่างานที่จะไปถึงลูกค้า สรุปแล้วมันสำเร็จไหม ไม่ใช่ทำแบบ “ไร้ใจ” = สักว่าทำ
5.
#ทำอะไรไม่รู้แต่ยกมือไว้ก่อน
ทัศนคติที่ทำให้พี่โจ้โตมาเป็นทุกวันนี้คือทัศนคติแบบ “ไม่ชัวร์ก็ลองทำ” ถ้าประเมินแล้วว่าไอ้งานใหม่ที่ไม่เคยทำนี่ พลาดมาไม่โดนไล่ออกหรือไม่ถึงขนาดติดคุกก็ลองทำไปเหอะ
อย่าเป็นคนชักสีหน้าเวลานายให้ไปทำอะไรที่ไม่เกี่ยว ไม่รู้ ไม่มีใครชอบคนชักสีหน้านะ Tips จาก CEO (ที่เคยเป็นลูกไล่มาก่อน) ไม่ว่าจะรู้สึกอะไรอย่าชักสีหน้า Poker Face ช่วยได้ นายสั่งอะไรมารับไว้ แล้วไปหาทางทำให้มันสำเร็จ
พี่โจ้ยกตัวอย่างคุณตัน ... ซึ่งไม่ใช่แค่ Average นะคุณตันนี่เรียกว่า below average คือเป็นจับกัง พูดไม่ชัด หน้าตาไม่ดี เรียนน้อย แต่ยกมือตะพึด ใครให้ทำอะไร ยกมือ บรรดาหัวหน้าก็รัก มีตำแหน่ง Supervisor แผนกส่งของเปิด หัวหน้ามาประกาศหาคนขี่มอไซค์ได้ คุณตันขี่ไม่เป็นก็ยก คือยกไปก่อน แล้วไปหาทางขี่เอา … ปรากฏว่าล้มจนได้แผลทั้งตัว แต่เจ็บแค่ไหนก็ได้เป็น Sup อ่ะ คุณตันบอกว่าโอกาสมาไม่บ่อย มีแล้วต้องคว้าไว้ก่อน แล้วไปหาวิธีเอา
ดังนั้นสิ่งที่บริษัทฯ ขาด ถ้าเราลุย เราทำ ก็จะทำให้เราให้มีแต้มต่อ พี่โจ้บอกว่ามันไม่ได้รับประกันหรอกว่ามันจะพาเราไปไหน จะประสบความสำเร็จหรือไม่ แต่มันเพิ่ม probability ให้เรา ที่เหลือให้โชคชะตาฟ้าลิขิตไป
ฟังแล้วก็แปลว่าเราต้องทำงานหนักอยู่ดีป่ะวะ ก็ใช่แต่มันจะทำให้เราออกแบบชีวิตได้ตามจังหะของเรา แต่เราต้องรู้นะว่าเราชอบอะไรไม่ชอบอะไร บางคนอาจจะชอบทำงานหนัก ก็ Happy แบบนั่นได้ (เบ็นเป็นหนึ่งในนั้นค่ะ 😊)
ส่วนพี่โจ้ไม่ชอบทำงานหนักก็วางแผนว่าจะทำยังไงให้ในอีก 5 ปี 10 ปีไม่ต้องทำงานหนัก ... แน่นอนว่าตอนแรกมันก็ต้องเริ่มแบบหนัก ๆ นั่นแหละ “จบมาแล้วสบายเลย” มันก็เกินไป๊ ... เนาะ (อาจจะมีนะคะ แต่น้อยแหละ แล้วก็อาจจะไม่ยั่งยืนเนาะ) มันก็ต้องลุยแหลกก่อนแหละสัก 5 ปี 10 ปี
อย่างพี่โจ้ตอนนี้หลังจากผ่าน Stage ซ้อมมวยมานานแล้ว ไม่ชอบทำงานก็หาลูกน้องเก่ง ๆ คนที่ถนัดเรื่องที่พี่โจ้ไม่ถนัดมาช่วยทำ สร้างทีมที่ดี งานเราจะไม่หนัก สำเร็จ และสนุก 😊
พี่โจ้เรียกสิ่งนี้ว่าการรู้จักและสร้างแต้มต่อให้ตัวเอง ซึ่งแต้มต่อมี 3 มิติ
1.
มิติด้านการเงิน:
สร้างเงินให้มากพอที่เราจะทำให้เรามีอิสระในการเลือกทางเดินชีวิตได้ (ออมไม่พอนะ เราต้องเข้าใจเรื่องการลงทุน เงินออมต้องโต ต้องงอกเงยเร็วพอ เราจึงจะ Early Retire ได้ ... ไปทำความเข้าใจ Magic Number = 72 นะ (ถ้าเราทำให้เงินออมของเรางอกได้ 1% เราจะใช้เวลา 72 ปีกว่าเงินจะเป็น 100% แต่ถ้าเราหาร 10 คือทำให้งอกได้ 10% เราจะใช้เวลาแค่ 7.2 ปี เราจะเป็นอิสระเร็วแค่ไหนขึ้นอยู่กับว่าเราทำให้เงินของเราโตขึ้นได้เร็วแค่ไหน ซึ่งอยู่ที่การวางแผนของเรา)
2.
