8 ก.พ. 2022 เวลา 15:43 • ธุรกิจ
หาเงินออนไลน์ เริ่มธุรกิจออนไลน์อ ย่างไรให้ได้เงินล้าน
นาทีนี้เทรนด์ธุรกิจที่กำลังมาแรงคงหนีไม่พ้นการขายของออนไลน์อย่างแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร มีอาชีพหลักอยู่แล้ว หรืออยากทำเป็นอาชีพเสริม จะอยู่ในแวดวงไหนก็ตาม ต่างก็อยากมีโอกาสได้ลองทำการค้าขายออนไลน์ให้ได้สักครั้ง เพราะต่างเห็นข้อดีของการขายของออนไลน์ที่แทบไม่ต้องเสียเงินลงทุน ไม่ต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ตั้งของ ซื้อง่ายขายหมดเร็ว แต่จะทำอย่างไรให้ร้านของเราแจ้งเกิดบนโลกออนไลน์ได้มาดูกันเลยค่ะ
1.ชื่อร้านต้องปัง
เมื่อคิดจะเปิดร้านค้าออนไลน์ คุณควรที่จะมีชื่อร้านที่สื่อถึงสินค้าที่คุณต้องการจะขาย หลักการตั้งชื่อร้านไม่ได้มีอะไรซับซ้อน คือ ต้องอ่านง่าย สั้นกระชับ ฟังแล้วติดหู ตั้งแต่ครั้งแรก นอกจากนี้ควรตั้งชื่อร้านให้มีความเกี่ยวโยงกับสินค้าที่คุณต้องการขายในร้านด้วย เช่น ร้านขายกระเป๋าผ้า ก็ควรมีคำว่า Bag หรือ Clutch อยู่ในชื่อร้าน แบบนี้เป็นต้น
เทคนิคตั้งชื่อร้านให้ขายดี
-สั้นและง่าย
ชื่อร้านที่สั้นและเข้าใจง่ายมีข้อดีหลายอย่างคือ จดจำง่าย ง่ายต่อการออกเสียง และทำเป็นหัวข้อบนหน้าเว็บร้านค้าออนไลน์ของเราได้ง่ายกว่าชื่อร้านยาวๆ ด้วย
-แตกต่าง
หลักการทำข้อนี้คือ สำรวจคู่แข่งของธุรกิจคุณว่าใช้ชื่ออะไรกันบ้าง แล้วค่อยตั้งชื่อของเราให้ต่างจากเขา แต่นอกจากความแตกต่างแล้ว ชื่อควรสะท้อนจุดเด่นของธุรกิจของคุณว่าต่างจากคู่แข่งอย่างไร
-ใช้จดทะเบียนเว็บไซต์ได้
เมื่อได้ชื่อที่ถูกใจแล้วแต่ก็อย่าเพิ่งฟันธง ลองลิสต์ชื่อที่ชอบออกมาหลายๆ ชื่อ และค้นหาดูว่า มีคนใช้เป็นชื่อเว็บไซต์แล้วหรือยัง เพราะหากคุณอยากให้ธุรกิจเติบโตมากกว่าการมีแค่หน้าร้าน เว็บไซต์ของร้านเป็นสิ่งที่คุณจำเป็นต้องมี
-จดทะเบียนการค้าได้
ชื่อที่คิดขึ้นเองมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใคร นอกจากจะทำให้คนจดจำเราได้ดีกว่า ยังช่วยเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์แบบไม่เจตนาด้วย หลังจากตั้งชื่อบริษัทห้างร้านแล้ว ควรเช็คกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ของกระทรวงพาณิชย์ด้วยว่า มีผู้จดทะเบียนใช้แล้วหรือยัง เมื่อนำไปใช้จริงจะได้ไม่ติดขัดภายหลัง
-มาจากแรงบันดาลใจ
ถ้าคิดชื่อร้านไม่ออกจริงๆ ลองดูที่อารมณ์บรรยากาศของธุรกิจ สินค้าหรือบริการที่ขาย ที่มาที่ไปของธุรกิจ จะเป็นภาษาไทยหรือต่างชาติก็ได้ (ส่วนมากนิยมใช้เป็นภาษาอังกฤษกัน) ช่น ร้านขายเฟอร์นิเจอร์วินเทจใช้ชื่อ “Yesterday Once More” ที่มาจากชื่อเพลงดังในอดีต เนื้อเพลงพูดถึงการมองย้อนกลับไปในอดีตที่มีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ก็เข้ากันได้อย่างลงตัวกับของใช้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาว เพื่อมาเจอกับผู้ใช้งานแต่ละคน ที่จะซื้อมันไปตั้งอยู่ในสถานที่ใช้ชีวิตของตัวเอง
