14 ก.พ. 2022 เวลา 15:11 • หนังสือ
#สรุปหนังสือ 𝗕𝗲 𝗪𝗮𝘁𝗲𝗿, 𝗠𝘆 𝗙𝗿𝗶𝗲𝗻𝗱 : จงเป็นเช่นน้ำ
…ลองคิดดูว่า “บรูซ ลี” เสียชีวิตเมื่ออายุเพียง 32 ปี แต่มีผลงานภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง เปิดโรงเรียนสอนกังฟูที่อเมริกา พูดได้ทั้ง จีน อังกฤษ ญี่ปุ่น เคยเป็นแชมป์นักเต้น หลงใหลในปรัชญาการต่อสู้ และแทบไม่เคยต่อสู้แพ้ใคร
ความสำเร็จของเขานั้นน่ายกย่องจนนิตยสาร “ไทม์” ได้ยกให้ บรูซ ลี เป็นหนึ่งใน ‘ไอคอน’ ที่สำคัญที่สุดแห่งศตวรรษที่ 20 !
…ที่มาของหนังสือเล่มนี้ นั่นก็คือ การหาคำตอบว่า อะไรคือแรงผลักดัน อะไรคือปรัชญาการใช้ชีวิตที่คอยส่งแรงขับเคลื่อนให้เขากลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
“จงเป็นเช่นน้ำ”
…เพราะน้ำเป็นอิสระทั้งกับตัวเอง
…อิสระกับสิ่งแวดล้อม
…ปรับตัวได้กับทุกสถานการณ์
…เทน้ำลงถ้วยก็จะกลายเป็นถ้วย
…เทน้ำลงขวดก็จะกลายเป็นขวด
“ แม้บางทีน้ำอาจหยุดนิ่ง แต่ความจริงน้ำไม่เคยหยุดไหล”
…เปรียบดั่งชีวิตที่ ยืดหยุ่น ลื่นไหล แต่ไม่ละทิ้งความเป็นตัวตน
#บทสรุปปรัชญาชีวิต 9 ประเด็น จงเป็นเช่นน้ำ
1. “ความยืดหยุ่น สัญลักษณ์แห่งชีวิต”
…เมื่อคนยังมีชีวิต เขาทั้งอ่อนนุ่มและยืดหยุ่น เมื่อเขาตาย ร่างกายเขาแข็งกระด้าง ความสามารถที่จะยืดหยุ่นคือ ‘ชีวิต’ ความแข็งขืนไม่เปลี่ยนรูปคือ ‘ความตาย’ ไม่ว่าจะเป็นร่างกายความคิด หรือจิตวิญญาณ จงยืดหยุ่น
1
เนื้อแท้ของน้ำคือการไหล ตัวตนที่แท้จริงของมันคือการไม่ยอมแพ้ น้ำจะไหลเลาะแม้เจออุปสรรคมันก็จะเปลี่ยนทาง แต่ยังคงไม่หยุดไหล
1
ดั่งการใช้ “ความไร้หนทางเป็นหนทางสู่ทางออก” เพราะการไม่ยืดหยุ่นทางความคิดทำให้เราติดกับเส้นทางเดิมๆ
วิธีที่น่าสนใจมากอย่างหนึ่งก็คือ จงผ่อนคลายกับชีวิต มองชีวิตเป็นเพียงการทดลอง ไม่มีผลการทดลองใดที่ต้องจริงจัง และน่าเสียใจ มีเพียงการเรียนรู้ ความเข้าใจ และการพัฒนาไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด
…เพราะถ้าตัวเราไม่แข็งทื่อมากเกินไป แม้ว่าทางเล็กแค่ไหนก็อาจเป็นทางออกได้เสมอ !
