15 ก.พ. 2022 เวลา 14:24 • ประวัติศาสตร์
เหลียนผอ แม่ทัพเฒ่า เสาหลักแคว้นจ้าว ตอนที่ 2(จบ)
ความเดิมตอนที่แล้ว เหลียนผอและลิ่นเซียงหยูสามัคคีกัน และพร้อมรับศึกกับแคว้นฉิน
266 ปี ก่อน ค.ศ. จ้าวฮุ่ยเหวินหวางสวรรคต จ้าวเฉิงหวางขึ้นครองบัลลังค์แทน ภายใต้การปกครองแผ่นดินจากหลังม่านของจ้าวไทเฮา จ้าวเซิ่งเป็นสมุหนายกต่อจากลิ่นเซียงหยูที่เกษียณอายุไป ฉินได้โอกาสส่งแม่ทัพหวังเจี้ยนทัพหน้ายกเข้าตีจ้าวได้สามเมือง เหลียนผอถูกส่งไปยันทัพไว้ได้เดือนหนึ่ง จ้าวขอความช่วยเหลือจากฉีโดยยอมส่งฉางอานจวุนบุตรคนสุดท้องของจ้าวไทเฮาไปเป็นตัวประกัน เมื่อฉินได้ข่าวว่าฉียกมาช่วยจ้าว ฉินเจาเซียงหวางจึงให้ถอยทัพกลับมา
จากนั้นไม่นาน ฉินก็ให้แม่ทัพหวางเหอคุมทัพมาตีเว่ย จ้าวรับของกำนัลจากเว่ย ตกลงว่าจะช่วยเว่ยโดยให้เหลียนผอคุมทัพลงมาช่วย เหลียนผอคุมทัพสองแสนลงใต้มา ทราบข่าวว่าเมืองซ่างตังแตกแล้ว จึงตั้งทัพระหว่างทางที่ฉางผิง เพราะคิดว่าฉินกำลังฮึกเหิม หากปะทะกับทัพฉินเวลานี้ก็เหมือนเอาไข่ไปกระทบหิน สู้ยันทัพไว้ให้ฉินขาดเสบียงแล้วเลิกทัพกลับไปเองดีกว่า
จึงโบกธงสั่งทหารให้หยุดตั้งค่ายโดยให้ตั้งค่ายเล็กให้รายรอบค่ายใหญ่ออกไปอีกเป็นอันมาก ดุจดาวล้อมเดือน สั่งทหารเอกไปรักษาเมืองรายรอบอีกสามตำบล ครั้นจัดแจงทหารเสร็จแล้วจึงให้ตั้งรอรับข่าวทหารฉินอยู่ เหลียนผอให้ขุดสระลงในค่าย กว้างลึกประมาณสิบวา แต่ทหารทั้งปวงมิได้รู้ว่าจะขุดไปทำไม ก็ต้องขุดไปตามเหลียนผอสั่งจนสำเร็จ ฝ่ายหวางเหอแม่ทัพฉิน ก็ยกทัพมาตั้งประชิดทัพเหลียนผอ ยั่วยุให้เหลียนผอออกรบ แต่เหลียนผอก็ประกาศสั่งนายทัพนายกองทั้งปวงให้ตรวจตรารักษาค่ายตามหน้าที่ของตัวแล้วมิให้ใครออกรบ ถ้าผู้ใดออกรบให้ประหาร
หวางเหอก็คิดตัดกำลังเหลียนผอโดยการให้เอาต้นกกตากแห้งมาสานเป็นประสอบใส่ทรายไปถมแม่น้ำซึ่งจะไหลผ่านค่ายเหลียนผอ แต่ถึงน้ำลำคลองข้างในทำนบจะแห้ง เหลียนผอก็ไม่ได้เดือดร้อนเพราะได้สั่งขุดสระไว้ก่อนแล้ว จึงให้ทหารออกไปร้องเยาะเย้ยที่หน้าค่ายว่า หวางเหอเสียแรงถมสระกันเปล่า ๆ แล้วก็กลับมานอนต่อ ไม่ออกรบ