2.ช่องทางการชำระเงินยิ่งเยอะยิ่งดี
เทคนิคสำคัญอีกอย่างที่จะช่วยทำให้การขายของออนไลน์ของคุณมียอดขายเพิ่มมากขึ้น การที่คุณมีช่องทางการชำระเงินที่หลากหลาย ยิ่งเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการเลือกชำระเงิน ทำให้ง่ายต่อการตัดสินใจซื้อยิ่งขึ้นด้วย ซึ่งมีหลากหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
-การโอนเงิน จะเป็นการตัดบัญชีเงินฝากผ่านบริการ Internet Banking ของธนาคาร เป็นวิธีที่ร้านค้าออนไลน์นิยมใช้มากที่สุด สามารถใช้ได้ทุกช่องทางการขาย ทั้ง Facebook, Line, IG, Twitter หรือแม้แต่เว็บไซต์
-การชำระเงินผ่านบัตรเครดิตบนเว็บไซต์ของร้านค้า การชำระเงินด้วยวิธีนี้ใช้ได้ในกรณีที่คุณมีหน้าร้านในเว็บไซต์เท่านั้น โดยจะมีหน้าชำระเงินให้กรอกรายละเอียดบัตรเครดิต/เดบิต
-การชำระผ่านเว็บไซต์ของร้านค้าออนไลน์ด้วย e-Money วิธีนี้คุณต้องมีแอปพลิเคชั่น e-Money จากนั้นเติมเงินเข้าบัญชีให้เพียงพอก่อนจึงจะชำระเงินได้ ผู้ให้บริการ e-Money ที่เราคุ้นเคยก็อย่างเช่น TrueMoney, Rabbit LinePay, Smart Purse หรือ mPay เป็นต้น
-การชำระเงินผ่าน Paypal ด้วยบัตรเครดิต วิธีนี้เป็นที่นิยมเพิ่มมากขึ้นสำหรับผู้ขายของออนไลน์และไม่มีเว็บไซต์หน้าร้าน การชำระเงินด้วยวิธีนี้เห็นได้จากร้านค้าใน IG และใน Facebook เป็นส่วนใหญ่ เป็นการชำระเงินด้วยบัตรเครดิต โดยที่ลูกค้าตกลงซื้อสินค้ากับเจ้าของร้านแล้วจะทำการชำระเงิน ทางร้านค้าจะส่ง Link PayPal เพื่อให้ลูกค้ากดเข้าไปกรอกหมายเลขบัตรเครดิต เพื่อทำการชำระสินค้า
3.เงินทุนหมุนเวียน
หากคุณจำเป็นต้องสต็อกสินค้าแล้วละก็ เงินทุนหมุนเวียนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจของคุณอย่างยิ่ง อีกประการหนึ่งหากคุณขายของทางเฟสบุ๊ค ก็ควรมีการทำการตลาด เพื่อโปรโมทเพจ อินสตาแกรม หรือไลน์ เป็นต้น โดยในช่วงเริ่มต้นคุณจึงต้องมีเงินทุนไว้หมุนเวียน และสำรองจ่ายไว้ด้วย
4.มีแผนการขายและการตลาดที่รัดกุม
ถ้าคิดว่าขายของออนไลน์ไม่ต้องทำการตลาด ไม่ต้องวางแผนการขายใด ๆ คุณกำลังไปผิดทาง อันดับแรกเลยคุณควรมีความชัดเจนในสินค้าที่ขายเพื่อให้การวางแผนการตลาดง่ายขึ้น เพราะบางคนจับทุกอย่างขายรวมกันหมดเลย เช่น ขายทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์ไอทีก็ขาย เครื่องเขียนก็ขาย อยู่ในช่องทางเดียวกัน ลูกค้าก็จะงงว่านี่เว็บไซต์หรือเพจจับฉ่ายหรือเปล่า ฉะนั้นจุดยืนของสินค้าคุณต้องมี จากนั้นให้วางแผนการตลาด
-กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น ภายใน 1 ปี ต้องขายสินค้า คือ เสื้อผ้าให้ได้ 5,000 ชิ้น เป็นต้น
-มีลำดับขั้นที่ชัดเจนว่าจะกำหนดทิศทางร้านอย่างไร เช่น ขายสินค้าให้ได้มากที่สุดในช่องทางใดช่องทางหนึ่ง หรือเลือกที่จะทำให้เพจเป็นที่รู้จักมากที่สุด
