13 ก.พ. 2022 เวลา 02:50 • ธุรกิจ
รู้จัก Ufotable สตูดิโออานิเมะ เบื้องหลังดาบพิฆาตอสูร
517 ล้านบาทคือต้นทุนที่สตูดิโอ Ufotableใช้ในการผลิตภาพยนตร์แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร
หรือ Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba the Movie: Mugen Train ในปี 2021
ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้ผลตอบรับดี โดยกวาดรายได้ 16,459 ล้านบาท คิดเป็น 32 เท่าของต้นทุนการผลิต
2
นอกจากภาพยนตร์แล้ว แอนิเมชันฉบับซีรีส์ที่ฉายตามเคเบิลทีวี หรือแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ ก็ได้กระแสตอบรับถล่มทลายไม่แพ้กัน
ซึ่งก็ได้รับคำชื่นชมว่าทำออกมาได้มีคุณภาพแน่นไม่แพ้ภาพยนตร์ จนทำให้ชื่อของสตูดิโอผลิตแอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ได้กลายมาเป็นชื่อที่ถูกพูดถึง เป็นวงกว้าง
วันนี้ เรามาดูกันว่าเรื่องราวของสตูดิโอแห่งนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
1
ก่อนที่สตูดิโอแห่งนี้จะกลายมาเป็นที่รู้จัก
เราต้องย้อนกลับไปเมื่อ 22 ปีที่แล้ว หรือในปี 2000
สตูดิโอ Ufotable ถูกก่อตั้งขึ้นโดย Hikaru Kondo อดีตพนักงานสตูดิโอ TMS Entertainment
หรือสตูดิโอผู้ผลิตการ์ตูนในวัยเด็กของใครหลายคนอย่างโคนัน และบาคุกัน
อย่างไรก็ตาม Ufotable ก็เป็นเพียงสตูดิโอเล็ก ๆ ที่ยังไม่ได้รับงานแอนิเมชันมากเท่าไรนัก
และผลงานแอนิเมชันในช่วง 5 ปีแรกของสตูดิโอ ก็ไม่ได้เป็นที่นิยม
จนกระทั่งในปี 2013 สตูดิโอก็ประสบความสำเร็จกับผลงานแอนิเมชันเรื่อง “The Garden of Sinners”
2
ซึ่งก็ได้กลายเป็นบันไดให้ Ufotable ก้าวขึ้นเป็นสตูดิโอชั้นแนวหน้า ของประเทศญี่ปุ่น
รวมถึงเปิดเส้นทางโอกาส ในการรับผลิตผลงานแอนิเมชันเรื่องอื่น ๆ ตามมา
ซึ่งผลงานที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย ก็คือ แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูร ในปี 2019 ที่นอกจากจะขึ้นแท่น กลายเป็นแอนิเมชันหมายเลข 1 แล้ว ยังเป็นการ์ตูนที่ถูกกล่าวขานว่าสามารถชุบชีวิตตลาดการ์ตูนญี่ปุ่น ให้กลับมาเฉิดฉายสู่สายตาชาวโลกได้อีกครั้ง
ด้วยจุดเด่นของสตูดิโอ Ufotable ที่ผสมผสานงานภาพแอนิเมชันแบบ 2 มิติ และ 3 มิติ รวมถึงการเพิ่มกิมมิก พร้อมกับมุมมองใหม่ ๆ ก็ทำให้ผลงานที่ออกมา ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
1
และในปี 2021 ผลงานภาพยนตร์แอนิเมชัน Demon Slayer: Mugen Train Arc ก็ยังคงเป็นที่น่าจดจำ
ด้วยต้นทุนสร้างกว่า 517 ล้านบาท แต่สามารถกวาดรายได้ทั่วโลก มากถึง 16,459 ล้านบาท
1
แซงหน้าการ์ตูนแอนิเมชันที่ครองแชมป์รายได้อันดับ 1 ในญี่ปุ่นอย่าง Spirited Away จากสตูดิโอ Ghibli
เรียกว่า Demon Slayer หรือ ดาบพิฆาตอสูร เป็นผลงานที่ทำให้สตูดิโอแห่งนี้ยิ่งเป็นที่รู้จักมากขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2022 ที่ Demon Slayer ซีซัน 2 เริ่มเข้าฉายตามแพลตฟอร์มสตรีมมิงต่าง ๆ
ทำให้ทุกคนเริ่มกลับมาพูดถึงสตูดิโอ Ufotable อีกครั้ง
เนื่องจากงานภาพที่พูดได้แค่ว่า “เกินแอนิเมชันซีรีส์ทั่วไป” และหลายคนยังเห็นตรงกันว่า
คุณภาพที่ Ufotable ได้นำเสนอมาในครั้งนี้ แทบจะอยู่ในระดับเดียวกันกับภาพยนตร์ Demon Slayer: Mugen Train Arc เลยทีเดียว
1