มิติด้านอาชีพ:
Resume ของเราต้องมี port ของความสำเร็จ ทำงานให้หนัก แค่ไม่กี่ปีเพื่อให้ได้ผลงานมาประดับ port ex. ทีม Robinhood ที่ทำงานหนักโคตร แต่พอ App ปัง port ทุกคนในทีมคือหะรูหะราเลยนะ จะเลือกอยู่เลือกไปยังงัยก็ได้ทั้งนั้น / หรือถ้าทำงาน Bank ยกมือไปอยู่สาขาไกล ๆ ที่คนไม่อยากไปเร้ย ไปแล้วสร้าง growth ให้โดดเด่น พลิกฟื้นสาขา
นี่คือการที่เรา Keep in mind ว่าเราจะสะสม Story สะสม Branding ของเราได้อย่างไร // เราไม่โดดเด่นแต่เราสร้างงานที่โดดเด่นได้ถ้าเราจับงานถูกประเภทในจังหวะที่เหมาะสม
3.
มิติด้านความสัมพันธ์กับคน:
ทำดีกับทุกคนไว้นะครัช
• ทำให้ตัวเรามี Reference ที่ดี คนย้อนเช็ค สืบประวัติ เราควรมี Reputation มี Footprint ที่ดี
• สร้าง Networking ที่ดี ... เราชอบคิดว่าเราเป็นศูนย์กลาง ทุกอย่างหมุนรอบตัวเรา แต่จริง ๆ เราต่างหากที่หมุนรอบคนอื่น เป็นคนกลาง ๆ จงสร้างเครือข่ายไว้เยอะ ๆ connect ตัวเองกับคนอืน ... ทำให้ตัวเรากว้างพอที่จะมี choice ที่จะเลือกได้
ชีวิตคนปานกลางไม่ง่าย แต่จัดการและวางแผนให้ตัวเราเองมีทางเลือกและหลุดจากการทำงานหนักได้
#สุดท้ายที่คุณเคนขอให้พี่โจ้ฝากไว้
เวลา Burn out อยาก Lying Flat ชุบชูใจยังงัยดี?
พี่โจ้เชื่อว่ามนุษย์ต้องทำงานหนักในช่วงเริ่มต้นแหละ อย่างน้อย 5 ปีแรก มันคือวัยของเราที่จะพัฒนา Skill / Story .. ถ้าทำอะไรง่าย ๆ ช่วงต้น อาจจะปลายแย่นะ เพราะเราไม่ได้พัฒนา Skills หรือสั่งสม Footprint ไว้มากพอ
สิ่งที่พี่โจ้แนะนำสำหรับการดูแลตัวเองคือ...
1.
สร้างร่างกายที่ดี
ด้วยการ E-X-E-R-C-I-S-E อย่างสม่ำเสมอ … จิตใจที่ดีจะอยู่ในร่างกายที่แข็งแรงเท่านั้น ... Burn out ก็กลับมาได้เร็ว 😊 การห้ามไม่ให้ Burn Out แม่งยาก ดูแลสภาพกายให้ใจกลับมาได้เร็วดีกว่า
2.
สะสมสิ่งที่ทำให้เราเลือกได้
จะสะสมอะไรก่อนอื่นเราต้องรู้จักตัวเอง list ออกมาเรียงดูสิว่าในชีวิตเรา เราให้ความสำคัญกับอะไรมากน้อยอย่างไร เราจะได้สะสมสิ่งที่ Support เรื่องนั้น ๆ ให้โดดเด่นขึ้นมา พี่โจ้กับคุณเคนคุยกันว่าลำดับของสิ่งที่สำคัญในชีวิตคนเราอาจเปลี่ยนไปในแต่ละช่วงวัย เช่น ช่วงอายุหนุ่มสาวเงินอาจจะสำคัญที่สุด เพราะเราต้องสร้างเนื้อสร้างตัว แต่เมื่อเรามีพอแล้วเงินจะไม่สำคัญที่สุดอีกต่อไปแล้ว
สำหรับพี่โจ้ สิ่งที่สำคัญคือ
  • 1.
    ครอบครัว
  • 2.
    สุขภาพ
  • 3.
    ความสุขรอบตัว
  • 4.
    ทำตัวมีประโยชน์ ... สะสมคำขอบคุณ
Taker eats well
Giver sleeps well
จงสะสมอะไรที่เป็น Currency ของเรา อาจจะไม่ใช่เงิน อาจจะเป็นผู้คน คำขอบคุณ เวลา อะไรก็ได้ที่เราอยากหยอดกระปุกของเราไว้ อะไรที่มีคุณค่ากับตัวเราเอง
So ... พี่โจ้บอกว่าพี่โจ้สไตล์คือ...
มั่ว ๆ กะ ๆ 555
อะไรที่ Happy ก็ทำไป 😊
หน่อวววว ... ง่ายสุดก็ประโยคสุดท้ายนี่แหละเนาะ
💖🥰😊💖
เบ็นก็ขอส่งกำลังใจให้พวกเราชาว Average มั่ว ๆ กะ ๆ และสะสมอย่างมีความสุขกันทุกๆ คนนะคะ
จากคนกลาง ๆ คนหนึ่ง 🥰
อ่านเป็น Post ได้ที่เพจ #BenNote นะคะ
ขอบคุณพี่โจ้ ธนาและคุณเคน นครินทร์ค่ะ
ฟัง The Secret Sauce EP นี้เต็ม ๆ ได้ที่
💖🥰😊💖
#BenNote #Benji_is_learning
#Benji_is_drawing #bp_ben
#AverageIsOver
#TheSecretSauce #TheStandardPodcast
โฆษณา