ฝ่ายหวางเหอแต่ปิดนํ้าไว้ถึงสี่เดือนแล้วแจ้งว่าทหารในค่ายเหลียนผอมิได้อดนํ้า ก็เสียใจ คิดว่าเหลียนผอมีสติปัญญาเป็นอันมากเห็นจะสู้ไม่ได้ ตั้งทัพยันอยู่นาน จึงเขียนหนังสือฉบับหนึ่งให้ม้าเร็วถือรีบไปแจ้งแก่ฉินเจาเซียงหวาง ฉินเจาเซียงหวางจึงปรึกษาฟ่านซุยว่าจะทำอย่างไร ฟ่านซุยจึงออกอุบาย ขอเบิกเงินในท้องพระคลัง ใช้จารชนไปให้ข่าวและยุยงจ้าวเฉิงหวางให้ปลดเหลียนผอ และแต่งตั้งจ้าวคว่อ บุครจ้าวเซอ ซึ่งก่อนตายจ้าวเซอได้สั่งภรรยาว่าอย่าให้บุตรผู้นี้เป็นแม่ทัพ เพราะจะทำให้สูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ ด้วยว่าจ้าวคว่อคนนี้อวดรู้ แต่รู้แต่หนังสือ เห็นการสงครามเป็นกระดานหมาก
แผนการของฟ่านซุยสำเร็จ จ้าวอ๋องแต่งตั้งให้จ้าวคว่อเป็นแม่ทัพใหญ่ยกมาแทนเหลียนผอ ส่วนฟ่านซุยแต่งตั้งให้แม่ทัพไป๋ฉีไปแทนหวางเหอ แต่กำชับว่าให้ปิดเป็นความลับ เพราะรู้ดีว่าจ้าวคว่อเกรงกลัวไป๋ฉีอยู่ จึงห้ามทหารมิให้ออกชื่อไป๋ฉีเด็ดขาด มิฉะนั้นจะสั่งประหาร
ฝ่ายแคว้นจ้าว เมื่อจ้าวเฉิงหวางหลงกล แต่งตั้งจ้าวคว่อเป็นแม่ทัพยกไปแทนเหลียนผอ เหลียนผอก็พาทหารของตัวประมาณร้อยหนึ่งรีบกลับไปแคว้นจ้าว ส่วนจ้าวคว่อก็เที่ยวตรวจดูค่ายซึ่งเหลียนผอจัดแจงไว้นั้น ไม่ชอบใจก็ติเตียนต่างๆ แล้วให้จัดใหม่ สระซึ่งเหลียนผอขุดไว้ก็ให้ทหารถมเสีย เพราะขณะนั้นทัพฉินไม่ได้ปิดทำนบน้ำแล้ว จึงคิดว่าไม่มีประโยชน์ที่จะมีสระอยู่กลางทัพ และก็นับเป็นบุญของทหารร้อยนายที่ตามเหลียนผอกลับแคว้นจ้าวจริง ๆ เมื่อผลของศึกครั้งนี้ ไป๋ฉีได้สังหารทหารจ้าวสี่แสนคนทั้งสนามรบ ไม่เว้นแม้แต่เชลยที่วางดาบยอมแพ้
ช่วงเวลานั้นไป๋ฉีได้ตีทั้งหานและจ้าวแตกยับเยิน กำลังบุกไปประชิดหานตานเมืองหลวงแคว้นจ้าว แต่ถูกฟ่านซุยอิจฉาทูลให้สั่งถอยทัพก่อน ต่อมาก็ให้หวางหลิงไปตีแคว้นจ้าวแทน แต่คราวนี้คนรับศึกคือเหลียนผอ ซึ่งสถาณการณ์ของแคว้นจ้าวตอนนี้ถึงขั้นที่เรียกว่าขาดกำลังพลอย่างหนัก เหลียนผอเอาเงินส่วนตัวจ้างทหารรับจ้างออกปล้นทัพฉินอยู่เนือง ๆ ผ่านมาสองปี หวางหลิงตีจ้าวไม่แตก ฉินเจาเซียงหวางจึงขอให้ไป๋ฉียกไปตี แต่ไป๋ฉีปฏิเสธว่าสายไปแล้ว ช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาเหลียนผอได้สร้างแนวป้องกันไว้หมดแล้ว พระองค์ได้ผ่านช่วงเวลาดีที่สุดที่จะซ้ำเติมแคว้นจ้าวไปตั้งแต่ที่สั่งข้าพเจ้าให้ถอยทัพเพราะคำทูลของฟ่านซุย
ฉินเจาเซียงหวางจึงตั้งหวางเหอเป็นแม่ทัพคุมทหารหนึ่งแสนยกไปตีแคว้นจ้าวแทนหวางหลิง หวางหลิงก็พาพรรคพวกของตัวประมาณสิบคนกลับมา ฉินเจาเซียงหวางก็ถอดเสียจากที่ขุนนาง
