9 ก.พ. 2022 เวลา 01:37 • ธุรกิจ
#เข้าใจเรื่องกรรมผิดแบบพระสงฆ์สมัยมหาวิทยาลัยนาลันทา ที่ฮินดูแทรกความคิดทำให้อินเดียพ่ายเตริกมุสลิม
เพราะเตริกมุสลิมแค่250คน (หลังสมัยพระเจ้าอโศกมหาราชสิ้น)
ขี่ม้าควงดาบวงเดือนตัดคอพระเกินหมื่นห้าพันคน และฆราวาสอีกเป็นหมื่นที่นั่งสมาธิ
ให้เกิดอุเบกขาผิดๆ คือเฉยเงียบ ที่พุทธแท้เน้นอุเบกขาคือเฉยนิ่งด้วยปัญญาแต่พร้อมปฏิการตอบแทนคุณศาสนาพุทธ
เตริกมุสลิมคลั่งเผาวัดเผาตำรา3วันสามคืน ทั้งยังขุดทรากก่อสร้างทั้งหมดเอาเศษอิฐไปทำเตาเผาศพพุทธทั้งหมดที่โดนมุสลิมตัดคอเกินสองหมื่นคน
มุสลิมยืดอินเดียที่ฤาษีอินเดียคิดว่าฤทธิของฤาษีฮินดูแค่เอาพัดโบกกองทัพมุสลิมก็เกลี้ยง
อินเดียค่อยๆโดนกองทัพมุสลิมยึดทีละน้อยๆๆครอบครองยึดอินเดียทั้งประเทศไปสองร้อยปี
ตามมาอังกฤษมาไล่มุสลิมด้วยปืนแค่ระดับกองพัน แล้วจ้างฮินดูเป็นทหาร
ขับไล่มุสลิมทีละจุดๆๆๆแบบที่มุสลิมเคยทำกับอินเดีย
แล้วยึดครองอินเดียอีกห้าร้อยปี
พุทธสมัยนั้นตีความเรื่อง"กรรม"ผิด(ด้วยอิทธิพลฮินดูมาเปลี่ยน) ประเด็นสำคัญได้แก่
1 พุทธคลั่งฤทธิ์ติด/ศรัทธาตรีมูรติคิดว่า กรรมคือ "พรหมลิขิต"
คือเพราะฮินดูแก้เกมพุทธหลังจากพุทธองค์สิ้น
ฮินดูตั้งสมมุติเทพใหม่คือตรีมูรติ (ที่องค์แค่เกือบสองเมตรหน้าเซ็นทรัลเวิร์ล) อ้างพระพรหมผู้สร้างโลกแตกตัวเป็นพระศิวะ/พระอิศวร และพระนารายณ์/วิษณุ
แล้วอ้างว่าพระพุทธเจ้าคืออค่เป็นปางอวตารที่9ของพระนารายณ์
จึงมีอิทธิพลเน้นการตีความเรื่อง "กรรม"ว่าคือพรหมลิขิต
ที่ตีความต่างจากพุทธศาสนาสมัยพุทธองค์ที่เน้น "ปัญญาและหลักของเหตุผล
ที่ "วิบากกรรม/กรรมแต่ชาติปางก่อน"
มีบทบาท1/3ที่ "คน"เกิดมามืดหรือสว่าง
พุทธเน้นว่าถ้า "คนนั้น"ฝึกฝนความเป็นมนุษย์
มนุษย์ทุกคนก็จะเท่าเทียมกันในการกำหนดชะตาชีวิต(ภพนี้)มีสัดส่วน2/3
คือแม้ "คน"เกิดมามืดก็ไปสว่างได้
แม้ "คน"มาสว่างไปไปมืดได้
คือไม่เป็นทาสกรรม แต่ต้องฝึกฝนความเป็นมนุษย์ที่สมบํรณ์ทางจิตวิญญานเชื่อมปัญญา
2."ศรัทธาไม่สมดุลปัญญา"
คือพุทธสมัยนั้นติดอิทธิพลเรื่องฤทธิ์คือพยายามฝึกเกินฌาน4คือฌาน5-6 เพื่อเน้นฤทธิ์ เช่น
(ก)เหาะได้, (ข)ตาทิพย์หูทิพย์, (ค)ดำดินได้, (ง)ทายใจคนได้,(จ)ระลึกขาติได้
ที่ทำได้ก็แค่จิตปรุงแต่งเอง
ที่พุทธนำสมาธิ ฌาน1-4มาปรับใช้ แล้วฝึกกัมมัฎฐานสู่ปัญญาญาน
ก็เพียงเน้นเป้าหมายคือ"บ่มจิต" ให้เกิดเป็นธงนำด้านสติปัญญา/intelligent (สำหรับกลุ่มพุทธโลกิสุข)
และเป็นธงนำด้านปัญญาญาน/ intuition สำหรับกลุ่มโลกุตตาระที่เน้นไม่เกิดไม่ดับ
การตีความไม่ยึดหลักเหตุผลและสติปัญญาเกิดผลเสีย
เช่นความเมตตาที่มากเกินกับงูเห่าและหมาบ้า
ไม่เป็นไปในทางสายกลางที่ศรัทธาต้องสมดุลปัญญา
ที่ผู้ให้เมตตากับทุกคนทุกสัตว์เดรฉาน
ก็ต้องนอนสดุ้งผวา
**โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย , 8 กพ.64 www.blockdit/direkrerkrai
โฆษณา