9 ก.พ. 2022 เวลา 02:08 • ธุรกิจ
-- ธุรกิจในทุกวันนี้... แข่งขันกันด้วยอะไร? --
การแข่งขันในธุรกิจสมัยนี้มีความต่างจากสมัยก่อนมาก เนื่องจากในสมัยก่อนเป็นการแข่งขันกันทางตรงและไม่ได้มีเครื่องมือช่วยมากนักคนขายของก็ขายของเหมือนกัน แข่งราคากันไป แย่งทำเลที่ดีกว่า ใครใหญ่กว่า เลือกสนามที่ได้เปรียบก็ชนะไปเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีทางให้เลือกแข่งขันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้มากนัก
ใครที่รู้สึกว่าการแข่งขันแบบนี้มันยากแสนสาหัสแล้ว ขอบอกว่าอย่าเพิ่งเหนื่อยหรือหมดแรง เพราะนั่นมันเป็นแค่องค์ประกอบในอดีต แต่ปัจจุบันมิติทางการแข่งขันมีตัวแปรเพิ่มขึ้นหลายอย่างที่คอยตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะโดยมีการใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญอยู่เบื้องหลัง โดยการแข่งขันจะใช้เทคโนโลยีเน้นไปที่การ "แย่ง" 4 อย่าง นั่นก็คือ
1. การเข้าถึงตัวลูกค้าได้ก่อน
ครั้งหนึ่งบ้านเราเคยมีโฆษณาการจัดอีเวนต์ปิดห้างลดราคาของศูนย์การค้าแห่งหนึ่งว่า "ถึงก่อน มีสิทธิ์ก่อน" ตอนนั้นใจความคือใครไปถึงห้างก่อนก็มีสิทธิ์ได้เลือกของดีก่อน แต่พอมาวันนี้ประโยคเดียวกันมันกลับตาลปัตรไปแล้ว กลายเป็นใครถึงตัวลูกค้าก่อน จะมีสิทธิ์ได้ขายก่อน
การเข้าถึงนี้มีความหมายช่อนอยู่ 2 อย่าง คือโฆษณาถึงตากับสินค้าถึงตัวก่อน โดยการจะทำทั้งสองเรื่องนี้ใช้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือสำคัญเพื่อทำควบคู่กันไปเสมอ ในขณะที่สมัยก่อน ของขายไปทางหนึ่งโฆษณาไปอีกทาง แล้วไปหวังว่ามันจะเจอกันพอดีในตลาด
โฆษณาถึงตา คือการที่เราส่งสารใดๆ ที่เราต้องการสื่อไปให้ถึงลูกค้าถูกคนและถูกเวลา ซึ่งเวลาในที่นี้ คือเวลาที่ลูกค้าพร้อมเปิดรับสาร (และพร้อมกดสั่งซื้อด้วย!) เราจึงไม่ต้องประหลาดใจที่จะได้เห็นโฆษณาสิ่งของที่เราอยากซื้อหรือเคยไปกดดูไว้ จะยิงโฆษณามาในช่วงเวลาที่เรามักจะกดมือถือซื้อของบ่อยๆ ที่เป็นแบบนี้เพราะว่ามือถือมันเก็บพฤติกรรมการใช้งานของเราไว้หมดว่า ชอบดูอะไร เวลาไหนดูอย่างเดียว เวลาไหนซื้อของบ่อย ฯลฯ ใครทำธุรกิจแล้วใช้เทคโนโลยีแบบนี้ไม่เป็นถือว่าแพ้แล้วตั้งแต่ยังไม่เริ่มแข่ง
สินค้าถึงตัว คือความสามารถในการพาสินค้าของเราไปอยู่ในที่ที่ลูกค้าต้องการจะซื้อได้อย่างเหมาะสม หรือบอกให้ลูกค้ารู้ว่าของที่คุณสนใจน่ะอยู่ใกล้ๆ ตรงไหนบ้างเปิด Google ลองค้นหาสิ่งที่คุณสนใจจะซื้อ อาหารที่อยากทาน ของที่
อยากได้ กดปังเดียวข้อมูลทุกอย่างขึ้นมาเต็มหน้าจอ พร้อมปุ่มกดสั่งซื้อได้ทันที ประเด็นสำคัญอยู่ตรงที่ว่า ร้านหรือสินค้าของเราขึ้นไปบนหน้าจอของลูกค้าที่กำลังอยากซื้อหรือไม่ ของดีกว่าแต่ถ้าไปถึงช้า ก็อาจจะไม่ได้ขายนะครับ เพราะสมัยนี้มันเป็นแบบนี้จริงๆ
2. ความสนใจของลูกค้า
ก่อนจะอ่านต่อ ผมอยากให้เราหยุดคิดนิดหนึ่งครับว่า วันนี้ตั้งแต่ตื่นมาจนถึงตอนนี้ เราจำโฆษณาอะไรได้บ้างที่โผล่มาในหน้าเราในทุกแพลตฟอร์มรวมกัน ให้เวลานึก 5 วินาที
5... 4... 3... 2... 1...