ฝ่ายหวางเหอตั้งแต่มารบล้อมเมืองแทนหวางหลิงอยู่ถึงห้าเดือนแล้ว ก็เข้าหักเอามิได้ กิตติศัพท์รู้ไปถึงไป๋ฉี ไป๋ฉีจึงว่า "เราได้บอกฉินอ๋องแล้วว่า เมืองจ้าวครั้งนี้ถึงจะไปตีก็คงจะยาก ฉินอ๋องมิได้เชื่อคำเรา ขืนให้หวางเหอไปตี เดี๋ยวนี้ได้ยินข่าวว่าเป็นกระไรบ้าง ตีเมืองจ้าวได้แล้วหรือ" คำพูดนี้ไปถึงหูฉินอ๋อง ฉินอ๋องแม้จะโกรธแต่ก็ยอมขอให้ไป๋ฉียกไปอีกครั้ง ไป๋ฉีปฏิเสธบอกป่วย นั่นจึงเป็นช่องว่างให้ ฟ่านซุย ศรัตรูทางการเมือง ทูลให้ฉินอ๋องปลดไป๋ฉี และยุยงให้พระราชทานกระบี่ให้ไป๋ฉีเชือดคอตายในที่สุด
และฟ่านซุยก็สั่งให้เจิ้งอานผิงคุมทหารอีกห้าหมื่นไปช่วยหวางเหอตีแคว้นจ้าว และเมื่อ 257 ปี ก่อน ค.ศ. ซิ่นหลิงจวิน องค์ชายแห่งเว่ยก็ขโมยตราแม่ทัพขึ้นมาช่วยแคว้นจ้าวได้สำเร็จ นับเป็นความพ่ายแพ้ของฉินที่ไม่ได้พบเห็นเลยในช่วงที่ฉินมีแม่ทัพชื่อไป๋ฉี
ต่อมาแคว้นเยียนเพื่อนบ้านยกทัพมาบุกตีแคว้นจ้าว เหลียนผอจึงว่า บัดนี้เมืองเยียนยกทัพมาตีเมืองเราเพราะเขารู้ว่าผิงหยวนจวินตายไปแล้ว ครั้งก่อนนั้นเรายกทัพไปตีทหารฉิน ทหารล้มตายเป็นอันมาก ท่านจงป่าวร้องให้เกณฑ์ชายอายุตั้งแต่สิบห้าปีขึ้นไป ให้ถืออาวุธออกช่วยกันรบและให้ตามหลี่มู่มาช่วยคิดอ่านกันกับข้าพเจ้าเถิด จ้าวอ๋องก็ทำตามนั้นทุกประการ และด้วยสติปัญญา ความเข้มแข็งของเหลียนผอและหลี่มู่ จึงเอาชนะกองทัพเยียนด้วยกลอุบายอันแยบยลไม่ยากนัก ซ้ำยังได้แม่ทัพเยียนมาเป็นพวก ตามตีกลับไปถึงแคว้นเยียน จนเยียนต้องยอมสงบศึกทำตามข้อเรียกร้องของเหลียนผอทุกประการ เหลียนผอจัดการแต่งตั้งสมุหนายกคนใหม่ให้แคว้นเยียนเสร็จสรรพก็ยกทัพกลับมา
ต่อมา เมื่อองค์ชายซิ่นหลิงจวินแห่งแคว้นเว่ยที่เคยขโมยตราแม่ทัพมาช่วยแคว้นจ้าวตายลงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างจ้าวและเว่ยจึงสิ้นสุดลง จ้าวเซี่ยวเฉิงหวางจึงสั่งเหลียนผอให้เป็นแม่ทัพคุมทหารยกมาตีแคว้นเว่ย เหลียนผอก็ยกทัพไปตีเว่ยได้หลายเมือง ระหว่างนั้นจ้าวเซี่ยวเฉิงหวางได้ป่วยตาย จ้าวต้าวเซียงหวางขึ้นแทน เหลียนผอเริ่มเห็นสัญญาณอันตราย จึงค่อย ๆ ให้ครอบครัวย้ายตามมาอยู่ด้วยในเมืองที่ตีได้ และก็เป็นโอกาสที่ กว้อไค ขุนนางคนหนึ่งที่เกลียดเหลียนผอเพราะเคยถูกเหลียนผอตวาดในงานเลี้ยง กว้อไคเข้าทูลจ้าวต้าวเซียงหวางว่า เหลียนผอนั้นชราแล้ว ไม่เป็นใจสู้รบ ยกทัพไปตั้งแต่พ่อท่านยังไม่ตาย จนป่านนี้ก็ยังไม่เสร็จศึก จ้าวต้าวเซียงหวางกษัตริย์ใหม่ก็เห็นจริง จึงสั่งปลดเหลียนผอแต่งตั้งแม่ทัพใหม่ไปแทน
