15 ก.พ. 2022 เวลา 18:54 • เกม
Total War: Warhammer 3 | เรื่องสั้น บุตรแห่ง Kislev (ก่อนเหตุการณ์ในเกม)
[ผู้ใดอยากสนับสนุนผม สามารถ Donate ได้ผ่านทางเว็บ https://www.patreon.com/pandawarzone หรือกดติดตามในเว็บ Blockdit นี้นะครับ]
ชั้นใต้ดินของโรงเตี๊ยมแห่งนึงถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมชั่วร้าย ร่างของเอลฟ์ 8 คนเต้นรำและขับขานเกี่ยวกับเจ้านายของพวกตน พื้นห้องเต็มไปด้วยกลุ่มคนที่ร้องตะโกนด้วยความปิติยินดี พวกเขาคือชาว Kislev ที่ถูกลักพาตัวโดยพ่อค้าแห่งแคว้น Talabecland ของ Empire และนำตัวมายังที่แห่งนี้
"เราทั้ง 6 คน, กลุ่มแห่งความมืด, รื่นเริงบันเทิงใจ, อัญเชิญนายเหนือหัว, มหาปีศาจ N'kari"
นักเต้นเอลฟ์ทุกคนร้องประสานเสียงพร้อมๆกัน แต่ก็เหมือนจะผู้ใดสนใจเพราะต่างหมกมุ่นเสพย์ความสำราญกันอยู่ มีชายสองคนที่เดินชนกันจนเหยือกเบียร์ควาสส์ในมือตกพื้น ความโกรธพุ่งพล่านในใจของทั้งคู่แต่ก็สงบลงอย่างรวดเร็วหลังจากเห็นหน้าอีกฝ่าย
"Jakob แกมาทำอะไรข้างล่างนี่วะ"
ชายที่แก่กว่าและไว้เครายาวกล่าว
"ข้าแค่มาดื่มแก้อยากเหมือนทุกที แล้วจู่ๆร่างกายก็เดินตามเสียงเพลงมาถึงนี่เอง เกิดบ้าอะไรขึ้นวะ Anton"
"ข้าก็ไม่รู้ ไอ้คนจาก Empire มันพาเอลฟ์พวกนี้มาที่โรงเตี๊ยม และสิ่งที่เกิดหลังจากนั้นคือพวกเราลงมาชั้นใต้ดิน เคลื่อนย้ายถังเบียร์ออกไปเพื่อให้มีพื้นที่ไว้ร้องเล่นเต้นรำ ข้าต้องรีบไปแล้ว ภรรยาข้าบอกให้ข้ากลับบ้านทันทีหลังจากเสียงระฆังยามเย็น"
แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้ทำอะไรต่อ เสียงดนตรีก็ดังขึ้นใจกลางห้อง มีกลุ่ม Kossar หกคนกำลังเต้นอยู่ ท่าเต้นมีการออกขาถีบสูงและถึบต่ำด้วย ซึ่งเป็นท่าเต้นเอกลักษณ์ทางภาคใต้ของ Kislev ทางด้านพวกเอลฟ์ก็วาดลีลายั่วยวนไปรอบๆด้วยความเร็วสูง ฝูงชนในห้องส่งเสียงเชียร์กระหึ่มและตบมือเข้าจังหวะไปกับการกระทืบเท้าของนักเต้น Kossar ด้วย
"ข้าเห็นพวกนอกรีต!"
เสียงที่ดังกึกก้องยิ่งกว่าเสียงฝูงชนปรากฏขึ้น ทุกถ้อยคำล้วนหนักแน่นดุจดั่งประกาศิต เสียงเพลงและการเต้นรำหยุดลงแทบจะทันที ทุกคนในห้องต่างมองไปยังบันไดทางขึ้น ที่นั่นมี Kostaltyn มหาสังฆราชแห่งลัทธิ Ursun และผู้นำสูงสุดของศาสนจักร Great Orthodoxy ยืนอยู่
"พวกแกทุกคนในนี้ล้วนเป็นคนบาป พวกแกทุกคนสมควรถูกเผา"
หลังคำพูดจบลง เอลฟ์ทุกคนต่างส่งเสียงขู่กลับอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาทั้งสองข้างก็เปลี่ยนกลายเป็นสีดำสนิท พวกมันพุ่งเข้าใส่ Kostaltyn ด้วยความรวดเร็วกว่าตอนเต้นรำเป็นเท่าตัว เอลฟ์คนแรกที่เข้าถึงตัวยกแขนที่บัดนี้กลายเป็นก้ามปูขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อโจมตี Kostaltyn มองอย่างไม่หวั่นเกรงและฟาดกระบองสวนเพื่อปัดป้องการโจมตี เมื่ออาวุธทั้งสองชิ้นเข้าปะทะกัน หัวกระบองก็ลุกโชนด้วยเปลวไฟ ตาของเอลฟ์พร่ามัวไปชั่วขณะจนมองไม่เห็นหัวของมหาสังฆราชที่โขกใส่เต็มๆเบ้าหน้า จนร่างของมันกระเด็นตกไปยังฝูงชนเบื้องล่าง เอลฟ์ที่เหลืออีก 5 คนก็สับสนจากแสงไฟศักดิ์สิทธิ์เช่นกันแต่ก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว แต่ว่า Kostaltyn เดินกลับขึ้นบันไดไปอย่างไม่แยแส ก่อนที่บางประตูทางขึ้นจะปิดลง แสงสว่างในห้องใต้ดินหมดไปเหลือแต่ความมืดมิด
"Jakub มัน มันเกิดอะไรขึ้น"
เสียงกระซิบที่ฟังดูอกสั่นขวัญแขวนดังขึ้นเบาๆในความมืด ในขณะที่พวกเอลฟ์ก็ขู่คำรามขึ้นอีกครั้ง
Kostaltyn เดินอาดๆผ่านบาร์เหล้าไปยังประตูทางออกโรงเตี๊ยม เจ้าของโรงเตี๊ยมและผู้ดูแลต่างรู้สึกเป็นกังวล เพราะเขาไม่ได้เดินออกไปแต่หยุดนิ่งอยู่ตรงกรอบประตู
"ท่านจะสั่งการอะไรต่อมั้ย ท่านมหาสังฆราช"
นักบวชระดับสูงคนนึงได้เอ่ยถาม ภายใต้ใบหน้าที่นิ่งเฉย Kostaltyn ได้กล่าวกับลูกน้องของตนเพื่อให้จัดการต่อ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
"เทพ Ursun ได้ทอดทิ้งชาว Gospodar เหล่านี้แล้ว เผาพวกมันให้เหี้ยน อย่าให้ใครรอดออกไปได้แม้แต่คนเดียว"
นักบวชระดับสูงพยักหน้าขานรับ จากนั้นนักบวชจำนวนมากก็เข้าล้อมโรงเตี๊ยมพร้อมคบไฟในมือ
"แล้วเรื่องซารีนาเอายังไงดีครับ"
ลูกน้องคนนึงกล่าว
"นางทำไมเหรอ"
"นางจะต้องไม่พอใจมากแน่ๆถ้ารู้ว่าเกิดการสังหารหมู่ในเขตปกครองรอบพระราชวัง Bokha สภาน้ำแข็งเคยกล่าวไว้ว่าเมืองหลวงนั้นเป็น....."
