Blockdit Logo (Mobile)
sydNEY: The Storiographer
•
16 ก.พ. 2022 เวลา 08:04 • ยานยนต์
การผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และการใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ใช้พลังงานแตกต่างจากรถยนต์ที่ใช้เครื่องสันดาป อย่างไร ช่วยลดการใช้น้ำมัน ได้เพียงใด โดยไม่คิดถึงการลดโลกร้อน ?
1) “การผลิตรถไฟฟ้า”
1.1) ตัวถัง: ตัวถังรถไฟฟ้า มีความแตกต่างจากรถนำ้มัน (ICE -> International Combusion Engines) ครับ
รถไฟฟ้าต้องใช้ “แบตเตอรี่” เป็นแหล่งเก็บพลังงาน ปัจจุบันรถไฟฟ้ามักใช้พื้นที่ใต้ห้องโดยสาร หรือ พื้นรถด้านใน เป็นตำแหน่งในการวางแบตเตอรี่ เพราะเป็นจุดที่มีความปลอดภัยพอสมควร และที่สำคัญคือ เป็นจุดที่นำ้หนักแบตเตอรี่จะกดลงตรงกลางตัวรถ ทำให้รถไม่หนัก “หน้า/หลัง” ซึ่งจะไปส่งผลถึงการ “ทรงตัว” ของรถได้ แต่สิ่งสำคัญคือ การออกแบบ “ระบบป้องกันนำ้เข้า” บริเวณที่เก็บแบตและตัวมอเตอร์ไฟฟ้า เพราะน้ำกับระบบไฟฟ้าไม่ถูกกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะเวลาขับลุยนำ้ท่วมครับ
1
และมีบาง brands ที่ออกแบบฝากระโปรงหน้ารถ ให้เปิดได้บ้างหรือ แทบเปิดไม่ได้เลย เพราะภายในฝากระโปรงหน้ารถของ รถ EV จะมีอุปกรณ์ควบคุมที่มี “ไฟแรงสูงสายไฟสีส้ม” อยู่ภายใน โดยอาจเป็นอันตรายต่อตัวเจ้าของรถเองครับ
ขอยกตัวอย่าง Mercedes EQS ที่คาดว่ากำลังจะประกอบภายในบ้านเราปีนี้ ทางวิศวกรได้ออกแบบ “ฝาเติมนำ้ยาที่ปัดน้ำฝน” อยู่ข้างซ้ายด้านหน้าตัวรถ เพื่อให้เจ้าของรถ เติมนำ้ยาได้โดยไม่ต้องเปิดฝากระโปรงหน้ารถครับ
1.2) ช่วงล่าง: คาดว่าไม่แตกต่างจากรถนำ้มันมากนักครับ คิดว่าใช้อะไหล่ช่วงล่างแทนกันได้บ้างตามความใกล้เคียงของนำ้หนักและขนาดตัวถังรถครับ
1.3) ระบบขับเคลื่อนและเกียร์: เนื่องจากใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน ผมคาดว่าชุดเกียร์น่าจะซับซ้อนน้อยกว่ารถน้ำมัน อาจมีการใช้ “เทคนิคทางไฟฟ้า” มาเป็นลูกเล่นมากขึ้น ถ้าตัวมอเตอร์ไม่หนักมาก ชุดเพลาขับก็น่าจะเบาตามไปด้วย ซึ่งจะไปส่งผลให้รถประหยัดพลังงาน และขับสนุกขึ้นได้!
2) ”การใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน”
มอเตอร์มีหน้าที่เปลี่ยน “กระแสไฟฟ้า” เป็น “พลังงานกล” ในรูปการ “หมุน” ของแกนมอเตอร์ เมื่อนำแกนมอเตอร์ไปต่อกับ “ล้อ” รถ EV ก็ขับไปได้
รถน้ำมัน อาศัย “การเผาไหม้” ของ “ เชื้อเพลิงน้ำมัน” แล้วเปลี่ยนจากพลังงาน “ความร้อน” และการขยายตัวของแก๊สใน “กระบอกสูบ” ไปเป็นพลังงานกล เพื่อขับเคลื่อน “ลูกสูบ” แล้ว ลูกสูบไปขับก้านลูกสูบ แล้วก้านลูกสูบ ไปขับเพลาข้อเหวี่ยง โดยในที่สุด จะไปขับเพลาที่ต่อกับ “ล้อรถ” ครับ
3) “ช่วยลดการใช้นำ้มันได้เพียงใด”
หลังจากที่รถ EV กลายเป็นสินค้าหลัก(mainstream) แทนรถน้ำมัน ซึ่งน่าจเป็นช่วงเวลาอีกอย่างน้อยสิบปี นั่นแหละครับ เราจะได้คำตอบ! ซึ่งประเทศที่ “ทำมาหากิน” กับการขายนำ้มัน ก็กำลังหาคำตอบให้กับตัวเองอยู่ครับ
โฆษณา