“จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great)” จักรพรรดิเผด็จการผู้นำความรุ่งเรืองสู่รัสเซีย
“จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great)” ทรงเป็นพระประมุขแห่งรัสเซียในสมัยศตวรรษที่ 17 และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์รัสเซีย
พระองค์ทรงให้มีการปฏิรูปและปรับปรุงประเทศในหลายๆ ด้าน และทรงนำพารัสเซียให้กลายเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ชาติหนึ่ง
พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ.1672 (พ.ศ.2215) ที่มอสโคว รัสเซีย โดยพระองค์เป็นพระราชบุตรองค์ที่ 14 ใน “พระเจ้าซาร์อเล็กซีที่ 1 (Alexis of Russia)” และเป็นองค์รัชทายาทบัลลังก์รัสเซีย
ในปีค.ศ.1682 (พ.ศ.2225) ขณะมีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา พระองค์ก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ร่วมกับพระเชษฐา ก่อนที่อีกราว 14 ปีต่อมา พระเชษฐาของพระองค์สวรรคต ทำให้พระองค์เป็นผู้ปกครองพระองค์เดียวแห่งรัสเซีย
“จักรพรรดิปีเตอร์มหาราช (Peter the Great)”
ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ จักรพรรดิปีเตอร์ก็ทรงเป็นผู้ที่มีความเฉลียวฉลาดและมุ่งมั่น ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าพระองค์ทรงเป็น ”เพอเฟคชันนิสต์ (Perfectionist)” ผู้หนึ่ง คือมีความละเอียดอย่างมาก ซึ่งพระลักษณะนี้ทำให้พระองค์ถูกมองว่าเป็นเผด็จการในเวลาต่อมา
นอกจากนั้น พระองค์ยังมีพระวรกายสูงถึง 203 เซนติเมตร ทำให้หลายคนหวาดกลัว ไม่กล้ามีเรื่องกับพระองค์
ในรัชสมัยของพระองค์ รัสเซียยังเป็นประเทศที่ไม่เจริญก้าวหน้านัก ซึ่งจักรพรรดิปีเตอร์ทรงต้องการจะเปลี่ยนแปลงให้ประเทศเจริญขึ้น แม้ว่าจะต้องขัดใจข้าราชสำนักและประชาชนก็ตาม
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้จัดขบวนเสด็จ ออกเดินทางไปดูสถานที่ต่างๆ เพื่อเห็นปัญหาและดูความก้าวหน้าของดินแดนต่างๆ ในยุโรปตะวันตก เพื่อนำมาปรับปรุงรัสเซีย
แต่พระองค์ก็ต้องเสด็จกลับก่อนกำหนด เนื่องจากทหารวังของพระองค์ได้ก่อกบฏ แต่ถึงอย่างนั้น พระองค์ก็ตั้งพระทัยแน่วแน่ที่จะปรับปรุงรัสเซีย
สิ่งแรกที่พระองค์ทรงทำเมื่อกลับมาถึงรัสเซีย นั่นคือมีรับสั่งให้ประหารทหารวังที่ก่อกบฏทั้งหมด
การประหารหมู่นี้ ได้สร้างความหวาดกลัวให้แก่ข้าราชสำนักและประชาชน ทำให้ไม่มีใครกล้าต่อต้านหรือมีปัญหากับพระองค์ ทำให้เหล่าขุนนางที่ไม่เห็นด้วยกับพระองค์ต่างต้องปิดปากเงียบ และทำให้สามารถควบคุมคริสตจักรออร์ทอดอกซ์ได้มากยิ่งขึ้น
พระองค์ทรงให้มีการปฏิรูประบอบการปกครอง รวมทั้งปฏิรูปเขตแดนต่างๆ ในรัสเซีย และยังให้ปฏิรูปกองทัพ
จากนั้น พระองค์ทรงรับสมัครวิศวกรต่างชาติ และช่างฝีมือต่างๆ เพื่อให้ทำการก่อสร้างโรงงาน เขื่อน โรงเรียน โรงพยาบาล และท่าเรือจำนวนมากทั่วประเทศ
นอกจากนั้น พระองค์ยังเปิดรับผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ จากต่างชาติ เพื่อให้เข้ามาทำการสอนศาสตร์ต่างๆ แก่ชาวรัสเซีย เช่น วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมทั้งในรัชสมัยของพระองค์ ยังมีการนำแฟชั่น และหลักมารยาทสากลเข้ามาสู่รัสเซีย
อีกทั้งยังมีการปรับปรุงตัวอักษรรัสเซีย และมีการออกเงินตราใหม่
ทางด้านการสงคราม กองทัพของพระองค์สามารถเอาชนะได้ในหลายศึกและยึดครองพื้นที่ได้เป็นจำนวนมาก
ในปีค.ศ.1712 (พ.ศ.2255) พระองค์ทรงให้ตั้งเมืองหลวงแห่งใหม่ นั่นคือ “เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก (St. Petersburg)” และภายในปีค.ศ.1721 (พ.ศ.2264) พระองค์ก็ประกาศให้รัสเซียเป็น “อาณาจักร”
ด้วยพระราชกรณียกิจที่มากมายและโดดเด่น ทำให้พระองค์ได้รับพระราชสมัญญา “มหาราช” ต่อท้ายพระนาม
เมื่อสิ้นสุดรัชสมัยของพระองค์ รัสเซียก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดชาติหนึ่งในยุโรป
แต่ถ้าพูดถึงด้านมืดของพระองค์ ก็ใช่ว่าจะไม่มี
ถึงแม้ว่าพระองค์จะนำพารัสเซียสู่ชาติที่ยิ่งใหญ่ แต่พระองค์ก็เป็นพระประมุขที่ประชาชนหวาดกลัวและเกลียดชังมากที่สุดพระองค์หนึ่ง ซึ่งก็มาจากพระอุปนิสัยที่เป็นเผด็จการ ความเข้มงวดและดุดันของพระองค์
แม้แต่ในฐานะของ “พ่อ” และ “สามี” พระองค์ก็ไม่ใช่พ่อและสามีที่ดีนัก โดยเป็นที่รู้กันว่า พระองค์มักจะละเลย ไม่สนใจครอบครัวของพระองค์ เนื่องจากพระองค์ทรงมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงรัสเซีย หากแต่ก็ไม่สนใจเลยว่าครอบครัวของพระองค์จะเป็นอย่างไร
มีเรื่องเล่าว่า พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ประหารพระราชโอรสองค์แรกของพระองค์ในปีค.ศ.1718 (พ.ศ.2261)
และแม้แต่เมื่อพระองค์สวรรคตในปีค.ศ.1725 (พ.ศ.2268) พระองค์ก็ไม่ได้ทรงแต่งตั้งพระราชบุตรองค์ใดเป็นรัชทายาท
- 10
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