"ไม่พอใจงั้นเหรอ!"
Kostaltyn ตะคอกออกมาเสียงดังและหยุดยืนกลางถนน โดยไม่สนใจว่ากีดขวางการจราจรเขาได้พุ่งความโกรธไปยังลูกน้องคนดังกล่าว ความนิ่งสงบที่ผ่านๆมาเหมือนเป็นเรื่องโกหก ตอนนี้เชื้อไฟแห่งความโกรธของเขาได้ถูกจุดติดแล้ว
"ไอ้เด็กนั่นเป็นแค่แม่มดที่โชคดีได้นั่งบนบัลลังก์ นางกระหายที่จะหย่อนก้นเย็นๆของนางลงบนบัลลังก์ทั้งที่ไออุ่นของบิดานางยังไม่จางหาย บิดาของนางได้รับพรจากเทพ Ursun เพราะศรัทธาอันมั่งคงจนได้รับการนับถือในวงกว้าง แต่ว่าไอ้เด็กนั่นกลับให้ผู้ใช้พลังด้านมืด(นักเวท)ติดตามไปไหนมาไหนในระยะเผาขน ทั้งตอนกินข้าวและตอนผิดประเวณี ไม่พอใจงั้นเหรอ มันควรจะเป็นกูต่างหากที่พูดคำนั้น นางคงจะถูกเผาทั้งเป็นไปแล้วถ้าไม่ได้มีสายเลือดของซาร์องค์ก่อน"
ด้านหลังของ Kostaltyn ปรากฏประกายไฟลามออกมานอกหน้าต่างทุกบานของโรงเตี๊ยม พร้อมด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวน
"เวทมนตร์เป็นสิ่งชั่วร้าย แม้ว่าแกจะปิดซ่อนมันเอาไว้ในรูปน้ำแข็งก็ตาม นั่นแหละเป็นสาเหตุให้เทพหมีเงียบหายไป ท่านดูแคลนเราเพราะแผ่นดินแม่เราถูกปกครองโดยนังแม่มดนี่"
ลูกน้องปากพล่อยพยายามเช็ดเสมหะออกจากใบหน้าของตน พร้อมเลิกลั่กไม่ยอมสบตา Kostaltyn
"บราเดอร์ Uzkef ยังมีสิ่งใดที่กวนใจแกอยู่อีกมั้ย พูดออกมา!"
"เรื่องที่นางทำผิดประเวณี ......ถ้าเราจะนำไปใช้กล่าวหานาง เราต้องระวังอย่าทำให้มันเป็นแค่การใส่ความเลื่อนลอย"
Uzkef หาทางเบี่ยงประเด็นเพื่อหยุดการจ้องเขม็งของ Kostaltyn มีนักบวชเพียงไม่กี่คนใน Great Orthodoxy ที่กล้าพูดเปิดประเด็นเรื่องพวกนี้กับมหาสังฆราชตรงๆ โชคไม่ดีที่ Uzkef เป็นหนึ่งในนั้น เมื่อ Kostaltyn ได้ฟังก็หัวเราะดังลั่น
"บราเดอร์ Uzkef ถ้าข้าไม่รู้จักเจ้ามาก่อน ข้าคงจะถูกเจ้าด่าว่าเป็นคนโกหก แต่บอกเลยว่าทุกสิ่งที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริง"
Kostaltyn หยิบเอาม้วนกระดาษแผ่นนึงออกมาจากเข็มขัดและแปะไปยังหน้าอกของ Uzkef อย่างแรง ทำให้เจ้าตัวเซไปเล็กน้อย Uzkef ตัวสั่นแกะม้วนกระดาษและอ่านข้อความข้างใน
"จากสายลับของข้าที่แฝงตัวอยู่ในพระราชวัง"
Kostaltyn พูดเสริม Uzkef มองไปยังเจ้านายของตนอย่างงุนงง
"ใครคือองค์ชาย Yuri Barkov"
"นั่นสิ"
มหาสังฆราชเริ่มออกเดินต่อ
"มาเถอะสหายข้า กลับไปยังมหาวิหารกัน เรามีงานต้องทำ"
เบื้องหลังของทั้งคู่คือโรงเตี๊ยมที่ไฟไหม้ลุกโชนทั้งหลัง มีชาวบ้านหลายคนวิ่งมาเพื่อดับเพลิงแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้โดยทหารและนักบวชของ Great Orthodoxy สุดท้ายเพลิงไหม้ก็ดำเนินไปตลอดทั้งคืน ยามเช้าตรู่โรงเตี๊ยมแห่งนี้ก็เหลือแต่ตอตะโกและขี้เถ้า
ถนนที่มุ่งตรงไปยังเมือง Kislev คับคั่งไปด้วยคนจนและคนที่หนาวตาย การเคลื่อนตัวดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
"ออกไปให้พ้นทาง เร็วสิ!"