โดยในซีซันนี้ Demon Slayer ได้นำเสนอเรื่องราวต่อจากภาพยนตร์ Mugen Train Arc ในปี 2021
แน่นอนว่าสำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ของ Demon Slayer ก็สามารถหาอ่านในมังงะ หรือหนังสือการ์ตูน Ebook ได้เลย เพราะจริง ๆ เนื้อหาของการ์ตูนได้จบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
1
แม้ว่าหลายคนจะทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าเนื้อหาตอนต่อไปจะเป็นเช่นไร
แต่ทุกคนที่เคยอ่านการ์ตูนมาแล้ว ก็พร้อมที่จะติดตามดูแอนิเมชันเรื่องนี้อยู่ดี
เพราะงานภาพที่ Ufotable หยิบมานำเสนอนั้น เหมือนเป็นการสร้างชีวิตใหม่ให้กับตัวละคร และฉากต่าง ๆ ที่สร้างความประทับใจ และตื้นตันใจ ให้กับผู้ชมในแบบที่แอนิเมชันเรื่องอื่น ก็อาจจะไม่สามารถเทียบเท่าได้
1
ที่น่าสนใจคือ ในตอนล่าสุดของ Demon Slayer ซีซัน 2 ได้มีทีมงานชาวไทยจากบริษัท Trinity Freaks
บริษัทลูกของ Creative Freaks บริษัททางด้าน Graphic Design สัญชาติญี่ปุ่น ได้มีส่วนร่วมในการวาดฉากหลังของ Demon Slayer ในตอนที่ 10 อีกด้วย
ซึ่งนั่นก็หมายความว่าจริง ๆ แล้วในการสร้างแอนิเมชัน ก็ไม่ได้มีเพียงแค่บริษัทเดียวเท่านั้นที่ทำกราฟิกแต่เป็นการใช้หลาย ๆ บริษัท มาช่วยกันสร้างสรรค์ จนออกมาเป็นผลงานแบบที่เราได้รับชมกัน
และอาจเป็นคำตอบ ว่าทำไมต้นทุนการสร้างการ์ตูนซีรีส์สักเรื่องหนึ่งถึงมีราคาสูง
1
อย่างไรก็ตาม แม้สตูดิโอ Ufotable จะประสบความสำเร็จ จนสร้างรายได้ระดับพันล้านแต่ด้านผู้ก่อตั้ง Hikaru Kondo ประธานบริษัทกลับมีข่าวออกมาว่า กำลังหลบเลี่ยงภาษีมูลค่ากว่า 40 ล้านบาท
รวมถึงถูกตัดสินโทษจำคุกเป็นเวลา 1 ปี แต่ปัจจุบันก็ถูกลดโทษให้โดนทัณฑ์บนเป็นเวลา 3 ปีแทน
ภายหลังผู้ก่อตั้งก็ได้ออกมาขอโทษแฟน ๆ ในเหตุการณ์นี้
และขอโอกาสที่จะผลิตแอนิเมชันดี ๆ ต่อไป
ซึ่งก็เป็นที่น่าติดตามว่า สตูดิโอ Ufotable จะสามารถผลิตแอนิเมชันซีรีส์ Demon Slayer ไปจนจบเรื่องราวได้หรือไม่
เนื่องจากการประกาศเปลี่ยนสตูดิโอกลางคัน ก็ไม่ต่างจากการย้ายค่ายโทรศัพท์ เพราะต่อให้เรารู้ว่าค่ายที่ย้ายไปจะเป็นอะไร แต่ก็ไม่มีอะไรมาการันตีว่าทุกอย่างจะดีกว่าเดิม
อย่างกรณี Attack On Titan อีกหนึ่งแอนิเมชันที่นิยมไม่แพ้ Demon Slayer ก็ได้สร้างเสียงฮือฮาไม่น้อย
ด้วยการประกาศเปลี่ยนสตูดิโอ ผู้สร้างแอนิเมชันในซีซันที่ 4 ด้วยเหตุผลว่า สตูดิโอเดิมไม่อยากผลิตอีกต่อไป
ส่งผลให้แฟนคลับบางกลุ่มเกิดความไม่พอใจ เนื่องจากขาดกลิ่นอายเดิม ๆ ที่เคยสัมผัสมา
แต่ด้านสตูดิโอที่เข้ามารับช่วงต่ออย่าง MAPPA Studios ก็สามารถเข้ามารับช่วงต่อได้อย่างงดงาม
สำหรับคืนนี้ ก็น่าจะเป็นอีกวันที่แฟนคลับซีรีส์แอนิเมชันดาบพิฆาตอสูรตั้งตารอ
เพราะมันจะเป็นตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับซีซันปัจจุบัน
แต่ด้วยกระแสถล่มทลายขนาดนี้ ก็เป็นที่แน่นอนว่าอีกไม่นาน
ทางต้นสังกัดก็คงจะมีประกาศออกมาเกี่ยวกับการสร้างซีซันต่อไป
หรืออาจเป็นการประกาศ สร้างภาพยนตร์แอนิเมชันอีกครั้ง ก็เป็นไปได้
จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น การ์ตูนซีรีส์เรื่องนี้
ก็น่าจะทำเป็นแฟรนไชส์ได้หลายภาค ไม่ต่างจากการ์ตูนรุ่นพี่
อย่าง Doraemon หรือ Dragon Ball ที่ไม่ว่าจะผ่านไปอีกกี่ปี ก็มีภาคใหม่ ๆ ให้เราติดตาม ไม่รู้จบ..
โฆษณา