เมื่อเหลียนผอทราบเรื่องก็โกรธว่า "เราทำราชการมาได้สี่สิบปี ก็ยังหามีความผิดไม่" เหลียนผอจึงคิดอยากลองฝีมือแม่ทัพคนใหม่ ก็ขับทหารออกรบจนแม่ทัพใหม่สู้ไม่ได้ หนีกลับเมืองไป เหลียนผอรู้ว่าตนผิดจึงหนีไปอยู่กับเว่ยอ๋อง เว่ยอ๋องก็เลี้ยงดูเหลียนผอไว้เป็นที่แม่ทัพแต่ยังไม่ไว้ใจ กลัวจะเป็นอุบายของแคว้นจ้าว เหลียนผอเห็นเว่ยอ๋องไม่ไว้ใจ ก็คอยหาช่องทางจะแสดงความชอบอยู่มิได้ขาด
ต่อมาทัพฉินเข้าตีแคว้นจ้าวอีก กว้อไคก็รับสินบนจากฉินให้ประหารหลี่มู่ไปแล้ว แคว้นจ้าวจึงไม่เหลือแม่ทัพที่จะรับมือทหารฉินได้ จ้าวอ๋องจึงให้ไปเชิญเหลียนผอกลับมารับศึกกับฉิน พร้อมพระราชทานเสื้อเกราะกับม้าฝีเท้าดี กว้อไคไหวตัวทัน คิดว่าถ้าเหลียนผอกลับมาคงโดนเล่นงานแน่ ๆ จึงไปพบทหารที่จะไปเชิญตัวเหลียนผอ แล้วให้สินบนพร้อมกำชับว่า "ท่านจงกลับมารายงานจ้าวอ๋องว่าเหลียนผอชราแล้ว ไม่สามารถกลับมาทำศึกได้อีก"
เมื่อทหารมาถึง เหลียนผอก็ทราบทันทีว่าแคว้นจ้าวมีศึกมาประชิดจึงต้องการใช้งานตน จึงกินอาหารให้เห็นกำลัง เหลียนผอกินอาหารมื้อหนึ่งนั้นได้ถังหนึ่งเนื้อหมูสิบชั่งเศษ แล้วก็ใส่เสื้อเกราะขึ้นขี่ม้าควบไปโดยกำลัง รำทวนอยู่บนหลังม้าเป็นเวลานานแล้วลงจากม้า จึงว่ากับทหารว่า "เรารำอาวุธและกำลังเราเมื่อหนุ่มกับบัดนี้ ท่านเห็นเป็นประการใด" ท่านจงไปบอกกับจ้าวต้าวเซียงหวางเถิด ว่าเราก็คิดถึงบุญคุณอยู่มิได้ขาด จะใคร่กลับไปทำราชการอยู่ด้วย เหล่าทหารก็ลากลับมา แต่กลับเข้าไปทูลจ้าวต้าวเซียงหวางว่า "เหลียนผอบัดนี้ก็ชราอยู่แล้วแต่ยังพอมีกำลังมากอยู่ มื้อหนึ่งกินอาหารได้ถึงถังหนึ่งกับเนื้อหมูสิบชั่งเศษ แต่มีโรค นั่งพูดอยู่กับข้าพเจ้าเพลานั้นไปถ่ายอุจจาระถึงสามครั้ง" จ้าวต้าวเซียงหวางได้ยินดังนั้นก็นึกภาพออก คิดว่าคงทำการศึกไม่ได้ จึงไม่คิดไปเชิญเหลียนผอมาอีก ฝ่ายเหลียนผอก็ใส่เกราะรออยู่ที่บ้าน
จนกระทั่งฉู่หวางรู้ข่าวว่า เหลียนผอมาอยู่แค้วนเว่ย และต้องการใช้งานเหลียนผอมานานแล้ว จึงให้คนไปเชิญเหลียนผอมารับราชการ เหลียนผอซึ่งตอนนั้นอยู่ในสภาพที่ไร้ที่ยึดเหนี่ยวจึงยอมไปอยู่แคว้นฉู่ แต่เมื่อไปรับราชการแล้วก็ไม่สมกับความตั้งใจ เหลียนผอเสียใจนักก็ป่วยลง ตรอมใจตายในที่สุด สิ้นสุดแม่ทัพชราจากแคว้นจ้าว มาสิ้นชีพที่ฉู่แต่ฝากชื่อไว้เป็นหนึ่งในแม่ทัพแห่งยุค
อ้างอิง
- เลียดก๊ก ฉบับแปลไทย ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พ.ศ.2362
- เลียดก๊ก ฉบับคนรุ่นใหม่ โดย สุขสันต์ วิเวกเมธากร
โฆษณา