Gerik ควบม้านำขบวน Kossar ยี่สิบคนพยายามผลักดันผู้อพยพให้ออกไปอยู่ด้านข้างถนน เมื่อเห็นว่าทางสะดวกแล้วเขาก็ควบม้ากลับไปหาพี่ชายที่กำลังขี่ม้าเหยาะๆทอดน่องสบายใจท่ามกลางข้ารับใช้
"นี่ดูไม่ดีเลย ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยผู้อพยพ เรากำลังจะไปสายแล้ว"
Gerik ที่กำลังฉุนเฉียวได้กล่าวออกมา
"ถ้ามันจะสายก็สายไป ยังไงเราก็ไม่ควรไปเพิ่มความทุกข์ยากให้ประชาชนโดยการผลักพวกเขาออกไปข้างทาง พวกเขาบอบช้ำมามากแล้ว"
Yuri ตอบกลับน้องชายของตน
"ข้ารู้น่าท่านพี่ ฤดูหนาวยาวนานต่อเนื่อง 6 ปีมันช่างโหดร้ายยิ่งนัก แต่ว่าเราก็ไม่สามารถปล่อยให้ซาริน่าเสียเวลารอได้เช่นกัน มันจะดูแย่มากๆหากท่านพลาดการนัดหมายกับนาง และท่านก็รู้ว่าแถวนี้มันเป็นยังไง มันหาเหตุผลได้สารพัดอย่างเพื่อเอามาใช้เยาะเย้ยสายเลือดชาว Ungol"
"นั่นรวมถึงนางด้วยเหรอ"
"ใช่ นางก็ถูกพูดถึงเชิงนั้นเหมือนกัน ทั้งในหมู่ชาว Gospodar และโรงเตี๊ยมทุกแห่ง นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าภาระของชนชั้นสูง"
"อืม แต่สำหรับข้านางก็ยังเป็นแค่ลูกแมวน้อยอยู่ดี"
Yuri ยิ้มออกมา
"มีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมายนับจากตอนนั้น ตอนนี้นางเป็นราชินีแล้ว ส่วนท่านก็เป็นเจ้าชาย"
"หยุดพูดตอกย้ำข้าซักที Gerid เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่อยากให้เรียกแบบนั้น ......นั่นมันก็แค่บรรดาศักดิ์ต่างแดนที่จักรพรรดิ Magnus ประทานให้บรรพบุรุษของเราตอนยึดเมือง Praag คืนได้สำเร็จ มันแทบไม่มีความหมายแล้วในปัจจุบัน โดยเฉพาะในที่แห่งนี้"
"ไร้สาระน่า ตอนนี้ท่านเองก็ดำรงตำแหน่งดรูซิน่านะ ท่านคือความหวังของตระกูล Kovalenko และ Barkov และเป็นเจ้าชายในหมู่ชาว Ungol ด้วย ท่านก็รู้ว่าพวก Gospodar มันชอบอวยยศให้คนชาติพันธุ์เดียวกัน แต่ท่านก็ยังไต่เต้าจนเข้ามาเป็นขุนนางในสภาได้"
ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรดังมาจากถนนข้างหน้า พร้อมด้วยเสียงกีบเท้าม้ากระทบพื้น
"โอ้ นั่นมันหน่วย Gryphon Legion นี่ ซาริน่าคงส่งมาเพื่อรับเราเข้าเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย เห็นไหม อย่างน้อยยศขุนนางของท่านก็เป็นของแท้"
Gerik กล่าว
"มันดูมากเกินไปนะสำหรับการนัดพบแบบเงียบๆ"
Yuri พึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปหาน้องชาย
"เจ้ารู้มั้ยว่าเรื่องอะไรที่กวนใจข้าที่สุดเกี่ยวกับฤดูหนาวที่ยาวนานนี้"
"เรื่องที่ชาวนาของเราเพาะปลูกไม่ได้เหรอ หรือว่าเรื่องที่เราต้องนำเข้าอาหารจาก Empire ในราคาที่แพงขึ้นทุกปี"
"ไม่ใช่ ถ้าเทพหมีไม่สามารถร้องคำรามเพื่อนำพาฤดูใบไม้ผลิได้ ทำไมเราไม่ขอให้เทพองค์อื่นทำแทนละ เทพ Dazh ควรจะช่วยให้ความอุ่นหวนคืนสู่แผ่นดินแม่เราได้ เพราะยังไงท่านก็เป็นเทพแห่งพระอาทิตย์"
"คำถามนั้นเก็บไว้ถามพวกนักบวชเถอะ"
"อืม ข้าคิดว่าอย่าดีกว่า"
Yuri หัวเราะและควบม้าไปทางกลุ่ม Gryphon Legion ที่มารับ Gerik และผู้ติดตามชาว Ungol ทุกคนก็รีบตามไปทันที
ความตายเป็นดั่งลมหนาว ไม่มีประตูบานไหนหยุดมันได้ และแม้หน้าร้อนจะหวนคืนมา น้ำแข็งก็ปกคลุมทั่วร่างเราแล้ว
บทเพลง Oblast Fireside ของ Kislev
พระอาทิตย์ ที่บัดนี้เยือกแข็งและแตกเป็นเสี่ยง ชายหนุ่มผมสีทองและดวงตาที่มีไฟลุกโชน เขาหลับตาลงและส่ายหัว ก่อนเดินหายเข้าไปในความมืดมิด พร้อมเอ่ยคำพูดทิ้งท้าย
"เจ้าไม่ใช่เจ้าชาย ยังไม่คู่ควร สายเลือด Kovalenko ที่ไหลเวียนในตัวเจ้า อย่าได้ตามหาสิ่งที่หายสาปสูญไปเด็ดขาด"
จากนั้นก็มีภาพใหม่ซ้อนทับขึ้นมา เป็นภาพของชายแก่ร่างกายกำยำ สวมใส่แต่ผ้าเตี่ยว หนวดเคราสีเทา ถูกล่ามโซ่เอาไว้กับความมืด โซ่สีดำสนิท เขาคุกเข่าอย่างอ่อนระโหยโรยแรง รอบตัวมีอณูสีดำลอยวนเวียนเหมือนกับม่านหมอก
"จงตามหาข้า บุตรแห่ง Kislev"
Yuri ตื่นขึ้นจากความฝัน ประตูห้องนอนถูกเปิดออกอย่างแรงโดน Gerik จากอีกด้านนึง
"แต่งตัวเร็วท่านพี่ ท่านจะไปสภาสายนะ"
พระราชวัง Bokha ตั้งอยู่ใจกลางเมืองหลวง Kislev ตัวสิ่งปลูกสร้างเต็มไปด้วยหอคอยและโบสถ์มากมาย สะท้อนถึงอำนาจของอาณาจักรแห่งนี้ และใจกลางของมันคือสภาน้ำแข็ง ชื่อนี้ไม่ได้ตั้งขึ้นมั่วๆแต่เพราะมันเป็นน้ำแข็งจริงๆ กำแพงหินและเสาอาคารสามารถถูกเห็นอยู่ลึกลงไปในชั้นน้ำแข็ง สภานี้ถูกสร้างขึ้นโดยเวทมนตร์ของซาริน่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเธอได้ฉายาราชินีน้ำแข็ง Yuri คิดในใจระหว่างมองลงมาจากบนระเบียงชั้นลอย ตรงสุดทางเดินของห้องคือบัลลังก์ ที่นั่งอยู่คือซาริน่าคนปัจจุบันของ Kislev นางช่างสวยงามและดูเข้มงวดภายใต้ชุดฉลองพระองค์สำหรับว่าราชการ Yuri รำพึงกับตัวเอง นางช่างดูแตกต่างกับในอดีตที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและขี้เล่นอย่างสิ้นเชิง เขาพยายามจะสบตากับนางแต่ว่านางตั้งใจเมินเขาโดยสิ้นเชิง