-ตั้งงบประมาณให้กับแต่ละขั้นตอนก่อนไปถึงเป้าหมาย เช่น ขั้นที่ 1 กำหนดงบประมาณในการสร้างเว็บไซต์ ขั้นที่ 2 กำหนดงบประมาณในการโปรโมทเว็บไซต์
-มีการประเมินผล หรือการวัด KPI ด้วยการตรวจสอบประเมินผลงาน และมีการปรับปรุงแผนทุก 2 เดือน เป็นต้น
5.มีหลากหลายช่องทางการขาย
ต้องบอกเลยว่าช่องทางการขายสินค้า (Channel) ของคุณจะขึ้นอยู่กับงบประมาณที่คุณมี ถ้าต้องการมีให้ครบวงจรเลย ควรเริ่มต้นจากมีเว็บไซต์ แล้วจึงมีช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ เฟสบุ๊ค อินสตาแกรม ฯลฯ โดยที่ช่องทางการขายมีดังนี้
-Facebook ช่องทางนี้ถือว่าได้รับความนิยมมากที่สุด เพราะมีผู้ใช้งานมากที่สุด กลุ่มลูกค้าจะมีวงกว้างและมีปริมาณมาก ในการทำการตลาดผ่าน Facebook Ads มีเงินตั้งต้นเพียง 100 บาท คุณก็สามารถ Boost Post หรือซื้อ Page Like AD ได้แล้ว ขั้นตอนก็ง่ายแสนง่ายซื้อแอดได้ด้วยตัวเองผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยการตั้ง Target ที่คุณต้องการ เลือกเวลา และใส่จำนวนเงิน โดย Facebook จะหักเงินค่าโฆษณาจากบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตที่คุณลงทะเบียนไว้ นอกจากนี้ยังมีเทคนิคการขายได้หลายแบบที่สามารถนำไปใช้เพิ่มยอดขายได้ เช่น การ Live สดขายสินค้า เพิ่มความน่าสนใจให้กับสินค้าแต่ละโพสต์ขาย ด้วยการเขียนแคปชั่นที่โดนใจ สั้น และสื่อสารได้ชัดเจน ควรเป็นคำที่อยู่ในกระแส เป็นต้น
-Instagram ยังคงเป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยอินสตาแกรมเน้นกลุ่มคนฮิป ๆ ที่ถ่ายรูปสวย แฮชแท็กต้องมี ฉะนั้นถ้าคุณเลือกช่องทางนี้เพื่อขายสินค้า ควรต้องมีทักษะการถ่ายภาพในระดับหนึ่ง และควรมี Follower อยู่จำนวนหนึ่ง บางคนประสบความสำเร็จจากการขายของในอินสตาแกรม จนต่อยอดไปมีหน้าร้านรับลูกค้าเลยก็มีให้เห็นเยอะทีเดียว
-Line ร้านค้าออนไลน์ส่วนใหญ่นิยมมี Line@ ไว้สนทนาซื้อขายสินค้ากับลูกค้าแบบตัวต่อตัว เพราะสะดวกในการคุยตอบคำถามเรื่องสินค้า ช่วงเริ่มต้นคุณอาจเลือกใช้แบบฟรี ที่สามารถตอบข้อความได้ 1,000 ข้อความ แล้วค่อยขยับเป็นแพ็คเกจ Starter ที่มีผู้ติดตามได้ถึง 200 คน ราคาต่อเดือนอยู่ที่เดือนละ 200 บาท เป็นต้น โดยคุณสามารถโพสต์สินค้าได้ในหน้า Timeline
-Twitter ช่องทางของวัยใส สายเกาหลีโดยเฉพาะ ช่องทางโซเชียลขายของออนไลน์ช่องทางใหม่นี้ มักเน้นไปที่สายติ่งเกาหลี แต่ทราบไหมว่า ซื้อง่ายขายเร็วมาก ฉะนั้นถ้าคุณขายในช่องทางนี้ สินค้าคุณต้องเป็นแนวดารา นักร้องเกาหลี ทั้ง Gadget ต่าง ๆ เครื่องสำอาง ของมุ้งมิ้ง เป็นที่ต้องการสูงมากในช่องทางนี้ ข้อความใน Twitter ต้องยิ่งสั้นและกระชับ ส่วนวิธีการชำระเงินหรือข้อมูลติดต่อควรระบุไว้อย่างชัดเจน โดยส่วนใหญ่จะไปจบการขายที่ Line@
อ่านเรื่องอื่นเพิ่มเติมได้ที่ www.dramaforfun.com
โฆษณา