8 ก.พ. 2022 เวลา 03:26 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
A Taxi Driver: Viu
เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์นะครับ ไม่ใช่ซีรี่ส์ชื่อคล้ายกันใน Netflix
ภาพยนตร์หยิบยกเรื่องราวการประท้วงใน กวางจู ประเทศเกาหลีใต้เป็นธีมหลัก และเรื่องนี้สร้างจากเรื่องจริงของนักข่าวเยอรมันที่ไปทำข่าวที่กวางจูช่วงนั้น
การประท้วงที่กวางจูในปี 1980 เป็นหมุดหมายสำคัญในประวัติศาสตร์ประชาธิปไตยในเกาหลีใต้ เพราะมีการสูญเสียค่อนข้างมาก มีการทำร้ายและใช้กระสุนจริงยิงนักศึกษาและประชาชนที่ตอนนั้นกำลังประท้วงรัฐบาลพลตรี ชุนดูฮวาน ที่มาจากการรัฐประหาร ในการประท้วงครั้งนั้นมีคนตายและสูญหายมากกว่า 2000 คน แต่ทางการบอกมีแค่ 200 คนเท่านั้น ปัจจุบันนี้ยังมีการสืบหาข้อเท็จจริงของเหตุการณ์และยังมีการเจอร่างของผู้สูญหายอยู่เรื่อย ๆ จนในที่สุด กองทัพเกาหลีใต้นำโดยกระทรวงกลาโหม ออกมายอมรับผิดและขอโทษประชาชนและผู้สูญเสียเรียบร้อยแล้ว
ปีเตอร์ นักข่าวเยอรมัน ทำงานที่ญี่ปุ่นแต่รู้ข่าวการประท้วงและอยากทำอะไรที่ท้าทายจึงเสนอตัวไปทำข่าวที่กวางจู และการเดินทางจากโซลไปกวางจูต้องใช้แท็กซี่ และนั่นคือเหตุที่ทำให้เขาเจอ คิมมันซบ คนขับแท็กซี่คนนี้นี่เอง
ผมชอบมิติและบุคลิกของตัวละครคนนี้มาก ๆ คิมมันซบ เขาเป็นพ่อเลี้ยงเดี่ยว อาจจะเป็นชนชั้นล่างของสังคมด้วยซ้ำ อาศัยชั้นใต้ดินของบ้านเพื่อนสนิท ทำงานหนักเพื่อที่จะมีชีวิตรอด (ไม่ใช่เพื่อชีวิตที่ดี เพราะสังคมมันไม่เอื้ออำนวยขนาดนั้น) เป็นคนตัวเล็กของสังคมที่ยอมจำนนต่อระบบ ตอนที่ลูกโดนทำร้ายโมโหสุดขีด แต่เมื่อคนทำร้ายดันเป็นคนที่ติดค่าเช่าบ้านอยู่ จึงทำได้เพียงบอกลูกไปว่า ชีวิตคนเรามันไม่มีอะไรที่ยุติธรรมหรอก ให้ยอมรับไปเถอะ เมื่อชีวิตมีความทุกข์ยาก การประท้วงทำให้หากินลำบากก็พลอยไปด่าคนประท้วงอีก (จุดนี้สำคัญมากกับตอนจบ ผมว่ามันใช่เลย) เห็นแก่เงินจนต้องทำตัวเจ้าเล่ห์ เพราะเขาได้ยินเพื่อนร่วมงานว่ามีฝรั่งจะจ้างเป็นเงินหนึ่งแสนวอนเพียงแค่พาไปส่งที่กวางจู คิมมันซบเลยตัดหน้าเพื่อนไปซะอย่างนั้น