งานในสภาดำเนินไปตลอดทั้งวัน ส่วนใหญ่เป็นการสะสางปัญหาภายในของ Kislev ตอนนี้อาณาจักรกำลังประสบปัญหาฤดูหนาวตลอดทั้งปีและยังต้องคอยต่อสู้กับภัยคุกคามจากทางเหนือ แม้แต่นักรบ Kislev ที่ถึกทนที่สุดแห่งแคว้น Oblast ก็ยังต้องกระเสือกกระสนเอาชีวิตรอดจากความหนาวเย็นแบบนี้ เสียงคำรามแห่งฤดูใบไม้ผลิ ที่เป็นสัญญานการยุติของฤดูหนาวและเข้าสู่ฤดูฝน จากนั้นตามด้วยพระอาทิตย์และฤดูร้อน พืชพรรณจะเจริญเติบโต เหล่าสัตว์ก็จะอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่นั้นคือเมื่อหกปีก่อน บัดนี้ย่างเข้าปีที่เจ็ดแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววว่าฤดูหนาวจะสิ้นสุดเมื่อไหร่
Yuri ตื่นจากภวังค์เพราะมีเสียงเรียกตัวเขาให้เข้าเฝ้า เขาลงจากระเบียงชั้นลอยและถูกพาตัวไปยังหน้าบัลลังก์ของซาริน่า โดยมี Gerik และผู้ติดตามชาว Ungol เดินอารักขามาด้วย เธอนั่งอยู่บนบัลลังก์อย่างงามสง่า รายล้อมด้วยเหล่า Ice Guard องครักษ์ผู้ซื่อสัตย์ของนาง ในมือของพวกนางถือง้าวที่ใบมีดเป็นน้ำแข็ง แล้วก็มีหน่วย Tzar Guard ทหารองครักษ์ราชายืนประจำอยู่ตามมุมต่างๆของสภาด้วย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ Katarina จ้องมองเขาตรงๆ แต่เขาไม่เห็นความอบอุ่นในดวงตาคู่นั้นอีกแล้ว มีเพียงแค่ความเย็นชาดุจน้ำแข็ง พวกเขาโค้งหัวคำนับนางเมื่อถูกพาตัวมาถึงหน้าบัลลังก์
ตอนนี้สามารถได้ยินเสียงพึมพำจากทั่วทั้งสภา ดูเหมือนข่าวลือความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองจะแพร่สะพัดไปทั่วแล้ว
"เอาละ ทำไมเจ้าชายชาว Ungol ถึงดั้นด้นออกเดินทางมาจนถึงเมืองหลวงละ"
น้ำเสียงของซาริน่าเย็นยะเยือกเช่นเดียวกับสายตาของนาง ใบหน้าของ Yuri เต็มไปด้วยความงุนงงแต่เขาก็รีบซ่อนมันเอาไว้อย่างรวดเร็ว ก็นางเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนเชิญเขามา! แต่เขารู้ว่าการต่อปากต่อคำกับนางจะทำให้ทุกอย่างยิ่งแย่ลง จึงได้เลือกคำตอบมาตรฐานว่า เผ่าของเขากำลังประสบปัญหาเพราะฤดูหนาวปีนี้รุนแรงกว่าทุกปี ซาริน่าพยักหน้าทีนึงและ Yuri ก็รู้สึกเจ็บปวดเหมือนน้ำแข็งกัดที่หลังมือ จากนั้นมันก็ค่อยๆลามขึ้นไปยังข้อมือและท่อนแขน เขาพยายามฝืนทนความเจ็บเพราะไม่ต้องการแสดงความอ่อนแอต่อหน้าชาว Gospodar ในสภา ก่อนที่เขาจะได้ทันทำอะไร ผู้ควบคุมสภาก็ได้ต้อน Yuri และกลุ่มผู้ติดตามให้ออกห่างจากบัลลังก์และกลับไปยังประตูใหญ่ที่เดินเข้ามา
แต่ทันใดนั้นประตูก็ได้ถูกเปิดออก มหาสังฆราชแห่งลัทธิ Ursun เดินผ่านประตูเข้ามา จากนั้นก็เป็นเหล่านักบวชระดับสูงของแต่ละลัทธิ ตามด้วยเหล่ากองกำลังของ Great Orthodoxy ในชุดเกราะเต็มสูบ ทั้งสองกลุ่มเดินสวนกัน Kostaltyn หันมามอง Yuri ชั่วขณะนึง ก่อนที่จะถึงประตู Yuri ก็ได้หยุดเดินและหันกลับไปมองด้านหลัง ถึงแม้จะมีกฏให้ขุนนางเดินกลับไปยังที่นั่งของตนทันทีหลังเข้าเฝ้าเสร็จก็ตาม
"มาเถอะ เราควรอยู่ให้ห่างจากเรื่องนี้จะดีกว่า"
Gerik กระซิบบอก
"ไม่ ข้าต้องฟังเรื่องนี้"
Yuri ตอบกลับด้วยเสียงเบาๆ
"นอกจากนี้ ตอนนี้ก็ไม่มีใครสนใจพวกเราแล้วด้วย"
เขาพูดถูก ตอนนี้ความสนใจของทั้งสภาพุ่งไปที่ Kostaltyn แต่เพียงผู้เดียว
เหล่านักบวชระดับสูงได้เดินไปถึงเบื้องหน้าบัลลังก์และโค้งคำนับซาริน่า มีเพียง Kostaltyn ที่ยืนตัวตรงไม่สนใจจะทำตาม
"ท่านมหาสังฆราช"
ราชินีน้ำแข็งกล่าว Yuri เคยคิดว่านางนั้นเย็นชากับเขายิ่งนัก แต่ว่าน้ำเสียงที่นางพูดกับ Kostaltyn นั้นทำให้นางดูใจดีกับเขาขึ้นมาทันทีเลย
"เจ้ากล้าเรียกตัวข้ามาเข้าเฝ้าเหรอ เด็กน้อย"
"คำเรียกที่ถูกต้องคือ ฝ่าบาท ต่างหากท่านมหาสังฆราช"
ผู้ควบคุมสภาได้เอ่ยแก้ไขคำเรียกของ Kostaltyn ให้ถูกต้อง โดยไม่ยี่หระสายตาของเขาแม้แต่น้อย
"ท่านกล้าเผาโรงเตี๊ยมที่เต็มไปด้วยประชาชนของข้า แถมอยู่ห่างจากพระราชวังเพียงแค่ครึ่งไมล์ ข้าต้องการรู้ว่าทำไม"
ซาริน่ากล่าว
"ข้าจะตอบคำถามแก่เทพเจ้าเท่านั้น ข้าไม่จำเป็นต้องให้เหตุผลการกระทำต่อหน้านังแม่มด!"
1
เหล่า Ice Guard เปลี่ยนมาตั้งท่าโจมตีทันทีที่สิ้นคำพูดของเขา พวกนางจะไม่ทนการจาบจ้วงนายเหนือหัวเด็ดขาด แต่ซาริน่าโบกมือหยุดพวกนางเอาไว้
"แต่ท่านจำเป็นต้องตอบคำถามของชนชั้นกษัตริย์ ผู้ร่วมก่อตั้งศาสนจักรของท่าน"
"Boris Ursus คือผู้ก่อตั้งไม่ใช่เจ้า และเขาก็ตายไปแล้ว!"