เชื่อว่าทุกคนน่าจะยอมรับเป็นเอกฉันท์นะครับว่า ตั้งแต่เช้าในหน้าจอของเราทุกคนต้องมีโฆษณาโผล่มาบ้างล่ะ แต่ประเด็นสำคัญคือ มีโฆษณากี่ตั๋วที่เราจำได้ โดยไม่ต้องไปพูดถึงขั้นตอนอะไรที่ยากกว่านั้น เช่น มีโฆษณากี่ตัวที่เราดูจนจบ กดตามดูอย่างอื่นต่อ หรือยาวไปจนถึงกดสั่งซื้อ
ถ้าเราบอกว่า จุดประสงค์ของการทำโฆษณาและยิงแอดออกไปคือการเรียกความสนใจของลูกค้า แล้วโฆษณาทั้งหมดที่เมื่อสักครู่เรานึกไม่ออก เราจะนิยามว่ายังไงดี เรียกว่าเสียเงินเปล่าใช่หรือไม่ที่เป็นแบบนี้ เพราะว่านอกจากเรื่องความเร็วแล้ว เรายังต้องเรียกความสนใจได้อีกด้วย เพื่อให้โฆษณานั้นเกิดผล แบบนี้เท่ากับยากเป็น 2เท่า
3. เงินในกระเป๋า
ย้อนกลับไปไม่กี่ปี กว่าคนเราจะเสียเงินช้อปปิ้งได้ ต้องเตรียมตัวเยอะนะครับ อาบน้ำแต่งตัว ขับรถออกจากบ้านไปห้างฯ เพื่อซื้อของที่ต้องการ เรียกว่าต้องใช้ความพยายามระดับหนึ่งกว่าจะมีเรื่องได้เสียเงินสักที
สมัยนี้แค่เปิดมือถือดูก็เสียเงินได้ทันทีไม่ว่าจะตอนก่อนเข้านอน ละมอ ตื่นขึ้นมาหรือจนตื่นนอนตอนเข้า เรียกว่าโอกาสที่เงินจะออกจากกระเป๋านี่แทบจะ 24 ชั่วโมง และมีหลายครั้งมากที่เราเสียเงินไปแบบไม่รู้ตัว เพราะมันมีสิ่งเร่งเร้าจูงใจเหลือเกิน รวมถึงขั้นตอนการจ่ายเงินก็แสนง่าย สะดวกสบาย ทำให้เงินออกจากกระเป๋าเราไปตอนไหนก็ไม่รู้
ลองคิดดูว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นกับลูกค้าเป้าหมายของเราที่อยากซื้อสินค้าของเรามานานมาก และวันนี้ลดราคาแบบถ้าไม่ซื้อนี่ต้องเสียใจไปอีกนาน แต่ท้ายที่สุดลูกค้ากลับไม่ได้ซื้อด้วยเหตุผลว่า ไม่มีเงินเพราะช้อปอย่างอื่นไปหมดแล้วก่อนหน้านี้
ถ้าพิจารณาดีๆ ต้องบอกว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลยนะครับ สินค้าก็ใช่โปรก็โดนใจ เพียงแค่เราแย่งเงินในกระเป๋าลูกค้าไม่ทันเท่านั้น เดี๋ยวนี้เงินมันไหลออกง่ายมากจริงๆ โดยมีเทคโนโลยีเป็นเครื่องมือดูดเงินที่ทรงพลังที่สุด คนทำธุรกิจจึงต้องเข้าใจเรื่องนี้ให้ดี ต่อให้ของดีแค่ไหน แต่ถ้าแย่งเงินในกระเป๋าลูกค้าไม่ทัน มันก็ไม่ได้ขาย การมุ่งมั่นทำแต่สินค้าดีอย่างเดียวนั้นไม่พอแล้ว แต่เราต้องแย่งเงินให้เก่งด้วย
