15 ก.พ. 2022 เวลา 03:57 • ธุรกิจ
#การตื่นรู้เป็นการฝึกฝนความเป็นมนุษย์ที่กำหนดชะตาชีวิตตนเอง
การตื่นรู้ (awakening)เป็นส่วนหนึ่งของความหมายของพุทโธ
เพราะพุทธโธหมายถึงผู้รู้ ที่เป็นผู้ตื่นรู้และเบิกบาน
พื้นฐานกระบวนการคิด (thought) ในเชิงระบบปฏิบัติการ (operation system/platform)จะมีระบบกระทำการ ที่สำคัญจากง่ายสู่ยาก คือ
1. กระบวนการตื่นรู้การปลุกปัญญาที่รู้เท่าทันโลกด้วยกระบวนความคิด(thought)
ที่ใช้หลักของเหตุและผล (causality)
ด้วยเหตุปัจจัยตอบโจทย์ และด้วยความสมดุลที่ยืดหยุ่น(resilience) ของระบบกระทำการ
2.กระบวนการตื่นรู้ของเติบโตทางจิตใจ (mind)
และการฝังตัวของจิตวิญญาน (spiritual) ที่เจตสิก
ซึ่งเป็นเปลือกหุ้มจิตที่บันทึก ความทางจำของ "กรรม" (เชื่อมโยงกับจักรวาลที่มีกาแล๊กซี่ทางช้างเผือก ที่ระบบสุริยะและโลกฯเป็นดาวบริวาร)
ติดตัวไปภพหน้าเมื่อสิ้นอายุขัยของร่างกาย
3. กระบวนการตื่นรู้ ด้านชีวิตและการงานทางด้านโลกิยสุข ที่เน้นความมั่งคั่งของโภคทรัพย์และอริยทรัพย์(ไม่สนเรื่องไม่เกิดไม่ดับ)
ประเด็นสำคัญการฝึกฝนเน้นการเหนี่ยวนำไปสู่ความเท่าเทียมกันในความเป็นมนุษย์ ในการกำหนดชะตาชีวิตตนเอง โดยไม่หวังพึ่งพระเจ้าเทพเทวา
มีกระบวนการ(process=เริ่มขั่นตอนไหนก่อนตามถนัดก็ได้แล้วค่อยตามวงจรไป)สำคัญได้แก่
1.จินตนาการก่อตั้งเป้าหมายชีวิตเป็น "ภาพรวมอนาคต (scenario =นิโรธ)"ตามรูปแบบฝึกไต่จากเขาเล็ก(ฝันเล็กๆ)สู่เขาใหญ่ (ฝันใหญ่)
ด้วยทั้งแรงผลักและแรงดันที่ก่อให้เกิดการแสวงหาโอกาศ ของชีวิตที่เกิดจากความปรารถนาแรงกล้า(passion =ความทะยานอยากที่มีกลยุทธ/strategy เป็นทางสายกลาง(มรรค)
2. กำหนดระบบปฏิบัติการที่มีวิสัยทัศน์ ที่ท้าทายและมีความเป็นไปได้
2.1ที่มีพื้นฐานของพลังทั้ง5 คือ
2.1.1ศรัทธา(กำจัดความลังเลสงสัย)
2.1.2 วิริยะ=กูสู้กูทำได้(กำจัดความท้อแท้สิ้นหวังด้วยความอดทน)
2.1.3 สติ(กำจัดความไม่รู้ว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่)
2.1.4 สมาธิ(กำจัดความที่จิตใจไม่จดจ่อกับเป้าหมาย)
2.1.5 ปัญญา (กำจัดการไม่ใฝ่รู้ใฝ่เห็น/curiosity เรียนรู้ตัวเหตุปัจจัย(สมุทัย)ที่ตอบโจทย์การแก้ปัญหา(ทุกข์)เชิงเหตุและผล
3. ทำไปเรียนรู้ไป (learning by doing) จากคนสำเร็จมาก่อน
เพื่อฝึกฝนอุปนิสัย (habit) และคุณลักษณะ(trait/characteristic) ที่จำเป็นต่อความสำเร็จ
ฝึกฝนจนเกิดทักษะ เพื่อให้ตนเองเกิดกลเม็ด (trick) เพื่อเอาไปต่อยอดความสำเร็จ
แน่นอนไม่ใช่ตาบอดคลำช้างครับตายก่อนพอดีจะฝึกฝนความเป็นมนุษย์
4. ยิ้มไม่ว่าดีงาม หรือเลวร้าย
เมื่อพ่ายแพ้ก็ท่องขึ้นจำ วันนี้ข้าจะเริ่มชีวิตใหม่ ข้าจะฝึกฝนอุปนิสัยและคุณลักษณะที่ดีเพิ่มเติมแล้วกลายเป็นทาสของมัน
5.ฝึกฝนจิตนำทางใจเพื่อประสานสมองด้านปัญญา ที่ก่อเกิดกระบวนความคิดท่มีเหตุและผลที่สมดุลย์กัน
5.1"ใจที่จดจ่อ (concentration) เหมือนจิตใจจดจ่อการขับรถ
ง่ายๆ เดินไปภาวนา(สืบค้นหาคำตอบจากเหตุปัจจัยที่แก้โจทย์ ชีวิตและการงาน
5.2 สูงขึ้นทำสมาธิแค่วันละ5-10นาที (ด้วยสมถะสมาธิ=เอาแค่ฝึกจิตให้เป็นหนึ่งเดียว/เอกกัคตาเพื่อจิตไม่ส่าย ใจรับแต่กุศลกรรมเพิ่มจุดขาว กำจัดอกุศลกรรมลดจุดดำ
และสมาธิแบบสัมมาสมาธิ คือไม่สนฌาน5 ขึ้นไปแบบโยคีฮินดู
ที่จิตปรุงแต่งหลอกเราเรื่องฤทธิที่ถือเป็นวิปัสนูกิเลสที่มีแต่จิตหลงทาง พาใจเสื่อม
ไม่จำเป็นที่ฝึกกัมมัฎฐานที่พาไปสู่ "การไม่เกิดไม่ดับ"เพราะแค่สมาธิที่บอกไปก็เพียงพอแก่การภาวนาเพื่อเกิดการตื่นรู้แล้ว
***โดย ศ.ดร.ดิเรก ฤกษ์หร่าย 15 กพ.2565
www.blockdit/direkrerkrai
โฆษณา