1
"ใช่ เขาตายแล้ว!"
ราชินีน้ำแข็งตะโกนกลับไปยังมหาสังฆราช ก่อนจะเอานิ้วชี้มาจรดกับนิ้วโป้ง มีเดือยน้ำแข็งก่อตัวขึ้นรอบๆสภา
"แต่ข้าคือลูกสาวของเขา เขาเป็นซาร์ และบัดนี้ข้าคือซาริน่า"
เสียงของนางถูกขยายด้วยแรงสั่นสะเทือนจากน้ำแข็งจนเสียงแหลมและดังสนั่นไปทั่วสภา
"ท่านต้องตอบคำถามข้า ท่านสังฆราช เฉกเช่นชาว Kislev ทุกคน!"
เริ่มเกิดเสียงพึมพำขึ้นในหมู่ขุนนางที่พึ่งหายตกใจจากเหตุการณ์เบื้องหน้า Kostaltyn ยังคงไม่ไหวติงต่อคำขู่ แต่ว่านักบวชด้านหลังเขาเริ่มรวมกลุ่มปรึกษากันแล้ว สุดท้ายมีคนนึงเดินเข้ามาหาเขาและพูดเกลี้ยกล่อมสั้นๆ Kostaltyn จึงหันหน้ากลับไปที่บัลลังก์ คิ้วของเขาบิดเบี้ยวด้วยความรำคาญ
"ข้าเฝ้าสังเกตผ่านพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ และขอบอกไว้ตอนนี้เลยว่าโรงเตี๊ยมชาว Gospodar ที่เจ้าถามนั้นเป็นที่ซ่องสุมของเหล่าปีศาจ ดังนั้นข้าจึงต้องชำระล้างมันไปพร้อมกับดวงวิญญานหลงทางข้างใน
Kostaltyn กล่าวเสร็จ ความโกรธของเขาก็เริ่มกลับมาปะทุอีกครั้ง
"อำนาจมืดย่างกรายมาถึงหน้าประตูบ้านเจ้าแล้ว พวกมันถูกดึงดูดโดยเวทมนตร์เหมือนกับผีเสื้อกลางคืนเล่นแสงไฟ เจ้าอาจจะปกครองอาณาจักรนี้ได้ แต่ว่า Bokha ผู้ยิ่งใหญ่มีแค่คนเดียวเท่านั้นคือพ่อของเจ้า ถ้าราชวงศ์หันหน้าไปพึ่งผู้ใช้เวทและพวกแม่มด บางทีนี่อาจจะถึงเวลาที่ต้องมีการปรับเปลี่ยนระบบแล้ว ทางรอดเดียวของผู้คนจากเหล่า Chaos ก็คือศาสนจักร!"
Kostaltyn พูดจบก็ไม่รอคนเชิญ เดินหันหลังกลับออกไปทันที กลุ่มนักบวชก็เดินตามหลังเขาไปเหมือนตอนขามา
"ซารีน่าของข้า เพียงแค่ท่านเอ่ยคำเดียว เขาจะจบชีวิตลงก่อนก้าวพ้นประตู"
Ice Guard ที่อยู่ข้างๆกระซิบบอก Katarina
"ไม่ นั่นจะก่อให้เกิดสงครามใหญ่และเข้าทางของอำนาจมืด ผีเสื้อกลางคืนจะไม่ได้เพียงถูกล่อโดยแสงไฟ แต่มันจะถูกเผาและไฟลุกลามไปทุกหนแห่ง"
Katarina คำราม
สภาด้านนอกของท้องพระโรง Yuri กำลังสำรวจแขนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ในขณะที่ Kostaltyn เดินสวนออกมา เขาเดินปรี่เข้ามาหา Yuri ทันทีที่เห็นตัว Gerik พยายามเข้ามาขวางแต่โดนนักบวชระดับสูงผลักออกไปข้างๆ
"บอกข้าซิ เจ้าชาย Yuri ..........เจ้าชาย บรรดาศักดิ์ของพวกต่างแดนไม่ทำให้เจ้ารู้สึกขยะแขยงบ้างเหรอ"
Yuri ไม่ตอบสนองต่อคำยั่วยุแต่มองกลับไปยัง Kostaltyn ที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้
"บอกข้าซิ เจ้าได้อ้างสิทธิ์ปกครองพื้นที่ป่า Duklys Forest เหล่าพี่น้องของข้าปูพรมถางป่าแห่งนั้นตามหาเหล่าแม่มด Hag ที่ฝึกฝนพิธีกรรมนอกรีต แต่พวกนางก็หลบหนีได้ไวเหมือนกับปลาไหล สิ่งเดียวที่พวกเขากลับมาบอกข้าคือ Mother Ostankya และอสูรเงาของนางไม่ได้เป็นเพียงแค่ตำนาน"
"ประชาชนมักบอกเสมอแหละว่าตำนานต่างๆเป็นเรื่องจริง"
1
Yuri ตอบกลับ
1
"ข้าไม่คิดอย่างนั้น ครั้งนี้ไม่ มีหลักฐานมากมายที่บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่านางมีอยู่จริง และเป็นภัยร้ายแก่อาณาจักรแห่งนี้"
"ตำนานกล่าวไว้ว่านางเป็นหนึ่งในผู้พิทักษ์แผ่นดินแม่ มีแค่ผู้ประสงค์ร้ายต่อแผ่นดินแม่เท่านั้นถึงต้องกลัวนาง"
"นางเป็นแม่มด ที่ทรงพลังมากๆด้วย ถ้าเราค้นพบหลักฐานว่าชาว Ungol ของเจ้าปิดบังที่อยู่ของนาง ข้าคงจำเป็นต้องประกาศให้เผ่าของเจ้าเป็นพวกนอกรีต"
Yuri เช็ดเศษเสมหะที่เลอะบนใบ้หน้าออก แต่ Kostaltyn เดินห่างออกไปแล้วโดยไม่หันกลับมามอง
"ที่นี่ท่านมีเพื่อนเยอะจังเลยนะ เอาละรีบกลับห้องกันเถอะ ข้าต้องเช็คแขนของท่านด้วย"
Gerik กล่าว
เมื่อกลับถึงห้องพักที่สุดเขตพระราชฐาน Yuri ปลดปลอกแขนเสื้อด้านขวาออก ทำให้เห็นชั้นน้ำแข็งบางๆไล่ยาวตั้งแต่ข้อมือไปถึงท่อนแขนและข้อศอก น้ำแข็งช่างดูแวววาวและไม่น่าจะละลายเองง่ายๆ
"หวังว่านี่คงไม่อยู่ถาวรนะ"
เขาพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อสังเกตดูน้ำแข็งดีๆแล้วเขาก็พบตัวหนังสือเขียนอยู่ เป็นสถานที่และเวลา ทันใดนั้นน้ำแข็งก็ละลายลงทันที เขาลองขยับแขนดูก็พบว่ามันปกติดีเหมือนเดิม จากนั้นเขาก็เรียก Stefan ข้ารับใช้ของเขานอกประตูห้อง
"ครับ นายท่าน"
"เรียกน้องชายข้ามาที เรามีธุระต้องออกไปข้างนอก"
สวนฤดูหนาวตั้งอยู่ในเขตพระราชฐาน ทิวทัศน์ในสวนแห่งนี้ชวนให้ผู้คนรู้สึกเหมือนอยู่ในชนบทห่างไกลมากกว่าเมืองหลวง