2. “ทำตัวตนให้เป็นจริง”
…ปรัชญาของหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่เพื่อให้คุณพยายามเป็น บรูซ ลี แต่เพียงแค่คุณเป็น “คุณ” ในแบบที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ ชีวิตที่ดีนั้นเป็นกระบวนการไม่ใช่สภาวะความเป็นอยู่ มันเป็นเส้นทาง ไม่ใช่ปลายทาง
1
การค้นพบตัวจริง คือการทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง การค้นพบตัวเอง ก็คือการทำให้ตัวเองเป็นความจริง เราอาจถูกสังคมและบริบทแวดล้อมดึงเราแยกห่างจากเนื้อแท้ของตัวเอง จงอย่าหลงลืมธรรมชาติของตัวเรา
1
...น้ำไม่เคยหลงลืมตัวตนของมัน ไม่ว่ามันจะอยู่ที่ไหน คุณสมบัติของมันก็ยัง “ไม่เปลี่ยนแปลง”
“การพึงพอใจโดยไม่ตั้งคำถาม หากแต่ตัดสินไว้ล่วงหน้าแล้ว นับเป็นโรคทางความคิดที่เลวร้ายที่สุด”
จงอยู่ตรงกลางระหว่างขั้วบวกและขั้วลบ และทุกอย่างจะชัดเจน จงอย่าเชื่อเพราะทุกคนเชื่อแบบนั้น เพราะนั่นอาจทำให้คุณไม่อาจค้นพบตัวเอง
“ถ้าคุณต้องทำสิ่งใดด้วยคำว่า ‘ควรจะ’ ให้จำไว้เลยว่า สิ่งนั้นไม่ใช่ตัวตนของคุณ !”
แทนที่จะชั่งน้ำหนักทุกอย่างว่าดีหรือร้าย ถูกหรือผิด เพียงลองทำตัวเป็นอวัยวะเปิดรับสัมผัส เพื่อให้คุณได้เผชิญกับประสบการณ์นั้นด้วยตัวตนอันสมบูรณ์ เพียงหยุดคิด และเปิดความรู้สึก
…อย่าคิด ! จงรู้สึก !
3. “จงทำตัวเป็นถ้วยที่ว่างเปล่า”
…เพราะประโยชน์ของถ้วยก็คือความว่างเปล่าของมัน การเป็นถ้วยที่ไม่มีน้ำชาหลงเหลืออยู่แม้แต่หยดเดียว เหมือนกับการทำตัวให้เป็น “น้ำที่ไม่เต็มแก้ว” ตามที่เราเคยได้ยินผู้ใหญ่สอนมาตั้งแต่เด็ก
แต่ละบริบทของชีวิต ทุกๆเหตุการณ์ที่เจอ ทุกความดีความชั่วที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต การอยู่กับปัจจุบันขณะ รับรู้ เข้าใจ ยอมรับในสิ่งที่เป็น สิ่งที่เกิดตรงหน้าเราในตอนนั้น นั้นทำให้เรามองสถานการณ์อย่างเป็นกลาง
แน่นอนว่าบางครั้งเราต้องเป็นถ้วยหรือแก้วที่ไม่มีอะไรเลย เพื่อเปิดรับทุกการสัมผัสอย่างเป็นธรรมชาติและไม่มีอคติอยู่ในนั้น รับฟังรับรู้ในสิ่งที่เป็นจริงของสิ่งนั้นอย่างถ่องแท้ หรือว่าง่ายๆคือการลด “อัตตา” นั่นเอง
แม้ความจริงมันไม่ง่ายเลยที่จะสามารถควบคุมความคิด อารมณ์ในทุกๆเหตุการณ์ที่เจอในแต่ละวันได้ ซึ่งมันไม่ผิดค่ะ มันเป็นเรื่องปกติธรรมดามากของมนุษย์
เพียงเราค่อยๆรู้ตัวเองอย่างทันท่วงทีว่าขณะนั้นเรากำลังคิดอะไร กำลังรู้สึกอย่างไรอยู่แค่นั้นเอง
…อาจกล่าวได้ว่า “จงอย่าเติมอคติเข้าไปให้เต็มก่อนการตัดสินหรือรับฟังคำแนะนำจากใคร”
…เพราะคนที่มีกำแพงความคิด ย่อมไม่สามารถตักตวงสิ่งใดได้เลย
…อย่าให้ถ้วยของเราเต็มไปด้วยมุมมองของเราแต่เพียงผู้เดียว เทมันทิ้งซะ และเปิดรับมุมมองที่สดใหม่ไร้แบกกราวด์
4. “จงผ่อนคลายแต่ไม่ตายใจ”
…ว่าด้วยท่าตั้งการ์ดซึ่งเป็นท่าเอกลักษณ์ของ บรูซ ลี ทิ้งข้อคิดไว้บางอย่าง มันคือการจัดองค์ประกอบร่างกายให้สามารถเคลื่อนไหวได้ในทุกทิศทาง ที่บ้านเราเรียกท่า “ตั้กแตนต่อยมวย”