4.ความเชื่อมั่น
เรากำลังอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยข่าวสาร ข้อมูลจำนวนมาก รายล้อมไปด้วยสินค้านับล้านรายการที่พร้อมให้เราซื้อมาใช้สอย ซึ่งแน่นอนว่ามีคุณภาพดีแย่ปนกันไป
คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้ลูกค้าเชื่อในแบรนด์ของเรา เห็นโฆษณาหรือสินค้าของเรา และมั่นใจกดสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องลังเล ว่าจะได้สินค้าคุณภาพตรงตามความต้องการแน่นอน Game of Trust จะกลายเป็นประเด็นสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้ขายที่มีเครื่องมือการตลาดพร้อมใช้ในมือ
ใครก้าวขึ้นมาเป็นผู้ขายที่น่าเชื่อถือ จะช่วยลดภาระให้กับลูกค้าในการค้นหาข้อมูลรายละเอียดสินค้าได้อีกมาก เพราะเอาเข้าจริงแล้ว ลูกค้าไม่ได้มีเวลามากขนาดเปรียบเทียบทุกการสั่งซื้อหรอกครับ แต่ที่ต้องยอมหาข้อมูลเพิ่มก็เพราะข้อมูลตรงหน้ายังไม่น่าเชื่อถือจนวางใจได้
สมการของโลกการแข่งขันในวันนี้ จึงเท่ากับการมีแบรนด์และสินค้าที่น่าเชื่อถือ + เข้าถึงลูกค้าได้ก่อน + ดึงดูดูความสนใจได้ดี + เก่งในเรื่องแย่งเงินในกระเป๋าของลูกค้าได้ก่อนคนอื่น ถ้าขาดข้อใดข้อหนึ่งไป ของที่ดีที่สุดก็กลายเป็นผู้แพ้ได้
2
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ : หนังสือวิชาธุรกิจ ที่ชีวิตจริงเป็นคนสอน 2
สนใจสั่งซื้อหนังสือ ได้ที่ https://bit.ly/3t2MAWZ
1
#torpenguin #ต่อเพนกวิน #ธุรกิจ #ทำธุรกิจ #อยากทำธุรกิจ #เริ่มทำธุรกิจ #ลูกค้า #การตลาด #การแข่งขัน #เทคนิคร้านอาหาร #เปิดร้านอาหาร #ความรู้ร้านอาหาร #ร้านอาหาร #business #restaurant #restaurantmanagement
.
.
ติดตาม Torpenguin - ผู้ชายขายบริการในช่องทางอื่นๆได้ที่
.
Facebook : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Youtube : Torpenguin
Blockdit : Torpenguin - ผู้ชายขายบริการ
Twitter : Torpenguin
Instragram : torpenguin
TikTok : torpenguin
ติดต่องาน E-mail : torpenguin.channel@gmail.com
โฆษณา