ต้นไม้ในสวนล้วนถูกตัดแต่งอย่างดี มีทุ่งดอกไม้ทั้งสายพันธุ์ท้องถิ่นและต่างแดน ทางเดินถูกล้อมด้วยต้นสนและหญ้าสูงจากทั่วทั้งแผ่นดินแม่
และสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือถ้ำที่ตั้งอยู่ยอดเนินเขาใจกลางสวน ผนังถ้ำถูกจารึกภาพกับบทสวดแก่เทพหมี ทั้งยังมีแท่นบูชาขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เทวรูปบนแท่นถูกแกะสลักเป็นรูปหมีขนาดใหญ่ที่มีมงกุฏสีทองบนหัว ที่นี่คือศาลเจ้าของ Ursun สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อันดับ 2 ของลัทธิรองจากวิหารลัทธิ แต่ว่าทุกสิ่งในถ้ำถูกปกคลุมด้วยหิมะ เหมือนที่เป็นมาตลอดหลายปีมานี้
เวลาล่วงเลยช่วงพลบค่ำไปแล้ว ตอนนี้ข้างนอกมืดสนิท แม้แต่พระจันทร์ก็ถูกบังด้วยเมฆ นอกจากกลุ่ม Kossar ของ Yuri แล้วที่นี่ก็ร้างผู้คนโดยสิ้นเชิง พวกเขาเดินอย่างระแวดระวังไปยังปากทางเข้าถ้ำ โดยพยายามซ่อนร่องรอยให้มิดชิดที่สุด
"ทำไมนางต้องการพบเจ้าที่นี่ ดึกขนาดนี้ด้วย ทำไมไม่เรียกไปหาในห้องส่วนตัว ยังไงที่นี่ก็เป็นพระราชวังของนางอยู่แล้ว"
Gerik บ่นอุบอิบ
"ก็เพราะว่ามีสายลับซ่อนอยู่ทุกที่ยังไงเล่า"
คนที่ตอบกลับคือ Katarina ที่ปรากฏตัวออกมาจากภายในถ้ำ นางเดินตรงมาหา Yuri และยื่นแขนนางให้อีกฝ่ายจับไว้ บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มอยู่ รอยยิ้มเดียวกับที่เขาจำได้ในอดีต ต่างกันแค่เด็กสาวกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว
"ลูกแมวน้อย ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน"
"ข้าก็เช่นกัน เจ้าชายของข้า"
ทั้งคู่โอบกอดกันแน่น
"ทำไมต้องทำให้มันเป็นเรื่องลับๆล่อๆแบบนี้ละ เจ้าเป็นถึงซาริน่านะ"
Yuri ถามด้วยความสงสัยขณะจ้องเข้าไปในดวงตาของนาง
"รัชสมัยของข้ายังไม่มั่นคงเหมือนรัชสมัยของท่านพ่อ ทั้งศาสนจักรและอำนาจมืด ต่างก็ต้องการกำจัดข้าทั้งนั้น แต่ทั้งหมดนั้นเป็นแค่ปัญหายิบย่อย ปัญหาหลักตอนนี้คือประชาชนของเรากำลังอ่อนแอลงจากฤดูหนาวที่ไม่มีวันจบสิ้น กองทัพ Choas ไล่ฆ่าพวกเขาเหมือนเหยื่อที่ไร้ทางสู้ แต่ไม่อีกแล้ว ยามรุ่งสางนี้ข้าจะยกกองทัพของสภาน้ำแข็ง บุกขึ้นเหนือไปยับยั้งการรุกรานของกองทัพเทพโลหิต Khorne ผ่านช่องแคบ Black Blood Pass"
"ถ้างั้นข้าจะไปกับเจ้าด้วย!"
"ไม่ ข้ามีงานที่สำคัญกว่าให้เจ้าทำ มันอาจเป็นงานที่หนักเกินไปแม้แต่กับเจ้า"
"บอกข้ามาสิลูกแมวน้อย ไม่สิ ฝ่าบาท"
"เทพที่สาปสูญจะต้องถูกพากลับมา มีแต่ Ursun เท่านั้นที่สามารถยุติฤดูหนาวต้องสาปนิรันดร์นี้ได้"
"ข้าเห็นด้วย แต่ว่าข้าเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน ข้าจะสามารถค้นหาเทพเจ้าได้ยังไง"
"ปราการ Dervingard ป้อมที่อยู่ทางเหนือสุดของอาณาจักร ถูกสร้างโดยพ่อของข้าเมื่อหลายสิบปีก่อนให้เป็นประภาคารสำหรับดินแดนร้างทางเหนือ สวนสวรรค์แห่งเดียวท่ามกลางความบ้าคลั่ง มีแม่ทัพ Boyar นามว่า Slavin Kurnz ส่งข้อความมา บอกว่าเขาได้ยินเสียงคำรามของ Ursun เป็นไปได้ว่าเทพหมีจะอาศัยอยู่ดินแดนแถบนั้น"
"ถ้างั้นข้าจะไปที่นั่นเอง ข้าสามารถออกเดินทางพรุ่งนี้ไปพร้อมกับเจ้าได้เลย ข้าจะช่วยเจ้าสู้ศึกกับพวกปีศาจก่อน จากนั้นค่อยออกเดินทางต่อไปทางเหนือ"
Katarina ส่ายหัว
"ไม่ Yuri ผู้กล้าหาญ ข้าต้องการให้เจ้ากลับบ้านเกิดและระดมเสบียงกับนักรบให้มากที่สุด จากนั้นรอหนังสือทางการจากข้าก่อน"
นางมองไปยังดวงตาของ Yuri
"พวกเราต้องร่วมมือกันแต่ไม่ใกล้ชิดเกินไป ข้าจะไม่ยอมให้พวกเขาใช้สายสัมพันธ์ระหว่างเราเป็นอาวุธย้อนกลับมาแทงเราแน่นอน พวกเขารู้เรื่องในอดีตของเราแล้ว ถ้าพวกเขาเห็นเราอยู่ด้วยกันก็จะใช้สิ่งนั้นเป็นข้ออ้างว่าข้ากำลังทำให้สายเลือด Bokha มีมลทิน"
"มันผู้นั้นเป็นใคร! ใครที่จะทำเรื่องแบบนั้น"
Yuri เอ่ยถามด้วยความโกรธ
"ข้านี่แหละ"
เสียงดังมาจากข้างบน ร่างของมหาสังฆราชกำลังยืนอยู่บนยอดเนินเขา พร้อมด้วยทหารจากศาสนจักร
"พวกไร้ยางอาย! พวกเจ้ากล้าดูหมิ่นศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยตัณหาราคะ"
"ข้าเห้นแล้วว่าสายลับของท่านทำงานได้ยอดเยี่ยมมาก"
Katarina กล่าว
"ข้าไม่จำเป็นต้องใช้สายลับ ในเมื่อชู้รักชาว Ungol ของเจ้าบอกทุกสิ่งที่ข้าอยากรู้หมดแล้ว"
ทันใดนั้น ซาริน่าได้หันกลับมามอง Yuri ด้วยสายตาที่มองคนทรยศ
"โกหกทั้งเพ!"