ในทางทฤษฎีกับทางเทคนิค มันเป็นท่าเตรียมพร้อมที่ช่วยได้ทั้งการครองสติ ทำสมาธิ และพร้อมตั้งรับได้ทุกเกมมวยเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าคู่ต่อสู้จะชกซ้าย ฮุคขวา เตะตัดขา หรือออกอาวุธใดๆ
การตั้งการ์ดท่านี้จะทำให้เราหลบได้ทันท่วงที และสามารถตลบกลับคู่ต่อสู้ได้ทันเช่นเดียวกัน (อ่านไปก็ยกมือขึ้นมาตั้งการ์ดไป)
ดูเผินๆเหมือนแค่เป็นท่าเตรียมพร้อมรบ แต่ลองหันกลับมาที่คุณค่าและสิ่งที่บรูซ ลี ตกตะกอนมาจากการฝึกฝนนั้นคือ
ถ้าเรามีสติ มีความพร้อม มีสัญชาตญาณที่ “ยืดหยุ่น” มากพอ เมื่อทุกสิ่งรอบตัวเปลี่ยนไป เราจะเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้อย่างเป็นธรรมชาติเช่นกัน
…ดังนั้น จงผ่อนคลาย แต่ไม่ประมาท ดั่งสายน้ำที่รอวันพบช่องทางให้ไหลผ่าน แม้จะนอนนิ่งแต่ไม่เคยละเลยที่จะค้นหาทางออก
5. “หยินหยาง” ไม่ใช่ “หยินและหยาง”
…ความแตกต่างเป็นของคู่กัน ความไม่เหมือนกันเท่ากับแยกออกจากกันไม่ได้
ไม่ว่าจะความดีความเลว ความสว่างความมืดมน ความอ่อนเยาว์ความชรา แม้จะเป็นขั้วตรงข้าม แต่ก็ส่งเสริมซึ่งกันและกัน
…หากไม่มีมีความร้อนก็จะไม่มีความเย็น
…หากไม่มีทั้ง 2 ขั้ว เราจะเจอความอุ่นได้อย่างไร
เพราะทั้ง 2 ฝั่งเป็นความสุดขั้วของฝั่งใดฝั่งนึง ถ้าแยกออกจากกันชีวิตนั้นก็จะเอนเอียงไม่เป็นกลาง ฉะนั้นนี่คือสัญลักษณ์ตัวแทนของความสมบูรณ์
อย่าพยายามสุดโต่งในความเชื่อของสิ่งไหน การเปิดรับในทุกเหตุการณ์จะช่วยฝึกใจให้เราเป็นน้ำในแบบที่ควรจะเป็นได้ จงโอนเอนและไหลไป
...แล้วจะพบกับความอบอุ่นในอุณหภูมิที่เราอยู่ได้โดยสบาย
____________________________________
6. “เมื่อคุณชี้นิ้วไปที่พระจันทร์ อย่าสนใจที่นิ้ว ไม่งั้นจะไม่เห็นความสวยงามของพระจันทร์”
…โฟกัสที่เป้าหมาย สนใจแต่สิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ไม่ว่าจะเป็นคู่สนทนาหรือเหตุการณ์ต่างๆ
…เพื่อรับรู้สิ่งที่เป็นจริงโดยไม่ตัดสินไปก่อนล่วงหน้า เพราะชีวิตเราต้องตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อมตลอดเวลา
…สิ่งแวดล้อม คือสิ่งสะท้อนตัวตนของเรา เหมือนกับการตอบให้ตรงคำถาม มันจะช่วยจัดการระเบียบความคิด ระเบียบชีวิต และการให้ความสำคัญกับสิ่งสำคัญจริงๆ
7. “ทุกสิ่งคือ ‘กังฟู’ คุณก็เป็นกังฟู ในรูปแบบของคุณได้”
..ไม่ใช่แค่ฮาวทูทั่วไปอย่างที่คุณคิด เพราะคำว่า “กังฟู” มีความหมายอย่างตรงตัวคือ ทักษะการฝึกฝนอย่างหนัก และความมีวินัย
เพราะฉะนั้นเราสามารถเป็นกังฟูนักอ่าน กังฟูการขาย กังฟูสควอช หรือกังฟูอะไรก็ได้
8. “ฝึก ฝึก และก็ฝึก”
ความพ่ายแพ้ไม่ใช่ผลลัพธ์ ความพ่ายแพ้ไม่มีอยู่จริง แต่มันจะเริ่มขึ้นเมื่อเรารู้สึก “ยอมแพ้”
…จงเป็นคนที่ดีขึ้น ไม่ใช่ดีกว่า เพียงพัฒนา ไม่ใช่แข่งขัน !
