ผู้ที่ “อยากรู้” แล้ว ออกเดินทาง ด้วยการ “ตั้งคำถาม” เพื่อใช้เป็น “เข็มทิศ” และ ลงมือ “แสวงหาคำตอบ” ที่เปรียบเหมือน “จุดหมายปลายทาง” ที่อาจไม่ได้มีเพียง “คำตอบเดียว”
ในทางพุทธศาสนา มีเรื่อง “พาหุสัจจะ”
มีคาถาบทหนึ่งที่ถือว่าเป็น หัวใจนักปราชญ์ คือ "สุ จิ ปุ ลิ วินิมุตโต กถํ โส ปณฺฑิโต ภเว" แปลว่า ผู้ปราศจาก สุ จิ ปุ ลิ จะเป็นบัณฑิตได้อย่างไร
1) สุตะ : ฟัง
2) จินตะ : คิด
3) ปุจฉา : ถาม
4) ลิขิต : เขียนบันทึก
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ในทางโลก Steve Jobs ได้กล่าวไว้ในพิธีปัจฉิมนิเทศ ณ มหาวิทยาลัย Stanford ในปี 2005 ไว้ว่า
stay hungry, stay foolish
นั่นคือ “จงกระหายความรู้ และ จงอย่าคิดว่าตัวเองฉลาดแล้ว”
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ลำดับขั้นแห่งการเป็น “ผู้รู้” นั้น คือ
1) ไม่รู้ว่าเราไม่รู้อะไร
2) รู้ว่าเราไม่รู้อะไร
3) รู้ว่าเรารู้อะไร
4) ไม่รู้ว่าเรารู้อะไรมาบ้าง เพราะรู้มากจนจำไม่ได้ว่ายังมีอะไรที่ไม่รู้
คำตอบอื่น
- ของเราเรามองว่าคนฉลาดคือคนที่มักเข้าใจอะไรลึกซึ้งละเอียด และสามารถสื่อสารออกมาให้คนฟังอย่างมั่นใจไอดอลเราคือพระพุทธเจ้าเลยน่ะ ลึกซึ้งแบบลึ๊กกกก
- "คนฉลาด" ผมว่าส่วนใหญ่อาจคิดว่า คือคนที่มีความรู้ในหัวจำนวนมากทั้งกว้างและลึกซึ้งในหลายแขนงซึ่งผมก็เห็นด้วยครับ แต่แค่นี้ยังเป็นคนฉลาดที่สมบูรณ์ไม่ได้ครับ แต่ถ้าเขานำความรู้ที่มีมากมายที่ทั้งกว้างขวางและลึกซึ้ง มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นี่แห...