Yuri ตะโกนใส่ Kostaltyn
"ข้าไม่เคยโกหก อย่างที่ข้าเคยบอก นางยังเป็นแค่เด็กเมื่อวานซืน ส่งข้อความนัดพบเจ้าอย่างกับเด็กนักเรียนในห้วงรัก การเข้าหาเจ้านั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากเลยเจ้าชาย Yuri ระหว่างที่ข้าคุยแลกเปลี่ยนเรื่อง Hag ในดินแดนของเจ้า ข้าก็ได้อ่านข้อความบนน้ำแข็งที่แขนเจ้าไปด้วย ไม่ใช่ด้วยตาแต่ด้วยญานหยั่งรู้ศักดิ์สิทธิ์ ขอคบไฟให้ข้า"
Kostaltyn ยืนมือไปจับแขนของ Yuri
"เจ้าคงจะไม่ทันสังเกต แน่นอนละ ข้อดีเพียงอย่างเดียวของน้ำแข็งคือทำให้ผิวหนังชา เอาละนั่นคือคำรับสารภาพของข้า ทีนี้ก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว มันถึงเวลาต้องยอมรับแล้วว่า Kislev ต้องถูกชักนำด้วยพลังศรัทธา จงมอบสิทธิการบริหารให้ข้า แล้วข้าอาจจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อเห็นแก่หน้าพ่อของเจ้าซาร์สีชาด Boris Ursus ผู้นั้น"
"เจ้าจะไม่มีวันได้ครองบัลลังก์"
ราชินีน้ำแข็งตะโกนกลับ
"ใครบอกว่าข้าต้องการครองบัลลังก์ ข้าต้องการทำลายมันทิ้งต่างหาก!"
พูดจบ Kostaltyn ก็ชาร์จลงจากเนินเขาพร้อมเหล่าทหาร กระบองของเขามีเปลวไฟลุกโชนขึ้น
"Kislev จะต้องอยู่รอด ไม่ใช่จากสิทธิ์โดยกำเนิด แต่จากแรงศรัทธาของผู้คน"
เขาฟาดกระบองเข้าใส่ Kossar ชาว Ungol ที่อยู่ใกล้ที่สุด ซึ่งปัดป้องได้อย่างเฉียดฉิว Yuri กับ Gerik ชักดาบออกมาและวิ่งเข้าปะทะกับทหารจากศาสนจักร ในขณะที่ Katarina ลอยอยู่เหนือหัวพวกเขาด้วยแท่นน้ำแข็ง
"จงเข้าร่วมกับพวกข้า"
นางตะโกนออกมา ทันใดนั้นพุ่มไม้รอบๆก็มีหน่วย Ice Guard โผล่ออกมา พวกนางยิงห่าฝนธนูน้ำแข็งเข้าใส่ทหารจากศาสนจักร
"ท่านล้ำเส้นเกินไปแล้วนักบวชเฒ่า! นี่คือการก่อกบฏ"
"เจ้าต่างหากที่เป็นคนทรยศอาณาจักร!"
ราชินีน้ำแข็งและมหาสังฆราชตะโกนใส่กันพร้อมเปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบ
Kostaltyn จัดการปลิดชีพศัตรูทีละคน เขาฟาดกระบองติดไฟเข้าใส่หัวของ Stefan ทำให้ข้ารับใช้หนุ่มตายลงเบื้องหน้าแท่นบูชา Ursun พร้อมเลือดที่ไหลเป็นทางยาว ทันใดนั้นมีการสั่นไหวในอากาศ แท่นบูชาแตกออกเป็นเสี่ยงพร้อมปรากฏรอยแยกบนอากาศ ตามมาด้วยเสียงคำรามดังกึกก้อง มีสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายสุนัขจำนวนนึงกระโดดออกมาจากรอยแยกและเข้าโจมตีทุกคนที่อยู่ใกล้ Yuri และ Gerik รีบหยุดการต่อสู้กับศาสนจักรทันที จากนั้นทั้งหมดก็หันไปเผชิญหน้ากับศัตรูรายใหม่ ฝูงสุนัขนรก Flesh Hounds of Khorne
"พวกปีศาจ Chaos!"
Gerik หายใจหอบขณะที่แทงดาบเข้าใส่ดวงตาของ Flesh Hound ตัวนึง ถ้าเป็นสิ่งมีชีวิตทั่วไปคงเป็นแผลฉกรรจ์ถึงตาย แต่มันกลับสู้ต่อโดยไม่มีการชะงักเพราะความเจ็บปวดเลย ทันใดนั้นดาบของเขาก็ส่องแสง ใบดาบถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งเรืองแสง ดาบของ Yuri ก็ด้วย ไม่สิดาบของนักรบ Kislev ทุกคนเลย
"ดาบของพวกเจ้าได้รับการเสริมพลังแล้ว คราวนี้จัดการผู้บุกรุกเหล่านี้ซะ"
ราชินีน้ำแข็งออกคำสั่งหลังจากใช้เวทเสร็จ Yuri และพี่น้องชาว Ungol ใช้ดาบเสริมพลังเวทเข้าจัดการ Flesh Hound อย่างรวดเร็ว ทหารของศาสนจักรและ Ice Guard ก็ฮึกเหิมขึ้นเมื่อเห็นภาพดังกล่าวด้วย มีเพียง Kostaltyn ที่ยืนลังเลใจพลางมองไปที่ศพของ Stefen บนแท่นบูชา
"ข้าทำอะไรลงไป"
"ท่านพึ่งมอบสิ่งที่ศัตรูต้องการให้แก่พวกมัน ท่านมอบการสังเวยเลือดให้แก่เทพโลหิต Khorne ซึ่งมันใช้โอกาสนี้หยุดข้าไม่ให้ยกทัพไปจัดการพวกมันทางเหนือ"
Katarina เอ่ยกับ Kostaltyn จากเบื้องบน นางยืนอยู่บนแท่นน้ำแข็งและระดมยิงคมมีดน้ำแข็งใส่ฝูง Flesh Hound ด้านล่าง
"ไม่ ม่ายย! ม่ายยยยจริง! ข้าไม่ใช่หุ่นเชิด! ข้าไม่ได้เป็นเครื่องมือของเทพชั่วร้าย!"