…เพราะชีวิต ไม่ใช่การแข่งขัน แต่เป็นการสร้างสรรค์ร่วมกัน
“จนกว่าชีวิตจะดับสูญ เราควรพยายามน้อยลงในการดีกว่าคนอื่น และพยายามมากขึ้นในการดีกว่าตัวเอง”
…สายน้ำไม่ลุกขึ้นมาฉลองชัยชนะ และหยุดไหลเพียงเพราะมันไปถึงมหาสมุทร มันยังคงไหลต่อไป
9. “ปล่อยให้ความจริงไหลไป”
…ไม่มีสิ่งใดสมบูรณ์แบบ และคุณควบคุมความสมบูรณ์แบบไม่ได้
ใส่พลังงานไปในจุดที่ทำได้ให้ดีที่สุด และปล่อยให้ส่วนที่เหลือเป็นไปตามธรรมชาติ
“อย่าจมกับการบรรลุเป้าหมาย”
…เพราะเจ้าจะพลาดคุณค่าของการเดินทางทั้งหมดไป
…เพราะเป้าหมายไม่ใช่เป็นเพียงสิ่งที่เราต้องไปให้ถึงเสมอ
…แต่มันคือบางอย่างให้เราพึ่งพิง
…เป็นอนาคตให้เราตระหนักในปัจจุบัน
…จุดประสงค์ที่แท้จริงจึงอยู่ที่การลงมือทำ “ไม่ใช่ผลลัพธ์”
…โดยรวมเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจว่าความสามารถของ บรูซ ลี ทั้งด้านการต่อสู้ การเป็นครู รวมทั้งการเป็นนักแสดง ล้วนแล้วแต่เพียงผลลัพธ์ปลายทางเท่านั้น
แท้จริงมันถูกขับเคลื่อนมาจากทัศนคติและความคิดที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่ยอมแพ้ และความรักในการพัฒนา
มากกว่านั้นเขายังสามารถขมวดรวมหรือปรับแต่งความเป็นตัวของตัวเองให้สอดคล้องกับบริบทของชีวิตได้อย่างน่าอัศจรรย์
บทสรุปของเรื่องราว “ในบันทึก” ของนักแสดงชาวฮ่องกง นักสู้ นักเผยแพร่ศิลปะการต่อสู้ นักปรัชญาผู้โด่งดังคนแรกในฟากตะวันออกจะเป็นอย่างไร ตามอ่านเล่มเต็มกันได้เลยนะคะ
 
…สุดท้าย ต้องขอบคุณผู้เขียนที่ศึกษาและแปลความหมายของทุกท่วงท่า ทุกการกระทำของบรูซ ลี มาเป็นตัวอักษรแบ่งปันเราในวันนี้ ถ้ามีเวลาหยิบมาอ่านเถอะค่ะ มาเป็นน้ำในรูปแบบของเราเอง เป็นกังฟูชีวิตไปด้วยกัน…
โฆษณา