คิมมันซบไม่รู้เรื่องว่า กวางจูมีการประท้วงใหญ่เพราะรัฐบาลปิดข่าว แต่นั่นจะเป็นเหตุการณ์ที่เขาจะต้องจดจำไปตลอดชีวิต ตัวปีเตอร์ก็ไม่ค่อยชอบใจคิมมันซบนัก เพราะนอกจากจะเห็นแก่เงินแล้วยังพูดมาก เขาพูดอังกฤษได้เพราะเคยไปขายแรงงานที่ซาอุฯ (สามสิบกว่าปีที่แล้ว เกาหลีใต้ส่งออกแรงงานไปซาอุฯ เหมือนไทยเลย ตอนนี้เราฟื้นความสัมพันธ์กับซาอุฯ และเราก็ดีใจที่เราจะส่งแรงงานไปซาอุฯ ได้อีก เฮ้) จนกระทั่งถึงกวาวโจ มีนักศึกษาคนหนึ่งพูดภาษาอังกฤษได้ ปีเตอร์เลยชวนให้มาเป็นล่ามให้หน่อย คิมมันซบถามว่า พ่อแม่ส่งให้เรียนทำไมถึงมาประท้วง ทำไมไม่ตั้งใจเรียน แสดงให้เห็นถึงสภาวะจำยอมระบอบคล้าย ๆ ignorant เกาหลีเฉย อะไรแบบนี้
แต่เมื่อเขาไปเจอเหตุการณ์จริง ที่ประชาชนโดนทำร้าย บางคนสูญเสียคนในครอบครัว การรับรู้ความสัมพันธ์ของคนรอบข้างที่ต้องมาเสียสละในสิ่งที่ไม่รู้เลยว่าถ้าชนะแล้วชีวิตจะดีขึ้นไหมทำให้เขาเปลี่ยนใจทีละนิด ผมไม่อยากตัดสินตัวละคร แต่ค่อนข้างแน่ใจว่า ตอนนั้น คิมมันซบเปลี่ยนความคิด เพราะเห็นอกเห็นใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันมากกว่าซาบซึ้งในอุดมการณ์ประชาธิปไตย ซึ่งมันเป็นรากฐานอย่างหนึ่งที่คนควรมี แม้ว่าเขาจะมีโอกาสกลับไปโซลแล้วยังกลับมากวางจูเพื่อมารับปีเตอร์และอยากให้โลกได้รู้ว่าความจริงคืออะไร (เพราะตอนดูข่าว นักศึกษาและประชาชน โดนใส่ร้ายว่าเป็นคอมมิวนิสต์อยู่เลย) นั่นแสดงให้เห็นว่า พื้นฐานของคิมมันซบไม่ได้เป็นคนเลว การที่เขาเห็นแก่ตัวและชอบเอาเปรียบอยู่เรื่อย คือ การที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตรอดในสังคม ดังนั้น ถ้าสังคมและระบบดีจนสามารถเอื้อให้คนมีชีวิตที่ดีได้ง่ายขึ้น ส่วนรวมก็จะมีสังคมดี ๆ อย่างแน่นอน
กรณีการประท้วงที่กวางจู จบลงภายใน 10 วัน รัฐบาลทหารของเกาหลีใต้อยู่ในอำนาจไปอีก 13 ปี จนสิ้นสุดในปี 1993 อดีตประธานาธิบดี พลตรี ซุนดูฮวาน ถูกดำเนินคดีในหลายข้อหาและเกาหลีใต้ก็ไม่เคยกลับไปปกครองโดยกองทัพอีกเลย
ปัจจุบัน เรารู้ว่าเกาหลีใต้พัฒนาตัวเองไปมาก คิมมันซบ ในปัจจุบันนี้ คงต้องขอบคุณปีเตอร์ ที่มีส่วนทำให้เขามีชีวิตที่ดีขึ้น อย่างน้อยลูกสาวเขาก็ไม่ได้กินข้าวกับน้ำพะโล้และไข่เบอร์ 3 ประชาธิปไตยในเกาหลีใต้เรียกได้ว่ามีแต่ความเจ็บปวด แต่สุดท้ายก็กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีเสถียรภาพทางการเมืองสูงที่สุด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา มันไม่มีประเทศไหนที่จะมีประชาธิปไตยแบบข้ามวัน เราต้องให้เวลาให้มันได้เติมโต ไม่ใช่ว่าพอมันจะเติบโตปุ๊บแล้วถอน แล้วปลูกใหม่ แล้วถอนอีก แบบนั้นมันจึงไม่โตเสียที give democracy a chance แล้วค่อยมาดูว่ามันเป็นยังไง
โฆษณา