เปลวไฟบนกระบองของ Kostaltyn ลุกโชนยิ่งขึ้นจนกลายเป็นเหมือนบอลไฟกลมๆ เขากระโจนเข้าไปหาฝูงสุนัขนรกและฆ่าพวกมันตายด้วยการหวดแต่ละครั้ง พวกเขาทั้งหมดล้อมฝูง Flesh Hound เอาไว้และสู้ด้วยความโกรธที่มี ในสายเลือดของพวกเขาล้วนห้ำหั่นกับ Chaos มาโดยตลอด พวกเขาคือปราการหน้าในการต่อสู้กับความมืด
Yuri สังหาร Flesh Hound ลงได้อีกตัวนึง ร่างของมันลุกไหม้และสลายไปในอากาศ ตอนนี้เหลือพวกมันอีกเพียงไม่กี่ตัวเท่านั้น แต่จู่ๆพวกมันก็ร่างสลายไปเองก่อนที่พวกเขาจะได้ทำอะไร ทิ้งไว้เพียงร่างของนักรบที่ถูกฆ่า Yuri เสียคนไปหกคน Ice Guard ก็มีการสูญเสียเล็กน้อย ส่วนทหารจากศาสนจักรล้มตายไปเยอะมากแต่ก็มีจำนวนนึงที่รอดชีวิตมาได้ ตอนนี้พวกเขาล้อมวงรอบแท่นบูชาที่ถูกทำลาย
"ข้าควรจะตีตรวนท่านและส่งเข้าตะแลงแกงไปซะในโทษฐานก่อกบฏ"
ซาริน่าเอ่ยกับมหาสังฆราช
"แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ทำละ"
"ท่านรู้อยู่แล้วว่าทำไม สานุศิษย์ของท่านจะแห่กันมาที่ประตูพระราชวัง จะเกิดความแตกแยกและนำไปสู่การนองเลือดขึ้น และนั่นหมายถึงเราทำงานให้เทพชั่วร้ายอีกครั้ง นั่นเป็นสิ่งที่ยอมให้เกิดไม่ได้"
"ที่เจ้ากล่าวมาก็เป็นสิ่งที่ถูก ข้าไม่เคยโกหก ทำให้ข้าไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเวทมนตร์ของเจ้ามีส่วนช่วยพวกเรากำราบปีศาจเหล่านี้ ข้าคงต้องขอครุ่นคิดเกี่ยวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ก่อน ข้าคงต้องไปหาที่บำเพ็ญภาวนาให้ห่างไกลจากพระราชวังต้องสาปแห่งนี้ ไม่สิจากเมืองต้องสาปแห่งนี้มากกว่า"
"ได้ ไปเลย ท่านถูกเนรเทศจากที่นี่แล้ว"
ราชินีน้ำแข็งกล่าวกับ Kostaltyn ที่ยังคงมีท่าทางเป็นปฏิปักษ์อยู่ แต่ว่าเมื่อดูกำลังรบตอนนี้แล้วเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น
"ได้เลย นังแม่มด! ข้าไปก็ได้ แต่อย่าลืมชำระล้างดินในสวนแห่งนี้ละ มันเปื้อนมลทินแล้ว ส่วนข้าจะไปพำนักที่ศาลเจ้า Ursun ที่แท้จริงริมชายฝั่งทะเล"
พูดจบมหาสังฆราชก็จากไปพร้อมทหารที่เหลืออยู่
"ไปส่งพวกเขาด้วย"
ซาริน่าสั่งหน่วย Ice Guard ของนาง จากนั้นก็หันมามอง Yuri กับ Gerik
"มาเถอะพี่น้องชาว Ungol เราต้องฉลองชัยชนะครั้งนี้ด้วยควาสส์และวอดก้า!"
Gerik พูดตามมาด้วยเสียงเชียร์ของผู้ติดตามชาว Ungol ทุกนาย
"ปล่อยให้พวกเขาคุยกันอย่างสงบเถอะ เดี๋ยวเราค่อยกลับมาเก็บศพพวกเราทีหลัง"
พูดจบ Gerik ก็พาทุกคนออกไป เหลือเพียงแต่ Yuri และ Katarina เพียงสองคน
"ข้าสามารถร่วมทางไปกับเจ้าได้แล้วนะตอนนี้ Kostaltyn ไม่สามารถก่อปัญหาอะไรได้อีกหลังจากเหตุการณ์วันนี้"
Yuri พูดพลางมองไปยังซากแท่นบูชา
"โอ้ Yuri ผู้กล้าหาญ ไม่ได้หรอก Kostaltyn ตอนนี้ก็เหมือนสัตว์ที่บาดเจ็บ ซึ่งนั่นทำให้อันตรายยิ่งกว่าเดิม เจ้าจงกลับไปยังบ้านเกิดและเตรียมพร้อมรอคำสั่งจากข้าตามแผนเดิม"
Yuri พยักหน้ารับคำนาง จากนั้นทั้งคู่ก็ขยับเข้ามาใกล้และเอาหน้าผากชนกัน
"แล้วถ้าข้าไม่แกร่งพอละ ไม่คู่ควรมากพอที่จะค้นหาเทพหมีจนเจอ ทำไมเจ้าไม่ส่ง Golden Knight ไปแทน แล้วข้าจะได้ไปออกรบเคียงข้างเจ้าแทน"
"Naryska นะเหรอ ตอนนี้นางอยู่ที่ Empire กำลังขอความช่วยเหลือให้พวกเราอยู่ ดังนั้นไม่ เจ้าคือเจ้าชายของข้า แค่นี้ท่านก็คู่ควรแล้ว ถ้าข้าเป็นธิดาแห่ง Kislev ท่านก็คือบุตรแห่ง Kislev ถ้าจะมีสิ่งนึงที่เรียนรู้จากนักบวชเฒ่านั่นได้ ก็คือจงมีศรัทธา ให้มันเป็นเกราะคุ้มกายและพละกำลังแก่เจ้า เมื่อนั้นเทพของเราก็จะขานรับเจ้าแน่นอน ......พวกเรากลับไปยังพระราชวังดีกว่า มีเรื่องอีกมากที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนออกเดินทางวันพรุ่งนี้"
เจ้าชายชาว Ungol และราชินีน้ำแข็งเดินออกจากสวนและแยกจากกันไป หารู้ไม่ว่านี่เป็นการพบกันครั้งสุดท้ายของพวกเขา
ติดตามต่อได้ในเกม Total War: Warhammer 3 โหมด Prologue
แอดแพนด้า
โฆษณา